เวินอี่ฝานรู้สึกว่าเราจะพูดจากันดีๆ ไม่ได้เลย เวลาที่เขาพูดมักจะแฝงการเสียดสี คล้ายมีคล้ายไม่มี เห็นชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติในการสนทนา
เวินอี่ฝานอยากพูดคุยกับเขาดีๆ แต่ก็คิดว่าเหมือนจะไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องพูด
ในระหว่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้นก็มาถึงเฉิงซื่อจยาย่วนในที่สุด
ชุมชนแห่งนี้สร้างมาสิบกว่าปีแล้ว การก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกในชุมชนล้วนมีสภาพเก่าทรุดโทรม พื้นที่ไม่กว้างนัก ทางขึ้นตึกมีแต่บันได ไม่มีลิฟต์ ปกติส่วนกลางก็ไม่ค่อยจะมาดูแล เวลานี้ยิ่งไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ทางเข้าอีก
แม้แต่ราวที่กั้นรถก็ไม่ลดระดับลง
ซังเหยียนไม่ได้ขับรถเข้าไปด้านใน เขาจอดรถอยู่ที่ทางเข้า
เวินอี่ฝานปลดเข็มขัดนิรภัย เอ่ยไปตามมารยาท “วันนี้ขอบคุณนายมากนะ รอให้นายมีเวลาว่าง ไว้ฉันขอเลี้ยงข้าวนายสักมื้อนึง”
“หืม?” ซังเหยียนเอนหลังพิงเบาะรถ หันหน้ามาด้วยสีหน้าเฉยเมย “เธอคิดถึงการเจอกันครั้งหน้าเร็วขนาดนี้?”
“…”
เวินอี่ฝานรู้สึกประหลาดใจมาก
หลายปีมานี้ที่ซังเหยียนมีฉายาว่า ‘ตัวท็อปแห่งถนนตั้วลั่ว’ เขาจะฮอตสักแค่ไหนกันนะ
ไม่ว่าเขาจะได้ยินคำพูดใดก็ตามก็มักจะรู้สึกว่าคนอื่นมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่เสมอ หรือเป็นเพราะที่เธอพูดที่ผับก่อนหน้านี้ทำให้เขาเข้าใจเธอผิดไป?
เวินอี่ฝานตัดสินใจอธิบายสักหน่อย “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ผับ ฉันไม่ทันระวัง พูดผิดไป…”
ซังเหยียนไม่รอให้เธอพูดจบก็ขัดจังหวะขึ้นมาทันที “ประโยคไหนล่ะ…ประโยคที่ว่า ‘น่าเสียดายจัง’ อะเหรอ”
“…”
เวินอี่ฝานเลิกล้มความคิดโดยพลัน เธอหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ไปเลย ยื่นมือไปเปิดประตู
“นายขับรถกลับระวังหน่อยแล้วกัน”
เวินอี่ฝานเดินเข้าเขตชุมชนไป
เธอพักอยู่ในตึกที่อยู่ใกล้ทางเข้าที่สุด พอเดินเข้าไปเลี้ยวขวาไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว
เวินอี่ฝานหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูตึกแล้วค่อยๆ เดินขึ้นไป ตึกนี้ในหนึ่งชั้นมีห้องชุดอยู่หกห้อง พอขึ้นไปถึงชั้นสามที่ตัวเองพักอาศัย เธอก็เดินตามทางเดินเข้าไปด้านในสุดซึ่งเป็นห้องของเธอ
เวินอี่ฝานกำลังจะเดินเข้าไป แต่จู่ๆ ก็สังเกตเห็นผู้ชายสามคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าห้อง กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง ตอนนี้พวกเขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้น คุยเรื่องลามกอนาจารและพ่นคำหยาบคายพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ไม่รู้ว่าพวกเขาเพิ่งกลับมาหรืออยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่งแล้ว
โคมไฟในตึกก็เสีย ภายในตึกจึงดูมืดสลัว มองเห็นพวกเขาไม่ชัดเจน แต่พอมีแสงรำไรส่องเข้ามาจากด้านนอก เวินอี่ฝานก็พอจำรูปร่างของคนหนึ่งในนั้นได้ เป็นชายหนุ่มที่พักอยู่ข้างห้อง…
เวินอี่ฝานถึงเพิ่งนึกได้ นับตั้งแต่วันที่เธอแจ้งตำรวจ นี่มันก็ผ่านมาห้าวันแล้ว
เดิมทีเธอคิดว่าวันนี้จะไปค้างบ้านของจงซือเฉียวสักคืนหนึ่ง พอเย็นนี้ตกลงกับหวังหลินหลินเสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้ค่อยหาเพื่อนร่วมงานผู้ชายมาช่วยเธอย้ายข้าวของ
ทว่าเพราะคืนนี้ไปงานสังสรรค์เลยพบกับซังเหยียนรวมถึงเรื่องราววุ่นวายต่างๆ นานา ทำให้เธอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
เวินอี่ฝานหยุดชะงัก กุญแจในมือกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆ
จู่ๆ ผู้ชายพวกนั้นก็หันมามองเธอ