เวินอี่ฝานหลุบตาลง พยายามควบคุมมือที่สั่นเทา เธอหยิบมือถือออกมาโทรแจ้งตำรวจ
คนอย่างซังเหยียนที่ทำตัวเหนื่อยหน่ายเกียจคร้านมาตลอด ท่าทางไม่อยากยุ่งกับอะไรทั้งนั้น เวลามองคนมักแฝงไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน คราวนี้เหมือนกับว่าเขาจะโมโหจริง หน้าตาราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์
ดวงตาเขาสีดำขลับแฝงไปด้วยความชั่วร้าย มองคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกับเป็นแค่เนื้อดิบก้อนหนึ่ง
ในขณะเดียวกันสองคนนั้นก็เดินขึ้นหน้ามาคว้าตัวเขา คิดจะควบคุมตัวเขาไว้
ซังเหยียนมือไวตาไว ดึงผมของคนหนึ่งในนั้นขึ้นมา ออกแรงดึงขึ้นด้านบนแล้วเหวี่ยงไปกระแทกกับเสาไฟด้านข้าง ส่วนอีกคนหนึ่งก็ฉวยโอกาสนี้ชกหน้าซังเหยียนไปหมัดหนึ่งอย่างแรง
เขาหลบไม่ทัน หน้าเอียงไปด้านหนึ่ง ตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่
เหมือนกับซังเหยียนไม่มีสติและไม่เจ็บปวด เขาได้รับบาดเจ็บแต่ยังยิ้มออกมาได้
หลังจากที่เวินอี่ฝานตระหนักได้ว่าถึงตัวเองจะออกไปก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ในทางกลับกันจะเป็นตัวถ่วงให้ซังเหยียนอีก เธอจึงไม่ได้วิ่งพรวดพราดออกไป แต่ยังเป็นกังวลว่าพวกเขาจะมีใครที่มีอาวุธหรือเปล่า คอยจ้องดูการเคลื่อนไหวของอันธพาลพวกนั้นอย่างเหงื่อตก
นอกเสียจากว่าอีกสองคนจะเข้ามารุมเขาซะจนน่วม ซังเหยียนตั้งท่าต่อสู้ในเชิงรุกอยู่ตลอด เขาใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดไปบนร่างของชายหนุ่มที่มีรอยสักรูปเสือแล้ว ทันใดนั้นเวินอี่ฝานก็เห็นปากเขาเผยอออกและปิดลง เหมือนจะพูดเพียงประโยคสั้นๆ แต่เขาอยู่ห่างออกไปสักระยะหนึ่ง เวินอี่ฝานจึงไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
โชคดีที่ตำรวจลาดตระเวนที่อยู่แถวนี้มาถึงเร็ว เดินขึ้นหน้ามาตะโกนว่า “เฮ้ย! ทำอะไรกันน่ะ!”
เมื่อเห็นเหตุการณ์เวินอี่ฝานก็ลงจากรถทันทีแล้วเดินไปทางซังเหยียน กลัวว่าตำรวจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นตัวการก่อเรื่อง เธอกันให้ซังเหยียนไปอยู่ด้านหลัง พยายามพูดอย่างสงบ
“คุณตำรวจคะ เมื่อกี้เป็นฉันเองที่แจ้งตำรวจ คนนี้เป็นเพื่อนของฉันค่ะ…”
เห็นชัดว่าซังเหยียนได้รับบาดเจ็บบนใบหน้า มุมปากมีรอยเลือดอยู่เล็กน้อย มีรอยถลอกอยู่บ้าง ใบหน้าด้านข้างมีรอยช้ำอยู่นิดหน่อย โทสะในดวงตาเขาจางไปเล็กน้อย เขาหลุบตาลงจ้องไปที่ท้ายทอยขาวเนียนของเวินอี่ฝานอย่างเงียบงัน
พวกเขาถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวัน
มองจากอาการบาดเจ็บของทั้งสองฝ่ายแล้วก็ไม่นับว่าเป็นการทำไปเพื่อป้องกันตัว สถานการณ์ดูจะเอนเอียงไปว่าทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน แต่ชายหนุ่มที่มีรอยสักรูปเสือมีข้อหาอยู่ก่อนแล้ว บวกกับที่วันนี้เพิ่งถูกปล่อยตัวก็ไปหาเรื่องผู้ที่ได้รับความเสียหายในครั้งก่อนอีก จึงได้รับโทษหนักหน่อย
นอกจากชายหนุ่มที่มีรอยสักรูปเสือแล้ว คนอื่นก็แค่ถูกตักเตือน ปรับเพียงไม่กี่ร้อยหยวนแล้วก็กลับไป
หลังออกมาจากสถานีตำรวจ เวินอี่ฝานแอบมองหน้าซังเหยียนพลางเม้มปาก
“นายจะไปโรงพยาบาลหน่อยมั้ย”
ซังเหยียนไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่จึงไม่ได้สนใจเธอ
“บนตัวนายยังมีตรงไหนบาดเจ็บอีกหรือเปล่า” เพราะนี่เป็นเรื่องของเธอเองแท้ๆ แต่ดันลากเขาเข้ามาเอี่ยวด้วย เวินอี่ฝานรู้สึกผิดและไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ “พวกเราไปโรงพยาบาลหน่อยเถอะ น่าจะเสียเวลาไม่นาน…”
ซังเหยียนเอ่ยขัดจังหวะเธอ “เวินอี่ฝาน”
เวินอี่ฝานช้อนตาขึ้น “มีอะไรเหรอ”
ซังเหยียนจ้องมองเธอแล้วโพล่งออกมา “ฉันยืนอยู่ตรงนั้น เธอมองไม่เห็นเหรอ”
เวินอี่ฝานไม่เข้าใจ “อะไรเหรอ”
“เธอดันไม่เรียกให้ฉันช่วย เธอจะวิ่งไปไหน”
“…”