Lie to Love เกมรักซ่อนกลลวง
ทดลองอ่าน Lie to Love เกมรักซ่อนกลลวง บทที่ 1
ลี่เจ๋อเหลียงนั่งอยู่ในรถ นิ้วมือคีบบุหรี่มวนหนึ่ง ทว่านานแล้วก็ยังไม่จุดไฟ
ชั่วขณะนั้นใกล้ดึกเต็มที ภายในที่พักอาศัยเงียบสงัด ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน บางครั้งพงหญ้าข้างทางก็มีเสียงเคลื่อนไหวของจิ้งหรีดดังขึ้น ทว่าเขาที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาของเสิ่นเสี่ยอี้ได้อย่างชัดเจน เวลานอนหลับเธอเหมือนกับเด็กน้อย ปากเผยอออกเล็กน้อย ฟันขาวราวกับเปลือกหอยโผล่ออกมาด้านนอก ก่อนหน้านี้เคยมีคนถามเธอว่า ‘เธอนอนหลับแบบนี้ ฟันยื่นออกมาตลอด ตอนกลางคืนไม่รู้สึกหนาวบ้างหรือไง’ ผลลัพธ์ซึ่งแลกกลับมาเป็นการกัดเข้าที่คาง
ลี่เจ๋อเหลียงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เขาลงจากรถช้าๆ จากนั้นก็อ้อมไปฝั่งของเสิ่นเสี่ยอี้เพื่อเปิดประตูรถ
“เสี่ยอี้” เขาเรียกเธอเป็นการหยั่งเชิง
ไม่มีการตอบสนอง
เขาลูบศีรษะของเธอเบาๆ แล้วเรียกอีกครั้ง “เสี่ยอี้”
ยังคงไร้การตอบสนอง
ดังนั้นเขาจึงโน้มตัวลงไป ขณะที่โอบเธอเข้าสู่อ้อมแขนและเตรียมจะลุกขึ้นยืนอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็หยุดชะงัก ขมวดคิ้ว ก่อนวางเธอกลับลงไปอย่างระมัดระวัง
เขาใช้มือประคองขาขวาของตัวเอง มืออีกข้างหนึ่งยันกับหลังคารถ กำมือแน่น ศีรษะซบไปกับแขน งอตัวจนเกือบถึงเอว หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
ผ่านไปสักครู่ก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยที่กำลังลาดตระเวนคนหนึ่งผ่านมาถามไถ่ “คุณครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”
ลี่เจ๋อเหลียงเงยหน้าขึ้น เขากล่าวเรียบๆ “ไม่ต้องครับ ขอบคุณครับ”
รอจนกระทั่งยามเดินไปไกลแล้ว ลี่เจ๋อเหลียงจึงนั่งลงบนเบาะคนขับ เปิดช่องบนหลังคาออก แล้วจุดบุหรี่มวนหนึ่ง สูบเข้าไปไม่กี่ครั้งก็ดับมัน หญิงสาวที่กลับบ้านดึกผ่านมา เธอหันมามองลี่เจ๋อเหลียงที่อยู่ในรถบ่อยๆ ด้วยความแปลกใจ เขาก็เลยถือโอกาสปิดไฟในรถให้รู้แล้วรู้รอดไป
ผ่านไปเนิ่นนานเขาก็กลับไปอยู่ตรงหน้าเสิ่นเสี่ยอี้อีกครั้ง คราวนี้เขาเปลี่ยนให้ขาอีกข้างหนึ่งรับแรงไว้ จากนั้นก็กัดฟันอุ้มเธอขึ้นมา ก่อนเดินเข้าไปในตัวอาคารภายในอึดใจเดียว ขึ้นลิฟต์ เปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้ววางเธอลงบนที่ห้องนอน เสิ่นเสี่ยอี้ที่นอนหลับสนิทพอสัมผัสกับผ้าห่มนุ่มสบายแม้แต่ในฝันก็ยังฉีกยิ้มไปด้วย เธอผลักตัวออกจากอ้อมกอดของลี่เจ๋อเหลียง หนุนหมอนแล้วพลิกตัว
ชั่วขณะที่เขาลุกขึ้นยืน ความรู้สึกเจ็บปวดที่ขาขวาก็ทำให้เขาวิงเวียน เขาจึงทำได้เพียงประคองตัวไว้กับขอบเตียงแล้วล้มตัวลงนั่งบนพื้น
เสี่ยวหลินเพิ่งมาถึงที่พักของจี้อิงซงก็เห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะจากไป
“อิงซง คุณจะไปไหนน่ะ”
“ผมส่งคุณถึงที่แล้ว คุณก็พักผ่อนให้ดีล่ะ”
“คุณจะไปไหน” เสี่ยวหลินไต่ถามต่อไป
“ผมไม่ค่อยวางใจเรื่องคุณลี่เท่าไหร่ จะกลับไปดูสักหน่อย”
ฟังถึงตรงนี้เสี่ยวหลินก็ทอดถอนใจ เสิ่นเสี่ยอี้เมาจนกลายเป็นแบบนั้น คิดดูแล้วก็ไม่มีทางทำอะไร
ลี่เจ๋อเหลียงได้หรอก อีกอย่างระหว่างพวกเขาสองคนใครกันแน่ที่ไว้ใจไม่ได้
“งั้นฉันไปเป็นเพื่อนนะ” เสี่ยวหลินทำได้เพียงกล่าวออกมาเช่นนี้
ทั้งสองคนเรียกแท็กซี่กลับมายังที่เดิม รถยังจอดอยู่ตรงนั้น เพียงแต่ลี่เจ๋อเหลียงลืมล็อกประตูรถ หรือจะบอกว่าไม่ได้ลืมแต่ขยับมือออกมาล็อกรถไม่ได้ต่างหาก คิดถึงตรงนี้เสี่ยวหลินถึงได้เข้าใจความเป็นห่วงของ
จี้อิงซง
เขาอุ้มเสิ่นเสี่ยอี้ไหวได้ยังไงนะ
“พวกเราขึ้นไปกัน” เสี่ยวหลินรีบร้อนเดินอ้อมรถเตรียมขึ้นไปข้างบน แต่กลับถูกจี้อิงซงรั้งเอาไว้
“รออยู่ตรงนี้”
“แต่ว่า…”
“คุณไม่เข้าใจ” จี้อิงซงกล่าว
“ฉันไม่เข้าใจคุณ หรือว่าไม่เข้าใจเขาล่ะ” เสี่ยวหลินโกรธขึ้นมานิดหน่อย
จี้อิงซงไม่ตอบคำถาม เขาปล่อยมือเธอ
“ที่ผ่านมาคุณก็ไม่เคยพูดอะไรเลย ฉันจะเข้าใจได้ยังไง”
“พวกเราไม่เหมาะสมกัน”
“คุณไม่ลองเลยด้วยซ้ำจะรู้ได้ยังไงว่าไม่เหมาะสม” เสี่ยวหลินยิ้มเจื่อน
จี้อิงซงมองเธอแวบหนึ่ง อยากกล่าวอะไรแต่ก็เงียบไว้
“คุณไม่ต้องเอาคำพูดมีมารยาทพวกนั้นมาสั่งสอนฉันเลย โลกนี้มีคนดื้อรั้นตั้งเยอะแยะ ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวสักหน่อย” เสี่ยวหลินกล่าว “ไม่แน่คนที่อยู่บนอาคารนั่นก็เหมือนกันกับฉัน”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของจี้อิงซงก็ดังขึ้น เมื่อเขารับสายลี่เจ๋อเหลียงก็กล่าวเพียงประโยคเดียวแล้ววางสายไป จี้อิงซงรีบขึ้นไปบนอาคารพร้อมกับเสี่ยวหลินทันที แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องจี้อิงซงกลับให้เธอรออยู่ข้างนอก
“อีกเดี๋ยวผมค่อยเรียกคุณ”
จี้อิงซงเปิดไฟในห้องรับแขก เมื่อมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นใครจึงเดินเข้าไปในห้องนอน
เสิ่นเสี่ยอี้ห่มผ้าห่มฤดูร้อนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ส่วนลี่เจ๋อเหลียงกลับอิงตัวอยู่กับขอบเตียงนั่งอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อชื้นเย็น
“คุณลี่”
ลี่เจ๋อเหลียงเห็นว่าคนที่มาเป็นเขาก็ส่ายหน้าด้วยความจนใจ “อิงซง ฉันลุกไม่ขึ้น ดึงฉันทีสิ”
วันต่อมาเสิ่นเสี่ยอี้กับเสี่ยวหลินก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปทำงานด้วยกัน
“พอฉันดื่มเหล้าก็หลับเป็นตายเลย เมื่อวานต้องลำบากเธอแน่ๆ” เสิ่นเสี่ยอี้นวดศีรษะที่ยังคงปวดหนึบอยู่
“ไม่ ไม่ลำบากเลย” เสี่ยวหลินไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหนก่อนดี
เมื่อคืนชั่วขณะที่เธอเห็นจี้อิงซงประคองเจ้านายออกมาถึงได้เข้าใจความหมายของประโยคที่เขาพูดกับเธอว่า ‘คุณไม่เข้าใจ’ ลี่เจ๋อเหลียงเป็นคนชอบเอาชนะมาตลอด ทั้งไม่เคยพูดเรื่องความบกพร่องของเขาต่อหน้าคนอื่นๆ ซึ่งเขาเองก็เหมือนกับคนปกติไปทุกส่วน โดยมากแล้วคนรอบข้างจึงต่างก็ลืมกันไปว่าขาของเขามีปัญหาบางอย่าง ทุกคนมองเหมือนว่าเขาเป็นคนแข็งแรงดี
กล่าวคือเขาไม่ยินดีที่จะให้ใครก็ตามได้เห็นท่าทางของเขาที่ไร้กำลังจะทำอะไรได้เนื่องจากความบกพร่องของร่างกาย รวมไปถึงจี้อิงซงด้วย
ในเวลานั้นลี่เจ๋อเหลียงเจ็บจนใบหน้าขาวซีด แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันกลับมากล่าวกับเธอว่า ‘เลขาฯ หลิน รบกวนคุณดูแลเสี่ยอี้ให้ดี ขอบคุณครับ’
เสี่ยวหลินอยู่ข้างกายเขามาหลายปีขนาดนี้ รู้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่เขาช่ำชองที่สุดก็คือรอยยิ้มซ่อนใบมีด แต่คำ ‘ขอบคุณ’ สองพยางค์ในเวลานั้นกลับออกมาจากใจจริงของเขา
“เสี่ยอี้” เสี่ยวหลินเอ่ย
“หืม” เสิ่นเสี่ยอี้ดูโทรศัพท์มือถือพร้อมขานรับ
“เธอกับคุณลี่รู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า ฉันหมายความว่าก่อนที่จะมาที่ลี่ซื่อกรุ๊ปน่ะ”
“ก่อนหน้านี้เขาเคยไปที่ถังเฉียวน่ะ”
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ”
“ไม่รู้จักนะ” พูดจบเสิ่นเสี่ยอี้ก็เบนความสนใจไปที่โทรศัพท์มือถือ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 5 ก.พ. 67 เวลา 12.00 น.