Lie to Love เกมรักซ่อนกลลวง
ทดลองอ่าน Lie to Love เกมรักซ่อนกลลวง บทที่ 3
คราวนี้ลี่เจ๋อเหลียงจึงนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนเธอจะไม่ชอบใกล้ชิดคนที่มีกลิ่นบุหรี่ติดตัวเป็นที่สุด คิดถึงตรงนี้เขาก็เดินไปห้องน้ำแล้วเปิดไฟเพื่อล้างมือ ทว่าเมื่อเขากลับมาที่ห้องนั่งเล่น เสิ่นเสี่ยอี้ก็ยืนรอเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว
“คุณลี่” เธอเรียกขานเขาอย่างห่างเหินและมีมารยาท
“คุณตื่นแล้วเหรอ”
“เจ้าของบ้านมาแล้ว ฉันจะมีเหตุผลอะไรให้จงใจไม่รับไม่รู้แล้วหลับต่อไปล่ะคะ” เสิ่นเสี่ยอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเจืออารมณ์ที่แปลกไป
ลี่เจ๋อเหลียงได้ยินเธอเหน็บแนมก็ยิ้มออกมา หมุนตัวไปยังห้องครัว
เขาถามมาจากห้องครัว “คุณเสิ่น คุณจะดื่มน้ำหรือเปล่า”
“ไม่กล้ารบกวนคุณหรอกค่ะ”
สุดท้ายเขาก็ยังรินน้ำสองแก้ววางบนโต๊ะรับแขก เขานั่งลงบนโซฟาแล้วกล่าวว่า “นั่งลงสิ”
เสิ่นเสี่ยอี้จ้องมองเขาอย่างเย็นชา เธอไม่ทำตาม ดื้อรั้นยืนอยู่ตรงที่เดิม
“คุณเสิ่น ท่าทางคุณแบบนี้…” ลี่เจ๋อเหลียงดื่มน้ำอึกหนึ่ง พยายามอย่างสุดกำลังที่จะสะกดกลั้นความไม่สบอารมณ์ภายในใจเอาไว้ “พวกเราจะอยู่ร่วมกันได้ยากในช่วงระยะเวลาตามสัญญานะ”
สีหน้าท่าทางแสร้งยิ้มของเขา แค่เธอเห็นก็พลันเกิดโทสะ
“มีอะไรน่าอยู่ร่วมกันล่ะคะ หรือว่าคุณลี่ยังต้องการให้ฉันแกล้งทำเป็นคู่รักชายหญิงให้คนอื่นดูด้วยอีก” เสิ่นเสี่ยอี้กล่าวถากถาง “ข้อตกลงสก…”
ได้ยินเพียงเสียงดัง ‘เพล้ง’
ลี่เจ๋อเหลียงกระแทกแก้วในมือลงบนโต๊ะรับแขกอย่างหนักหน่วง คำว่า ‘สกปรก’ จากปากเธอหายวับไปกับการสั่นสะเทือนที่รุนแรง น้ำในแก้วกระฉอกออกมาครึ่งหนึ่งก่อนสาดลงบนโต๊ะ ไม่ทันไรก็ไหลไปตามขอบโต๊ะลงสู่พื้น
“สมแล้วกับที่เป็นทนาย ต่อว่าได้คมกริบ ถ้างั้นขอถามทนายเสิ่นหน่อย” ลี่เจ๋อเหลียงยิ้มเย็นให้ราวกับมีนัยบางอย่าง “สำหรับข้อตกลงสกปรกของพวกเรา เมื่อไหร่คุณจะทำตามสัญญาล่ะ”
เสิ่นเสี่ยอี้มองดูรอยยิ้มของเขาก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เธอมองออกว่าเขาอาจจะหัวเราะเยาะเธออยู่ก็ได้ เธอใช้ฟันกัดลงบนริมฝีปากล่าง กัดจนเป็นสีขาว ในที่สุดก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้วคลายริมฝีปาก เธอกล่าว “คุณลี่ งั้นจะทำตามความต้องการของคุณตอนนี้เลยเป็นไง”
เพิ่งจะสิ้นเสียง จู่ๆ เธอก็ก้าวเท้าไปยังห้องนอนของลี่เจ๋อเหลียงด้วยความรวดเร็ว ขณะที่เดินเข้าไปในห้องนอนเธอก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองไปด้วย
อารมณ์ของเธอย่ำแย่จนถึงขีดสุด ระหว่างที่ปลดกระดุมอยู่นั้นกระดุมเม็ดหนึ่งก็เหมือนไม่ฟังคำสั่ง ปลดไม่หลุดสักที เธอจึงใช้มือออกแรงดึง
ขณะนั้นเองสีหน้าของลี่เจ๋อเหลียงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาก้าวเท้าด้วยความรวดเร็วแล้วล็อกข้อมือของเธอเอาไว้ จากนั้นยันเธอไว้กับผนังห้องนอน ความรวดเร็วของเขาหยุดยั้งความคิดของเธอที่จะเคลื่อนไหวต่อไป เขาบีบมือเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง
“เสิ่นเสี่ยอี้ คุณอย่าทำแบบนี้”
“อย่าทำแบบไหน” เธอยิ้มเย็น
“อย่าทำกับตัวเองแบบนี้” เสียงของเขาทุ้มต่ำลง ค่อนข้างนึกย้อนเสียใจ
ขณะนั้นเองเสื้อเชิ้ตของเสิ่นเสี่ยอี้ก็เปิดออกครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีชมพู หน้าอกผิวพรรณขาวนวลเองก็เปิดเปลือยออกมาให้ได้เห็น
“จริงๆ เลย” เขากล่าวคำพูดเมื่อสักครู่ซ้ำอีกครั้งด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณอย่าทำแบบนี้” คำพูดเจือแววร้องขอเป็นนัยๆ
ลี่เจ๋อเหลียงกล่าวแล้วก็ปล่อยตัวเธอ เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นช่วยเธอจัดปกเสื้อ ติดกระดุม อยากให้พวกมันกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม
คิดไม่ถึงว่าเมื่อนิ้วมือสัมผัสเข้ากับหน้าอกของเสิ่นเสี่ยอี้ เธอกลับตัดสินใจปัดมือของเขาออกแล้วกล่าวขึ้นด้วยความรังเกียจ “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
สีหน้าของเธอดูผิดจากปกติ คราวนี้ยั่วโทสะลี่เจ๋อเหลียงขึ้นมาจริงๆ แล้ว
เขาใช้มือขวาบีบคางของเธอเอาไว้ ทำให้ท้ายทอยของเสิ่นเสี่ยอี้กระแทกเข้ากับผนังอย่างรุนแรง ลำตัวด้านบนของเขาแนบชิดอยู่กับเธอ
ครู่เดียวเสิ่นเสี่ยอี้ก็รู้สึกว่าภายในศีรษะมึนงงกะทันหัน ชั่วขณะก็เกิดเป็นความปวดแสนสาหัส เธอรั้นกัดฟันเอาไว้ไม่ให้ตัวเองร้องออกมา
เขาก้มศีรษะลง ดวงตาหรี่ลงแล้วกล่าว “อย่าแตะต้องคุณงั้นเหรอ อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่คุณเริ่มถอดเสื้อผ้าเองก็เพื่อจะให้ผมดูอยู่ข้างๆ งั้นสิ”
เขากล่าวประโยคนี้ออกมาทำให้ใบหน้าของเสิ่นเสี่ยอี้เป็นสีแดงเรื่อ
“หน้าไม่อาย!” เธอต้านแรงของเขาเอาไว้ พยายามเบือนหน้าหนีสุดกำลัง
ลี่เจ๋อเหลียงสีหน้าโกรธเคือง รั้งใบหน้าของเธอให้กลับสู่ตำแหน่งเดิม จากนั้นก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง ทว่าเสิ่นเสี่ยอี้กลับปิดปากแน่น ไม่ยอมให้เขาจูบสำเร็จ
นิ้วมือที่บีบคางของเธอเอาไว้พอออกแรงทีก็ทำให้เธอเจ็บจนต้องอ้าปาก ลิ้นของเขาฉวยโอกาสนี้สอดเข้าไปรุกรานเรียกร้องกระทำตามแต่ใจ เสิ่นเสี่ยอี้อยากจะกัดเขา น่าเสียดายที่พวงแก้มทั้งสองข้างของเธอถูกเขาบีบเอาไว้ เธอไม่อาจเคลื่อนไหวได้เแม้แต่น้อย ซ้ำยังกัดโดนตัวเองอีก
เสิ่นเสี่ยอี้รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของฝ่ายตรงข้ามที่ไหลเข้ามาผ่านเสื้อเชิ้ตที่กั้นอยู่ ลมหายใจของเขาถาโถมเข้าสู่ผิวกายของเธอ ค่อนข้างเร่งรีบรัวเร็ว ทว่าการจูบภายใต้ความโกรธจัดของเขาไม่ได้มีความพะเน้าพะนอปกป้องหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
เขาจูบด้วยความเร่าร้อน แต่ริมฝีปากกลับเย็นยะเยือก สัมผัสเย็นเจี๊ยบบนปากไม่ได้เกี่ยวข้องกับแรงปรารถนาต้องห้ามของทั้งสองคนเลยสักนิด
ผ่านไปนานสองนานลี่เจ๋อเหลียงถึงได้ผละจากริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็ประชันหน้าเข้าหาเธอ กดเสียงให้ทุ้มต่ำ กล่าวยั่วยุอย่างเยือกเย็น “ขอร้องผมสิ แล้วผมจะปล่อยคุณไป ไม่อย่างนั้นผมจะทำต่อนะ”
เสิ่นเสี่ยอี้ได้ฟังก็พลันอยากสะบัดมือออกมาตบเขาสักฉาด ทว่าเธอกลับถูกเขากักตัวไขว้มือไว้ด้านหลัง เขาเพียงแค่ใช้มือข้างเดียวก็สามารถล็อกข้อมือทั้งสองข้างของเธอไว้ได้แล้ว
เหตุเพราะขาดออกซิเจน เสิ่นเสี่ยอี้จึงหายใจได้ค่อนข้างสั้น แต่เธอก็ยังคงเบิกตาจ้องมองตรงไปที่เขา แหงนหน้าขึ้นไม่ยอมเปิดปาก
ลี่เจ๋อเหลียงเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็ก้มต่ำลงเคลื่อนจูบของเขาลงบนคางของเสิ่นเสี่ยอี้อย่างรวดเร็ว ทั้งแทะเล็มทั้งดูดเค้น ลำดับถัดไปก็เป็นที่ลำคอ ร่างกายของเสิ่นเสี่ยอี้แข็งทื่อต่อต้านเขาอยู่ ขณะที่ดิ้นรนไม่หยุดเธอก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาอย่างเด็ดขาด
เขาหยุดชะงักชั่วครู่แล้วกล่าวขึ้นอีก “เสิ่นเสี่ยอี้ ขอร้องผม! ไม่งั้นผมจะทำต่อนะ”
แต่ด้วยเธอเป็นคนกินอ่อนไม่กินแข็ง* ต่อให้อันตรายอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ
ทว่าเมื่อลี่เจ๋อเหลียงกอบกุมอกอิ่มนิ่มนวลของเสิ่นเสี่ยอี้ให้อยู่ในฝ่ามือของเขา ร่างกายของเสิ่นเสี่ยอี้ก็สั่นสะท้าน ในสุดก็เกิดเป็นเสียงคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง ฟังดูราวกับจะร่ำไห้ แต่ก็ยังไม่ยอมปริปากขอร้อง
การรับรู้อันว่องไวของเขาสัมผัสได้ถึงความแปลกไปของเธอ ขณะที่ตกตะลึงอยู่นั้นเขาก็ปล่อยมือจากเธอ
ขณะนั้นเองเสิ่นเสี่ยอี้ไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วนก็หาโอกาสเหมาะใช้แรงทั้งหมดที่มียกเท้าขึ้นถีบเขา จากนั้นก็ผลักเขาออกไปเต็มแรง ส่วนตัวเธอขณะที่จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและพยายามหนีออกจากห้องไปก็เห็นว่าลี่เจ๋อเหลียงขากะเผลกถอยไปทางด้านหลัง เพียงครู่เดียวก็ล้มลงนั่งกับพื้น
เขาประคองขาขวาเอาไว้ เม็ดเหงื่อใหญ่เท่าเมล็ดถั่วไหลอยู่บนหน้าผาก ประเดี๋ยวเดียวสีหน้าก็ซีดขาวจนน่าตกใจ
อึดใจเดียวเสิ่นเสี่ยอี้ก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองวู่วามทำลงไปขึ้นมาได้ คาดไม่ถึงว่าเธอเตะเข้าที่เข่าขวาของเขา เธออ้าปากกว้าง เสียใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ” เธอเสียงสั่น กลับมาย่อตัวลงอยากจะตรวจดูขาของเขา ทว่ากลับถูกลี่เจ๋อเหลียงผลักไส
“ออกไป!” เขากล่าวพลางอดทนกับความเจ็บปวดอย่างสุดกำลัง
“ฉันจะช่วยคุณ” เสิ่นเสี่ยอี้ตะกายขึ้นมาหมายจะเข้าไปประคองเขาอีกครั้ง
ทว่าเขากลับไม่ได้ซาบซึ้งใจเลยสักนิด อีกฝ่ายเค้นเสียงสูงแล้วกล่าวซ้ำ “ออกไป!”
“ฉัน…”
‘โครม’
ลี่เจ๋อเหลียงคว่ำโคมไฟตั้งพื้นที่อยู่ข้างๆ มือด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาตะคอก “ผมสั่งให้คุณออกไป!”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กุมภาพันธ์ 2567)