รอจนกระทั่งพวกเสิ่นเสี่ยอี้ค่อยๆ หายลับไปจากสายตาของพวกเขา อิ่นเซี่ยวเหมยถึงได้กล่าวขึ้นว่า “เหมือนฉันจะเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน”
“เธอก็ต้องเคยเห็นสิ วันนั้นงานแต่งพี่ชายของเธอเขาก็มาด้วย” หยางวั่งเจี๋ยเตือนความจำเธอ ด้านหลังยังมีอีกครึ่งประโยคที่ทิ้งไว้ไม่ได้พูด ‘ฉันเองที่เป็นคนพาเขาไป’
“อ๋อ!” อิ่นเซี่ยวเหมยนึกขึ้นได้ในทันที “พี่พูดขึ้นมาฉันก็นึกได้เลย ตอนนั้นเธอนั่งอยู่ข้างๆ ลี่เจ๋อเหลียงคนนั้น ฉันกับพี่เสี่ยวเยวี่ยยังถกกันเรื่องนี้อยู่เป็นนานสองนาน”
“พวกเธอถกกันถึงเธอเรื่องอะไรเหรอ” หยางวั่งเจี๋ยประหลาดใจ
“เป็นเรื่องซุบซิบระหว่างผู้หญิงค่ะ” อิ่นเซี่ยวเหมยจงใจเบะปากไปกล่าวไป “ไม่บอกพี่หรอก”
“พวกเธอสาวๆ นี่เข้ากันได้ดีเลยนะ หาได้ยาก”
“แน่นอนสิ พี่สะใภ้คนนี้ฉันเป็นคนแนะนำให้พี่ชายฉันเองนี่นา! เรื่องนี้พี่ต้องไม่รู้แน่”
ทั้งสองเธอประโยคหนึ่งฉันประโยคหนึ่ง ดึงหัวข้อสนทนาเรื่องเสิ่นเสี่ยอี้ที่พบเมื่อสักครู่นี้ออกไปไกลแสนไกล
แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายอิ่นเซี่ยวเหมยจะกล่าวพึมพำขึ้นมา “แต่ว่านะ ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอมากๆ มาตลอด นอกจากงานแต่งพี่ชายคราวนั้นแล้ว เหมือนว่าพวกเราจะเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน”
ในตอนนั้นหยางวั่งเจี๋ยไม่ได้ใส่ใจกับประโยคนี้แต่อย่างใด
ผ่านไปไม่กี่วัน เสิ่นเสี่ยอี้ดูสัมภาษณ์บุคคลสำคัญอยู่ที่บ้าน เธอค่อนข้างชอบรายการนี้ พิธีกรคนนั้นถามคำถามออกมาได้เฉียบคมเสมอมา น้อยมากที่จะสนใจหน้าตาของผู้ถูกสัมภาษณ์ ทำเสียจนคนคนนั้นประดักประเดิด เคยมีครั้งหนึ่งผู้ถูกสัมภาษณ์ถูกทำให้โมโหจนเดินหนีไปทั้งอย่างนั้นเลย
แต่เพราะอย่างนี้อัตราผู้ชมถึงได้เพิ่มขึ้นถล่มทลาย ต่อมาไม่รู้ว่าไปมีเรื่องกับใครเข้าจึงไม่ได้ถ่ายทอดสดแล้ว เปลี่ยนไปเป็นตัดต่อหนึ่งวันจากนั้นค่อยออกอากาศ
ตอนที่เสิ่นเสี่ยอี้เห็นจันตงเจิ้นปรากฏตัวในห้องส่ง นั่งอยู่ตรงข้ามกับพิธีกร เธอก็ตกอกตกใจจนเบิกตาโพลง นายคนนี้ก็ไม่ได้กลัวว่าจะหาทางลงไม่ได้เลย
บรรยากาศเปิดรายการค่อนข้างปรองดอง พิธีกรกล่าวเยินยอจันตงเจิ้นสักหน่อย จากนั้นนิสัยที่แท้จริงของพิธีกรก็ค่อยๆ ปรากฏให้เห็น
พิธีกรเอ่ย “ประธานจัน พวกเราต่างก็รู้มาว่าคุณได้รับอำนาจในการจัดการหุ้นจากคุณพ่อของคุณ”
จันตงเจิ้นตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ใช่ครับ”
“หลังจากที่คุณรับช่วงต่อก็ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตงเจิ้งทั้งชุด ว่ากันว่าการกระทำนี้ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่พอใจหรือครับ”
จันตงเจิ้นกล่าว “ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายและระบบครั้งใหญ่จะผ่านมติการประชุมของกรรมการบริหารทุกครั้งครับ ที่คุณบอกว่าไม่พอใจ ผมไม่ทราบว่าหลักๆ แล้วหมายถึงอะไร” จันตงเจิ้นหัวเราะ เขากล่าวต่อไป “แต่มีเรื่องหนึ่งที่สามารถมั่นใจได้ นั่นคือผมไม่ใช่ธนบัตรร้อยหยวนใบสีชมพู* ไม่สามารถทำให้คนทุกคนพึงพอใจได้”
ฟังถึงตรงนี้ เสิ่นเสี่ยอี้ที่กำลังบ้วนปากอยู่ในห้องน้ำก็พ่นน้ำในปากออกมาใส่กระจก
ตั้งแต่เด็กเธอก็รู้สึกว่าคนคนนี้ช่างโง่นัก ไม่รู้ว่าเขาไปเริ่มเรียนรู้ที่จะเป็นเหมือนสุนักจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อยู่ในสังคมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เฉลียวฉลาดนักเชียว
เวลานี้หยางวั่งเจี๋ยเองก็ดูรายการนี้อยู่ที่บ้านเช่นกัน เขาก็คือจันตงเจิ้นงั้นเหรอ เขาเพิ่งจะพบว่าที่แท้ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เสิ่นเสี่ยอี้ในคืนนั้นเป็นคนระดับไหน ต่อมาจึงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอย่างใจหาย ถ้าเกิดระหว่างเสิ่นเสี่ยอี้กับลี่เจ๋อเหลียงเป็นเรื่องบังเอิญล่ะก็ อย่างนั้นการปรากฏตัวของจันตงเจิ้นก็อธิบายได้ว่าเธอไม่ได้เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ทั่วไป เมื่อคิดได้อย่างนี้เขาจึงเลิกคิดเพ้อฝัน
คนที่ดูรายการนี้ยังมีคนที่เสิ่นเสี่ยอี้ให้ความสำคัญอีกคนหนึ่ง
ลี่เจ๋อเหลียงเปลี่ยนช่อง บี้ดับก้นบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่