Lie to Love เกมรักซ่อนกลลวง
ทดลองอ่าน Lie to Love เกมรักซ่อนกลลวง บทที่ 3
ไม่กี่วันมานี้เสิ่นเสี่ยอี้ทำเรื่องเรื่องหนึ่งอยู่ตลอดเวลาเพื่อประสานความสัมพันธ์ในการร่วมมือกันของลี่ซื่อกรุ๊ปกับตงเจิ้งกรุ๊ป เธอใช้เวลาว่างที่เหลืออยู่ทั้งหมดในการมาทำโอทีเพื่อทำแผนการดำเนินงานที่จะร่วมมือกับตงเจิ้งกรุ๊ปออกมา เธอไม่ได้เป็นคนในองค์กร ดังนั้นจึงต้องเปิดอ่านข้อมูลจำนวนมาก อดหลับอดนอนอยู่หลายคืนเพื่อที่จะนำทฤษฎีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ของการร่วมมือกับตงเจิ้งกรุ๊ปกับการกว้านซื้ออ่าวหลันเถียนเพียงอย่างเดียวมาวิเคราะห์ทีละเรื่อง
เธอไม่ได้อยากจะมีอิทธิพลต่อความเห็นของคนทั้งลี่ซื่อกรุ๊ป เพียงแต่อยากให้ลี่เจ๋อเหลียงหรือเซวียฉีกุยได้รู้ว่าไม่ได้มีเพียงการกว้านซื้ออ่าวหลันเถียนอย่างเดียวที่จะทำให้ลี่ซื่อกรุ๊ปได้รับกำไรมากที่สุด
ก่อนหน้านี้เธอให้เซวียฉีกุยดู เขาก็ใส่แว่นตาอ่านอย่างละเอียดแล้วกล่าวขึ้นว่า ‘ทนายเสิ่น พูดตามตรงคุณเขียนได้ไม่เลวเลย แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในแผนกหรือขอบเขตการทำงานของคุณ’ จากนั้นก็นำเอกสารส่งคืนให้เสิ่นเสี่ยอี้
ในการประชุมงบประมาณเรื่องความร่วมมือซื้ออ่าวหลันเถียน ตอนที่ผลัดมาถึงตาเสิ่นเสี่ยอี้พูด ผู้ช่วยคนนั้นก็เอ่ยถาม “ทนายเสิ่น คุณมีอะไรจะพูดหรือเปล่าคะ”
เธอกล่าว “หากยืดเยื้อกับทางตงเจิ้งกรุ๊ปต่อไปยาวนานแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อลี่ซื่อกรุ๊ป อีกทั้งการซื้ออ่าวหลันเถียนก็เป็นอุปสรรคต่อเงินทุนหมุนเวียนของพวกเรา และจะกระทบไปถึงการลงทุนในโครงการอื่นๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการก่อสร้างระยะที่สามของบ้านพักกวนหลัน ไม่ทราบว่าคุณลี่เคยพิจารณาหรือยังคะ”
คนที่นั่งอยู่ต่างรอให้ลี่เจ๋อเหลียงตอบคำถามด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
ลี่เจ๋อเหลียงมองเซวียฉีกุยสักครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “ผู้จัดการใหญ่เซวีย ผมหวังว่าการแสดงความคิดเห็นแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นในการประชุมของผมอีก” เสียงนั้นดังกังวานอยู่ภายในห้องประชุมอันกว้างใหญ่
หลังจากกินมื้อกลางวันเสร็จแล้ว เสิ่นเสี่ยอี้ก็ฉวยโอกาสตอนที่คนไม่มากไปส่งข้อมูลที่ชั้นยี่สิบสาม เธอมองเห็นลี่เจ๋อเหลียงอยู่ไกลๆ จากทางเดินอีกฝั่งหนึ่ง เขายืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตูฟังผู้จัดการฝ่ายบริหารพูดอยู่ ปกติเวลาอยู่ในห้องเขาจะสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว แขนเสื้อถลกขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นจึงมองเห็นนาฬิกาที่สวมอยู่บนข้อมือของเขา
“คุณลี่คะ ฉันมีเรื่องต้องการพบคุณค่ะ” เสิ่นเสี่ยอี้กล่าวอย่างมีมารยาท
เขามองเธออย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า
รอจนกระทั่งลี่เจ๋อเหลียงเสร็จธุระแล้วเข้าไปในห้อง เสิ่นเสี่ยอี้ก็เอาหนังสือคำร้องวางลงบนโต๊ะของเขาแล้วกล่าว “ฉันรู้สึกว่านี่เป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์กับลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมด ฉันเขียนอย่างยากลำบากอยู่หลายวัน หวังว่าคุณลี่จะอ่านดูสักหน่อย”
ลี่เจ๋อเหลียงเอ่ยถาม “คุณหมายถึงคุณเขียนอย่างยากลำบากอยู่หลายวันงั้นเหรอ”
เธอคิดไปเองว่าเขาอยู่ในท่าทีผ่อนคลายจึงพยักหน้าอย่างรีบร้อน
เขาเลิกคิ้วขึ้น มือซ้ายถือเอกสารฉบับนั้นแล้วโยนลงในตะกร้าถังขยะข้างที่นั่ง “คุณมีภาระหน้าที่เป็นของตัวเอง ผมไม่ได้จ่ายเงินให้คุณมาทำเรื่องนี้”
เสิ่นเสี่ยอี้กัดฟัน “คุณลี่คะ ได้โปรดเคารพคนอื่นสักหน่อย ถ้าหาก…”
“ทนายเสิ่น!” ลี่เจ๋อเหลียงตัดบทเธอ “ได้โปรดเคารพผมด้วยเช่นกัน” น้ำเสียงของเขาเย็นชาเป็นที่สุด
ในเมื่อเจรจามาถึงจุดนี้แล้ว เสิ่นเสี่ยอี้ก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อไปได้อีก
ไม่กี่วันผ่านไป เสิ่นเสี่ยอี้ไปประชุม คิดไม่ถึงว่าผู้ช่วยของเซวียฉีกุยจะขวางเธอเอาไว้
“ขอโทษด้วยค่ะทนายเสิ่น คุณลี่กำชับผู้จัดการเซวียเอาไว้ว่าต่อไปขอแค่เป็นการประชุมที่เกี่ยวข้องกับตงเจิ้งกรุ๊ป ไม่จำเป็นต้องให้คุณเข้าร่วมด้วยค่ะ”
เสิ่นเสี่ยอี้ได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกว่าน่าตื่นตะลึงสักเท่าไร เพียงแต่กล่าวว่า “ถ้างั้นฉันจะเข้าไปพบคุณลี่”
“คุณลี่ไม่อยู่ข้างในค่ะ”
สิบนาทีผ่านไป เสิ่นเสี่ยอี้ก็หาห้องทำงานของลี่เจ๋อเหลียงจนพบ
“คุณลี่คะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่ให้ฉันยื่นมือเข้าไปยุ่ง” เสิ่นเสี่ยอี้เข้าประตูไปก็เอ่ยถาม
“คุณหมายถึงอะไร” ลี่เจ๋อเหลียงก้มหน้าก้มตาดูเอกสาร ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา
“เรื่องควบซื้ออ่าวหลันเถียน ในเมื่อถังเฉียวเองก็รับผิดชอบอยู่ ทำไมคุณต้องเตะฉันออกมาด้วยคะ” เสิ่นเสี่ยอี้กล่าว
ลี่เจ๋อเหลียงพิงพนักเก้าอี้ “นี่เป็นการตัดสินใจของบริษัท ผมไม่มีหน้าที่ต้องอธิบายกับคุณ”
“ถ้างั้นเชิญฉันมาทำอะไรคะ ถ้าเกิดคุณรู้สึกว่าฉันทำงานได้ไม่เหมาะสมก็ส่งฉันกลับไปที่ถังเฉียวเลยดีกว่า” เธอกล่าวคำพูดซึ่งเจือด้วยโทสะ
ลี่เจ๋อเหลียงใช้สายตาเย็นยะเยือกเหลือบมอง เลขาฯ หลินที่อยู่ด้านหลังเสิ่นเสี่ยอี้มองอย่างจนใจแวบหนึ่ง ก่อนจะถอยออกไปอย่างรู้งาน
“ทนายเสิ่น ไม่ว่าต่อไปคุณจะทำงานอยู่ที่ลี่ซื่อกรุ๊ปหรือไม่ก็ขอให้เคาะประตูก่อนจะเข้ามาด้วย” เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่นี้เสิ่นเสี่ยอี้รั้นจะพุ่งตัวเข้ามา
รอจนเสี่ยวหลินปิดประตูออกไปแล้ว ลี่เจ๋อเหลียงจึงเชิญให้เสิ่นเสี่ยอี้นั่งลงก่อนกล่าวว่า “คุณถามผมว่าทำไมถึงไม่ให้คุณยื่นมือเข้าไปยุ่ง ถ้าอย่างนั้นผมจะถามคุณว่าทำไมผมต้องให้คนที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอีกฝ่ายเข้าร่วมด้วย คุณจะเอายังไง คุณจะเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงเพื่อเพื่อนหรือไง ผมไม่เชื่อว่าตอนคุณอยู่ที่ถังเฉียว เฉียวหานหมิ่นจะสั่งสอนคุณมาอย่างนี้…เพื่อตงเจิ้งกรุ๊ปคุณพูดจากระทบกระเทียบไปแล้วเท่าไหร่ล่ะ แผนงานฉบับนั้นของคุณเขียนเพื่อลี่ซื่อกรุ๊ปหรือว่าเขียนเพื่อตงเจิ้งกรุ๊ปฝ่ายนั้นกันแน่ ก่อนหน้านี้ผมรับฟังแล้วอดทนไม่พูดออกมา แต่ว่าคุณได้คืบจะเอาศอก ในลี่ซื่อกรุ๊ปทั้งตำแหน่งน้อยใหญ่มีใครกล้าฝ่าฝืนผมอย่างโจ่งแจ้งบ้าง แต่ว่าคุณกลับทำ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ผมบอกว่า ‘ไม่’ ทั้งลี่ซื่อกรุ๊ปยังมีใครกล้าออกความเห็นอีก แต่ว่าคุณก็ทำ เสิ่นเสี่ยอี้ ผมถามคุณอีกครั้ง อยู่ต่อหน้าผมคุณได้คืบจะเอาศอกอย่างนี้ คุณอาศัยอะไรกันแน่”