บทที่ 4
เมื่อไม่ใช่ ‘นางเอก’ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็น ‘นางรอง’ หรือ ‘นางร้าย’
ถึงจะรู้แล้วว่ามือที่สามที่หน้าด้านมาโฉบคู่หมั้นของลูกพี่ลูกน้องไปเป็นใคร แต่ปรนิมมิตาก็ยังห่วงใยความรู้สึกของพันธิตรา หนึ่งคือเพราะ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ เป็นคนที่พี่รู้จักสนิทสนมและนับว่าเป็น ‘เพื่อน’ และสอง…ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าภายใต้หน้ากากราชินีผู้ไม่สะท้านสะเทือนต่อเรื่องใดนั้นซุกซ่อนความรู้สึกอะไรไว้
แม้จะถูกอดีตคู่หมั้นที่รักกันมาสิบปีขอถอนหมั้นเพราะไปรักผู้หญิงอีกคน พันธิตราก็ยังสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีความชิงชังรังเกียจต่อบ้านหล่อนผู้มีสายเลือดเกี่ยวกับธิติธร…หรือกระทั่งพ่อแม่ของอดีตคู่หมั้น พันธิตราก็ยังสามารถทักทายพูดคุยได้อย่างอ่อนโยนน่ารักเหมือนในอดีต มีเพียงธิติธรคนเดียวเท่านั้นที่แม้เวลาบังเอิญต้องเผชิญหน้ากัน หญิงสาวยังคงพูดคุยและทักทายเท่าที่จำเป็นด้วยสีหน้าท่าทีเหมือนเวลาเธอคุยกับคนรู้จักผ่านๆ ทั่วไป ทำให้อดีตคู่หมั้นผู้เคยได้รับความรัก ความเอาใจใส่เกิดความรู้สึกอึดอัด ทว่าเพราะทุกอย่างเขาเป็นคนผิด ทั้งยังติดทัณฑ์บนจากบุพการีรวมถึงเครือญาติอยู่ ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายเลือกที่จะเลี่ยงการเผชิญหน้าแทน
และเพราะพันธิตรา ‘ปกติ’ มากเกินกว่าผู้หญิงที่เพิ่งถูกแย่งชิงคนรักซึ่งคบหากันมานับสิบปีไป บรรดาคนรอบข้างจึงยิ่งห่วงใยว่าภายใต้ภาพลักษณ์ราวกับราชินี หัวใจดวงน้อยอาจร้าวรานจนไม่อาจรับไหวหากรู้ว่าใครคือผู้หญิงที่ขโมยความรักไปจากเธอ
ปรนิมมิตาตั้งใจว่าจะเหยียบเรื่องธิติธรกับกวินธิดาไว้ให้มิด ทว่า…มานะคนหรือจะสู้ชะตาฟ้าลิขิต เพราะท้ายที่สุดแล้ว พันธิตราก็เป็นฝ่ายรับรู้เรื่องนั้นด้วยความบังเอิญ
จะว่าบังเอิญ…บางทีพันธิตราก็แอบคิดว่าไม่ใช่ มันคล้ายจะเป็น ‘ตลกร้าย’ ที่โชคชะตาจงใจโยนมาใส่เธอมากกว่า เพราะขณะที่เธอกำลังกินข้าวไป พูดคุยหัวเราะไปพร้อมๆ กับน้องสาวและลูกพี่ลูกน้องที่ยกโขยงกันมากินอาหารร้านโปรดนั้น ร่างสูงกำยำคุ้นตาก็เปิดประตูก้าวเข้ามา ท่อนแขนแข็งแรงโอบไหล่บอบบางไว้ เสี้ยวหน้าคมคายก้มลงมองวงหน้าสวยที่มองผาดๆ แล้วเหมือนลูกครึ่งมากกว่าลูกเสี้ยวอย่างที่เจ้าตัวเคยแจง
อากัปกิริยาของคู่รักทั่วๆ ไปคงไม่ทำให้ทั้งโต๊ะเกิดอาการชะงัก หากหนุ่มสาวที่ว่านั่นจะไม่ใช่ธิติธร…ชายหนุ่มที่เพิ่งถอนหมั้นกับพันธิตราไปได้ไม่กี่วัน กับกวินธิดา…สถาปนิกสาวสวยคนดังประจำบริษัท ผู้ที่เคยเป็น ‘คู่กัดอันดับหนึ่ง’ ของธิติธร ชนิดมีคู่นี้ที่ไหนต้องมีเสียงตีกันที่นั่น ทั้งยังเป็นเพื่อนซึ่งนับได้ว่าสนิทกว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในชีวิตพันธิตรา
เป็นหนึ่งในผู้คนจำนวนน้อยนิดที่เธอเคยเรียกขานว่า ‘เพื่อน’ อย่างสนิทใจ
หนูดา? กวินธิดา?!
ดวงตากลมโตหรี่ลง ตอนแรกที่ธิติธรเรียกคนรักใหม่ของเขาว่า ‘หนูดา’ ด้วยน้ำเสียงรักใคร่ พันธิตราไม่เคยเอะใจคิดมาก่อนเลยว่า ‘มือที่สาม’ คนนั้นก็คือกวินธิดา!
นาทีนั้นหัวใจที่คิดว่าด้านชากับเรื่องบ้าบอนี่ไปแล้วคล้ายจะถูกไฟลุกท่วม เมื่อพบว่า ‘มือที่สาม’ หรือ ‘หนูดา’ ที่อดีตคนเคยรักบอกว่า ‘เขาเป็นคนดี’ นั้นก็คือ ‘ดา’ เพื่อนที่สนิทสนมกันมาหลายปี ทั้งยังรู้ดีว่าเธอเป็นอะไรกับธิติธร!
ทรยศซ้อนทรยศ หักหลังซ้อนหักหลังแบบนี้…นี่น่ะหรือพฤติกรรมของคนดี
หึ! บางทีธิติธรก็ช่างเลือกคู่ได้ ‘เสมอกัน’ กับเขาจริงๆ
แม้ในใจจะบริภาษเหยียดหยาม หากเบื้องหน้าหญิงสาวยังคงไว้ด้วยความปกติ ซ่อนแววตาเจ็บร้าวไว้ใต้รอยยิ้มบาง ผิดกับอีกสี่สาวในโต๊ะ จากหัวเราะกันอยู่ดีๆ ราชิกาก็ตีสีหน้าเย็นชา ปรนิมมิตาเองก็หัวร้อนจนแทบจะลุกขึ้นไปไฟต์หากไม่โดนนิมมานรดีผู้มีใบหน้าบูดบึ้งรั้งไว้ ขณะที่น้องสาวแท้ๆ ของเธอโกรธจนหน้าแดงก่ำและถ้าพันธิตราอุดปากไว้ไม่ทัน พัทธมนคงตะโกนด่า ‘หญิงร้ายชายโฉด’ คู่นั้นจนลั่นร้าน
ส่วนเธอ…เจ้าของเรื่องราว ผู้หญิงที่เห็นตำตาเป็นครั้งแรกว่าใครคือ ‘นางเอกคนใหม่’ ของผู้ชายที่เธอตั้งใจเลือกให้เป็นพระเอกในชีวิต หญิงสาวก็หลุบตาลงต่ำ สะกดกลั้นความรู้สึกทั้งหมด ก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเจือรอยยิ้ม
“กินต่อเถอะ”