“มองอะไร” โจ้วชวนยื่นมือไปกดชูหลี่ให้นั่งลงบนโซฟา “ครั้งก่อนใช้แอลกอฮอล์ไม่ใช่ว่าเจ็บจนร้องไห้หาพ่อแม่หรอกเหรอ หลังจากนั้นผมก็ไปค้นหาในเน็ตว่าถ้าจะทำความสะอาดแผลให้คนซุ่มซ่ามควรใช้อะไรฆ่าเชื้อดี…”
ชายหนุ่มพูดไปพลาง ทว่ากลับเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ใช้สำลีทำความสะอาดเลือดรอบๆ แผลให้เธออย่างเบามือ…
“แผลลึกขนาดนี้ หั่นแรงน่ะสิ หั่นผักกาดหอมต้องใช้แรงขนาดนั้นหรือไง คุณเป็นบ้าเหรอ…”
ถ้อยคำอบรมสั่งสอนยังพูดไม่ทันจบ วินาทีต่อมามือที่กำไว้ในฝ่ามือก็ชักออก หญิงสาวที่เดิมทีนั่งเงียบๆ อยู่ตรงหน้าตนส่งเสียง “ฮึก” ดวงตาแดงก่ำ จากนั้นก็โผเข้าสู่อ้อมอกเขา ท่อนแขนเพรียวคล้องคอเขาไว้อย่างแน่นหนา ปลายจมูกกดลงบริเวณเส้นเลือดใหญ่ตรงส่วนคอของเขา…
“…”
โจ้วชวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้แค่ว่าตอนนี้คนที่อยู่ในอ้อมกอดร้องไห้ด้วยความเสียใจราวกับว่าได้รับความไม่เป็นธรรมอะไรสักอย่างจากพระเจ้า เมื่อเขายกมือขึ้นตบหลังเธอเบาๆ อย่างเงียบเชียบ เธอก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น…ราวกับฟ้าจะถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น
เปิดเขื่อนซะน้ำท่วมเชียว
เป็นอะไรไป
แน่นอน โจ้วชวนไม่รู้ว่าเวลานี้ชูหลี่กอดเขาเหมือนกอดเด็กน้อยที่ได้รับความไม่เป็นธรรมเพื่อชดเชยให้กับความอัปยศที่เขาได้รับจากพวกผู้ใหญ่เจ้ายศเจ้าอย่างเหล่านั้นที่บ้านเพียงลำพังเมื่อตอนบ่าย และแล้วก็ทนไม่ไหวจนน้ำตาไหลออกมาอีก…ตอนนี้โจ้วชวนเองก็ทำได้เพียงกอดเธอไว้เงียบๆ ปล่อยให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพอใจ
ขณะนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่น โจ้วชวนล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างยากลำบาก วางมือบนแผ่นหลังชูหลี่ ปลดล็อกดูแวบหนึ่ง ยังคงเป็นเจ้าเด็กผี
ผีที่อยู่ด้านหลังเธอ : ฉันคิดๆ ดูแล้วนะพี่ใหญ่ คุณเลิกถามก่อนเริ่มพูดเถอะให้ตาย ทุกคนก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว น้ำมาเกิดคูคลอง* แค่ขอเล่นผีผ้าห่มสักยกมันยากขนาดนั้นเลยหรือไง!
ตอนเช้าเธอไม่รับปากก็ส่วนตอนเช้า สิบสองชั่วโมงผ่านไปแล้ว คุณรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้จะมีหรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอะไร
ใช้ชีวิตให้เป็นจังหวะเดียวกับเวลาทำเรื่องใต้สะดือซะเลยสิ…
ตอบสนองข้อเรียกร้องประเทศขนาดนี้ ประชุมสภาประชาชนครั้งหน้าคุณไปเป็นตัวแทนต้นแบบสุขภาพจิตของเด็กนักเรียนประถมมัธยมเลยเถอะ!!
* แสงแดดรุนแรง สรรพสิ่งเผยรูปลักษณ์แท้จริง เดิมเป็นชื่อหนังสือของนักเขียนนามปากกา ‘อาอี่’ ภายหลังใช้ในความหมายที่ว่าชื่อเสียงหรือสิ่งของที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
* นกกระจอกเทศ หมายถึงคนที่อ่อนแอขี้ขลาดที่หนีความจริง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา
* ความคิดของสุมาเจียว ผู้ผ่านทางล้วนล่วงรู้ หมายถึงผู้มีแผนการร้าย แม้ไม่แสดงออกมาผู้คนก็มองออกได้โดยง่าย มีที่มาจากสมัยสามก๊ก สุมาเจียว (ซือหม่าเจา) อัครเสนาบดีวุยก๊ก ผู้มีความทะเยอทะยานและมักใหญ่ใฝ่สูง ฮ่องเต้โจมอ (เฉาเหมา) รู้ว่าตนเป็นเพียงหุ่นเชิดจึงคิดจะกำจัดสุมาเจียว แต่สุมาเจียวรู้ตัวจึงให้เซงเจ (เฉิงจี้) กำจัดฮ่องเต้โจมอแทน เมื่อฮ่องเต้โจมอสวรรคต สุมาเจียวก็แสร้งทำเป็นร้องไห้ต่อหน้าพระศพว่าตนยังจงรักภักดีต่อฮ่องเต้โจมอและประหารเซงเจข้อหาลอบปลงพระชนม์เพื่อไม่ให้ผู้ใดครหาว่าตนเป็นโจรกบฏชิงราชสมบัติ
* ต้นไม้ล้มลิงแตกกระเจิง หมายถึงเมื่อผู้มีอำนาจสูญเสียอำนาจ ลูกน้องที่ติดตามก็แยกย้ายไปกันคนละทิศละทาง
** กำแพงล้มคนผลัก หมายถึงเมื่อตกที่นั่งลำบาก คนมากมายก็พร้อมที่จะฉวยโอกาสซ้ำเติม
* น้ำมาเกิดคูคลอง อุปมาว่าเมื่อเงื่อนไขพร้อม เรื่องราวก็สำเร็จได้โดยปริยาย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 มี.ค. 66 เวลา 12.00 น.