วันนี้ชูหลี่พบว่า Mr. L ที่ส่งข้อความมาให้เธอเพียง ‘…’ หายตัวไปในช่วงประมาณบ่ายสามโมงอย่างลึกลับ
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือในขณะเดียวกันนั้น ในเขตพื้นที่หรูใจกลางเมือง G มีนักเขียนที่เพิ่งแตะระดับยอดพีระมิดคนหนึ่งกำลังคิดไม่ตกเรื่องของเธอ เขานั่งโง่ๆ กอดหมาอยู่บนโซฟา มีท่าทีซังกะตายทั้งวัน ในหัวสมองว่างเปล่า ไม่มีเรื่องของตัวเลขสักตัว ราวกับว่าเขาพลาดค่าลิขสิทธิ์ไปเป็นหลักพันล้าน
พอนึกถึงเรื่องที่ตนเองคุยกับผู้ดูแลระบบเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอเพิ่งได้งานที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งแล้วแดกดันนักเขียนคนหนึ่งซึ่งไม่เคยพบหน้า เขาเองก็รู้สึกตลกในความโชคร้ายของเธอแล้วพูดต่างๆ นานาว่า ‘ฮ่าๆๆๆๆๆ ในวงการนักเขียนก็มีพวกบ้าอยู่เยอะแยะเลย’ ‘เธอเพิ่งจะรู้เหรอว่าในเวยป๋อมีไว้ให้แสดงละคร นักเขียนที่ขู่เข็ญทำคนอกสั่นขวัญผวาคนนั้น…’ อะไรเทือกๆ นั้น…
ในเวยป๋อต่างจากความจริงอะไรกัน หรือว่าสาวน้อยคนนี้กำลังด่าเราอยู่
เราเองก็ดันเห็นดีเห็นงามคุยกับเธออย่างมีความสุข พากันเยาะเย้ยตัวเองอยู่อย่างงั้นเหรอ
“…”
มุมปากของนักเขียนหนุ่มชักกระตุก เขาลูบหูที่ยืดยาวของเอ้อร์โก่วไปมาเพื่อปลอบประโลมหัวใจอันปวดร้าวของตน
เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนชูหลี่ก็เริ่มหาวและกำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะซื้ออาหารเช้าอะไรไปให้สาวน้อยซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์ดี ขณะเดียวกันนักเขียนหนุ่มก็ได้รวบรวมความกล้าที่จะเสียบปลั๊กคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
เขาเปิดคอมพิวเตอร์ ทำเป็นไม่มองว่าตนเองมีไอดีสำรองอยู่ ชายหนุ่มเข้าสู่ระบบด้วยไอดีหลัก และดีใจที่ได้เห็นว่านักเขียนมือเทพเจียงอวี่เฉิงกำลังออนไลน์อยู่…เจ้าหนุ่มคนนี้ก็เคยเป็นนักเขียนมือเทพผู้อยู่ปลายยอดพีระมิด ส่วนใหญ่จะเขียนแนวสยองขวัญสืบสวนสอบสวน นับได้ว่าเป็นพี่ชายและเพื่อนที่ดีของโจ้วชวน เพียงแต่ว่าพักนี้นิยายแนวสยองขวัญสืบสวนสอบสวนไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไร ธีมหลักที่เขาเขียนออกมานั้นค่อนข้างขายได้ยาก ทำให้ความนิยมของผู้อ่านลดลงไปบ้าง…โจ้วชวนใช้ฟังก์ชันการสั่นในช่องแชตสั่นทักอีกฝ่ายถึงสองครั้ง ส่วนอีกฝ่ายส่งมาเพียงเครื่องหมายคำถามที่สั้นและกระชับ…
โจ้วชวน : เกิดเรื่องแล้ว
อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปสามสี่วินาที
เจียงอวี่เฉิง : อะไร ในที่สุดนักอ่านก็เห็นธาตุแท้ของนายแล้วเหรอ
โจ้วชวน : ไม่ใช่…เห็นเหินอะไรกันล่ะ ฉันแสดงออกจะเก่ง เป็นองค์ชายโจ้วชวนผู้อ่อนโยนดั่งหยก
โจ้วชวน : ออสการ์ติดรางวัลตุ๊กตาทองฉันไว้หนึ่งรางวัล
โจ้วชวน : …เข้าเรื่องเลยละกัน นายยังจำเรื่องที่ฉันรวบรวมงานเขียนให้เกม ‘X’ ที่เป็นข่าวดังแล้วก็ได้เข้าไปอยู่ในวงการโดจินได้ไหม ตอนที่ปลอมตัวเป็นนักเขียนโนเนมแต่งบทบรรยายให้เข้ากับภาพที่นักวาดวาดขึ้นมา และยังมีผู้ดูแลระบบซื่อบื้ออีกคนหนึ่ง
เจียงอวี่เฉิง : จำได้สิ จำได้แม่นเลยว่าท่านเทพโจ้วชวนเหมือนพวกเพี้ยนๆ ที่เคยพูดกับฉันว่า ‘ฉันแค่เขียนไม่กี่พันตัวอักษรอย่างสบายๆ คนพวกนั้นก็ตกตะลึงจนยกให้ฉันเป็นเทพ’ ‘ผู้ดูแลระบบตัวน้อยอนุมัติโพสต์ฉันแล้ว แหะๆๆๆ’ ‘พวกเขาตกใจกันมากที่ AB เป็นคู่จิ้นกันจริงๆ ฮ่าๆๆๆ พวกโง่ บทพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบทที่ฉันสร้างขึ้นมา แค่ฉันพยักหน้า ไม่ว่า AB จะเป็นคู่จิ้นระหว่างคนกับหมาตัวหนึ่งก็เป็นได้ทั้งนั้น’…เรื่องพวกนี้นายเคยพูดมันขึ้นมา แล้วคนที่นายเรียกว่า ‘ผู้ดูแลระบบตัวน้อย’ คือผู้ดูแลคนไหนน่ะ
โจ้วชวน : เป็นเธอ
เจียงอวี่เฉิง : ยังไงนะ เกิดอะไรขึ้น นายมีความรักบนโลกออนไลน์กับเธอเหรอ
โจ้วชวน : รักอะไรกัน เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ฉันไม่ได้บ้านะ เหมือนโชคชะตานำพามาให้เจอกัน บังเอิญมากที่ตอนนี้ผู้ดูแลระบบได้กลายมาเป็น บ.ก. ของฉันไปแล้ว ตอนเช้าเธอเพิ่งมาที่บ้านแล้วก็เอาซาลาเปามาให้สองลูก บอกกับฉันว่าดื่มกาแฟในตอนที่ท้องว่างไม่ดีต่อสุขภาพ แล้วยังพยายามให้ฉันเซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์ที่เสนอจำนวนการตีพิมพ์ครั้งแรกที่สี่หมื่นห้าพันเล่ม
โจ้วชวน : สุขภาพของฉันจะดีหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับเธอ
โจ้วชวน : แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก
โจ้วชวน : ประเด็นหลักมันอยู่ที่สัญญาฉบับนั้น
เจียงอวี่เฉิง : ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้ ฉันก็มีแฟนคลับที่ติดตามกันมานานได้เข้าไปทำงานที่สำนักพิมพ์หยวนเยวี่ย ฮ่าๆๆๆ ไม่แน่ว่าพวกเขาทั้งสองอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็ได้!
โจ้วชวน : ว้าว แฟนคลับคนนั้นของนายชื่ออะไรเหรอ
เจียงอวี่เฉิง : นายไม่รู้จักหรอก ถามไปก็เท่านั้น นายเพิ่งบอกว่าอะไรนะ นายกับผู้ดูแลระบบคนนั้นรักกันบนโลกออนไลน์มานานถึงสามปีแล้วเหรอ! แล้วเธอยังโน้มน้าวให้นายเซ็นสัญญาแย่ๆ ที่มีจำนวนการตีพิมพ์แค่สี่หมื่นห้าพันเล่มด้วย?! เล่มไหน ใช่ ‘หนังสือเทพเจ้าแห่งแม่น้ำลั่ว’ ที่นายตั้งใจไว้ว่าถ้าจำนวนการตีพิมพ์ไม่ถึงแสนจะไม่เซ็นสัญญาหรือเปล่า พระเจ้า?!