เวลานี้บนโต๊ะอาหารเช้า จงเจินมองหน้าเหยเกของฉงหรงอยู่นาน ในที่สุดก็ทนดูต่อไปไม่ไหว “ดูหน้าตาพี่สิ ทำไมเจ็บปวดแบบนี้ล่ะ”
ฉงหรงเค้นคำสองคำออกมาทางร่องฟัน “ปวดฟัน”
จงเจินมองสีหน้าเธอ ทำให้เขาเริ่มหน้าเบี้ยวตามไปโดยไม่รู้ตัว “ฟันคุดเหรอ”
ฉงหรงพยักหน้าอย่างเจ็บปวด “อืม”
“ฟันคุดของพี่นี่ลากยาวมาขนาดนี้ ถอนทิ้งเหอะ!”
ฟันคุดของเธออยู่มานานมาก ทุกครั้งที่เป็นไข้ก็จะปวด เป็นไข้ครั้งนี้ต้องโทษเวินเซ่าชิงคนเดียวเลย
ฉงหรงจิบน้ำอึกหนึ่ง “ขอคิดดูก่อน”
ฉงหรงเข้าใจว่าคงเหมือนคราวก่อนที่กินยาไม่กี่วันก็หาย แต่ปวดฟันครั้งนี้รุนแรงมาก เธอเพิ่มปริมาณยาก็ยังไม่ดีขึ้น ตรงกันข้ามกลับยิ่งบวมไปครึ่งหน้า เธอดูตารางเวลาไปศาลแล้วตัดสินใจเด็ดขาด ส่งเมสเสจหาจงเจิน
จงเจินอ่านเมสเสจแล้วก็เงยหน้าจากกองแฟ้มประวัติผู้ป่วยก่อนจะเอ่ยถาม “อาจารย์เวิน คุณรู้จักหมอฟันบ้างมั้ยครับ”
เวินเซ่าชิงมองอีกฝ่าย “ปวดฟันเหรอ”
จงเจินยกมือถือส่ายไปมา “ไม่ใช่ผมครับ พี่สาวน่ะ ปกติเป็นคนเด็ดขาดจะตาย แต่ฟันคุดซี่เดียวยึกยักอยู่นั่น เปลี่ยนมาหลายโรงพยาบาล ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมถอน ตอนนี้อักเสบหนักแล้ว”
เวินเซ่าชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จำได้ว่ามีรุ่นน้องคนนึงอยู่แผนกทันตกรรม เดี๋ยวจะบอกเธอไว้ก่อน พี่สาวคุณจะมาเมื่อไหร่”
จงเจินดูมือถือ “ตอนบ่ายครับ”
“ได้ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวคุณไปบอกชื่อพี่ไว้นะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ตอนบ่ายฉงหรงไปโรงพยาบาล แจ้งบัตรคิวหมอตามที่จงเจินบอกไว้
ตอนพบทันตแพทย์ ฉงหรงหยีตาดูป้ายชื่อที่หน้าอกอีกฝ่าย…’เหอเหวินจิ้ง’ (สุภาพนุ่มนวล) แล้วก็มองผู้หญิงที่สูงกว่าเธอหนึ่งช่วงศีรษะท่าทางโผงผางใจกล้า ชื่อตรงข้ามกับตัวจริงสุดขั้ว
เหอเหวินจิ้งถือแฟ้มประวัติแล้วอ่านชื่อผู้ป่วย “ฉงหรง? อ๋อ ญาติผู้พี่ของจงเจินสินะ เขาบอกไว้แล้ว”
เธออ้าปากอย่างยากลำบาก เรียกชื่อหมอ “สวัสดีค่ะหมอเหอ”
เหอเหวินจิ้งชะงัก “ไม่ชอบให้เรียกว่าหมอเหอเลย คุณเรียกฉันว่าพี่เหอก็ได้”
ฉงหรงมองด้วยความลำบากใจ เห็นสีหน้าเฝ้ารอคอยของอีกฝ่าย เธอจึงเรียก “พี่เหอ” ด้วยความรู้สึกซับซ้อน
เหอเหวินจิ้งหัวเราะแล้วถามเบาๆ “ฉงหรง จงเจิน บ้านคุณตั้งชื่อทุกคนแบบนี้หรือ”