เมื่อครู่ตอนเปิดประตู ฉงหรงก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร พูดตามจริงแล้วเธอยังคิดถึงฝีมือปรุงอาหารของเขาอยู่บ้าง เธอสูดจมูก ปลอบใจตัวเองว่าฉันป่วยอยู่ ตามใจตัวเองสักครั้งก็ไม่เป็นไรนะ จากนั้นก็พยักหน้าให้เวินเซ่าชิง
เห็นเธอพยักหน้า เขาก็หัวเราะแล้วหิ้วถุงขยะย้อนกลับเข้าห้องไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉงหรงเข้ามาในบ้านของเวินเซ่าชิง เธอมองสำรวจแล้วก็พบว่าเขาตั้งใจทุ่มเทกับการตกแต่งมาก เรียบง่ายมินิมอล มีสไตล์แต่ไม่รกรุงรัง สะอาดจนเหลือเชื่อ สมกับที่เป็นหมอ คงจะเป็นโรคคลั่งความสะอาดจนขึ้นสมอง
ห้องที่อยู่ชั้นเดียวกันโดยพื้นฐานแล้วลักษณะแปลนจะเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะการวางตำแหน่งห้องต่างกันหรือเปล่าถึงทำให้บ้านของเวินเซ่าชิงดูใหญ่กว่าบ้านของเธอมาก ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสบาย
เธอกวาดตาชมลวกๆ แล้วเวินเซ่าชิงก็เรียกเธอมากินข้าว
เวินเซ่าชิงมองใบหน้าครึ่งซีกใต้หน้ากากของเธอ “ถอดมาสก์ออกเถอะ”
ฉงหรงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ปลดหน้ากากออก แล้วก้มลงซ่อนใบหน้าไว้ในเรือนผมคล้ายไม่ได้ตั้งใจ พยายามปิดใบหน้าครึ่งซีกที่บวมเป่ง
ทว่าวินาทีต่อมานิ้วมือของเขาก็ยื่นข้ามมาช้อนคางเธอเบาๆ เลื่อนไปทางซ้าย แล้วแตะตรงจุดที่บวมเบาๆ จากนั้นก็รีบดึงมือกลับ “เรื่องเล็ก กินข้าวก่อนเถอะ”
ปลายนิ้วมือของเขาค่อนข้างเย็น นิ้วมือสวยเรียวยาวมีพลัง สัมผัสใบหน้าเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการล่วงเกินแบบหนึ่ง แต่เขาทำอย่างเด็ดขาดไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ มีมารยาท รู้จักความพอดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ ดูเหมือนว่าเธอสามารถได้กลิ่นปลายนิ้วของเขาซึ่งแฝงไอร้อนจากร่างของชายหนุ่ม
ฉงหรงมองมือข้างนั้นจับตะเกียบแล้วเหลือบมองใบหน้าเขาแวบหนึ่งเหมือนไม่ได้ตั้งใจ คำถามมากมายผุดขึ้นในใจ
เขาคงทำไปตามความเคยชินในอาชีพสินะ เปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน เขาก็คงทำแบบนี้ ฉันไม่ควรคิดมากเกินไป สารรูปตัวเองตอนนี้ยังไม่น่าเกลียดมากอีกรึไง
ฉงหรงคิดแบบนี้จึงถือตะเกียบใจลอย ไม่คีบอาหารที่วางอยู่ข้างหน้าเสียที
ความจริงเธอกินอาหารที่เวินเซ่าชิงทำวันนี้ไม่ได้ เธอปวดฟันแสนสาหัส พอออกแรงเคี้ยวก็สะเทือนใบหน้าซีกขวา ปวดไปถึงหัวใจ แม้แต่เสียงก็แหบมาก เธอไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น
เวินเซ่าชิงก็สังเกตเห็น กินไปไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง “ทำแกงจืดไข่น้ำให้ก็แล้วกัน”
ฉงหรงรู้สึกเกรงใจ “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องยุ่งยาก” แม้จะรู้จักกันมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่นับว่าสนิท
ชายหนุ่มกลับลุกขึ้น “หวานหรือว่าเค็ม”
“เค็ม” ฉงหรงมึนหัวมาก เธอตอบไปตามจิตใต้สำนึกแล้วก็ถามกลับว่า “จะทำสงครามเรื่องอาหารภาคเหนือภาคใต้* เหรอ”
เวินเซ่าชิงมองใครบางคนที่กำลังสติเลอะเลือน ยิ้มแล้วเดินเข้าห้องครัวไป
ฉงหรงมองเงาร่างในห้องครัว ก่อนจะค่อยๆ นึกอะไรออก เธอเป็นถึงทนายความมืออาชีพ แต่ถึงกับตกหลุมพรางของคนฆ่าสัตว์มืออาชีพ!