“ลาเต้สองที่ครับ” เขาเท้าแขนบนเคาน์เตอร์แล้วโน้มตัวมาบอกเธอ อาริสามองเขาผ่านเครื่องชงกาแฟเบื้องหน้า รอยยิ้มที่ปรากฏในแววตาคมกล้านั้นช่างเปิดเผยและซื่อตรง
คงเพราะเธอไม่ได้ขานรับ รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาก็เลยเลือนหาย ความเป็นห่วงและอาทรเข้ามาแทนที่ ร่างสูงเดินอ้อมมา เปิดประตูที่กั้นไว้ตรงด้านข้างเคาน์เตอร์
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เหนื่อยเหรอครับแอ๊นท์”
อาริสาส่ายหน้า เธอรีบเรียกสติตัวเอง แล้วเธอก็ทำสำเร็จ เธอดึงภวังค์ของเธอที่กำลังใจอ่อนยวบๆ ให้กลับมามั่นคงดังเดิม
“เปล่าค่ะ แอ๊นท์โอเคดีมากค่ะ”
“แน่ใจนะครับ?”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับพร้อมรอยยิ้ม…รอยยิ้มที่เธอไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามันเป็นรอยยิ้มแรกที่เธอยิ้มให้เขาโดยไม่ได้รู้สึกว่าถูกบังคับ
ป้าย OPEN ถูกพลิกให้กลายเป็น CLOSED
“วันนี้ต้องขอบคุณมากนะคะ” อาริสากล่าวขอบคุณคนที่ยืนรอเธออยู่ข้างๆ เธอล็อกกุญแจประตูหน้าร้าน จากนั้นก็เดินเคียงข้างเขาออกจากใต้ชายคา
ภิมุขอยู่ช่วยงานเธอจนกระทั่งเวลาปิดร้าน แม้เธอจะพยายามบอกให้เขากลับไปตั้งแต่เย็นแล้วก็ตาม แต่คนตัวสูงก็ยังดื้ออยู่นั่นล่ะ ดื้อจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ
พนักงานในร้านไม่ได้พูดอะไรในเรื่องนี้ ก็เรื่องของนายจ้างนี่นะ เด็กๆ พวกนั้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะมากกว่า อาริสานึกขอบคุณ อย่างไรเสียก็ไม่อยากให้ใครๆ เข้าใจผิดว่าเธอจับปลาหลายมือ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ ช่วงนี้คุณแอ๊นท์ไปที่สปอร์ตคลับน้อยลง ผมก็เลยต้องมาหาคุณที่นี่แทน”
อืม…ก็ไปน้อยลงจริงๆ นั่นแหละ เธอเองก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหวเลยยั้งๆ ดึงตัวเองให้ถอยเพื่อสร้างระยะห่างบ้าง
พอเห็นเธอเงียบ เขาก็เลยพูดต่อด้วยเสียงที่อ่อนลงว่า
“ยังไงดีล่ะ ผมมาหาที่นี่คงไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอกใช่ไหมครับ”
คำถามอย่างตรงไปตรงมาจากผู้ชายที่เป็นชายในฝันของผู้หญิงหลายคน จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าเนื้อตัวร้อนวูบวาบ หัวใจหวิวๆ