เซียวเซียวพยักหน้าเป็นการยอมรับผลการตัดสินในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะสูญเสียจัมพ์สูทไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ฉินย่าหนานก็สูญเสียจนไม่มีอะไรเหลือแล้ว อีกทั้งเซียวเซียวยังได้รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของคนคนนี้ มิตรภาพระหว่างเรียนก็คงจบลงแต่เพียงเท่านี้
“ฉินย่าหนาน ต่อไปก็ทางใครทางมัน” ขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องประชุม เซียวเซียวก็หันมาพูดกับฉินย่าหนานอย่างจริงจัง ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยทั้งสองมีความสุขที่ได้ออกไปเดินซื้อของด้วยกัน เวลาหางานก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างจริงใจ แต่แล้วความสุขความทุกข์ในชีวิตก็สูญสลายไปกับเดรสสุ่ยซานชุดนั้น เหมือนหมอกที่สลายไปในอากาศ
จากนั้นดูเหมือนว่าฉินย่าหนานจะได้รับความกระทบกระเทือนใจมากจึงยื่นใบลาพักร้อน ก่อนการแข่งขันรอบรองชนะเลิศก็ไม่ปรากฏตัวอีกเลย
การนำเสนอผลงานครั้งที่สองได้ตัดสินลงมาแล้ว เนื่องจากผลงานของฉินย่าหนานถูกคัดทิ้งทั้งหมด ผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจึงเหลือเพียงสี่สิบเจ็ดแบบ เสื้อผ้าในซีซั่นใหม่จะต้องมีไม่น้อยกว่าห้าสิบแบบ เซียวเซียวจึงได้แต่กระตุ้นให้ทุกคนพยายามช่วยกันออกแบบออกมา
เซียวเซียวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องของตัวเองพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะอย่างคิดไม่ตก เสื้อผ้าธรรมดาทั่วๆ ไปก็ยังพอทำเนา แต่นั่นคือชุดเดรสสุ่ยซานที่จะใช้เป็นตัวทำตลาด ซึ่งเธอจะต้องออกแบบตัวทำตลาดใหม่ออกมาแทนในระยะเวลาสั้นๆ ช่างเป็นเรื่องยากจริงๆ
ในขณะที่กำลังกลัดกลุ้มอยู่นั้นเซียวเซียวก็พลันเหลือบตาไปมองภาพที่ติดอยู่บนผนัง นั่นคือภาพนักเปียโนที่เธอถ่ายไว้ ซึ่งต่อมาเธอใช้เศษผ้าชิ้นเล็กๆ แปะเข้าไปแล้วมอบให้มู่เจียงเทียน เธอจึงเปิดคอมพิวเตอร์หาภาพต้นฉบับมาดูอย่างละเอียด ก่อนจะใช้โปรแกรมทำให้แสงอาทิตย์สว่างมากๆ แสงอาทิตย์ก็จะมีลักษณะเหมือนน้ำตกที่ไหลลงมา จากนั้นก็หมุนภาพแล้วพับให้เป็นทรงกระโปรง ลำแสงของดวงอาทิตย์จึงกลายเป็นลายเส้นของกระโปรง
แสงอาทิตย์สามารถนำพามาซึ่ง ‘ชีวิตใหม่’ ในภาพนั้นแสงอาทิตย์ส่องผ่านกระจกสีจนทำให้เกิดลำแสงสีต่างๆ เมื่อดึงเอาลำแสงสีเขียวและสีเหลืองออกมาใช้ก็เข้ากับหัวข้อและรูปแบบของซีซั่นนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
วันรุ่งขึ้นเซียวเซียวไปที่ซังอวี๋
“ฉันอยากจะเอาภาพนี้ไปใช้บนเสื้อผ้าที่จะออกแบบ คุณว่าคุณมู่จะเห็นด้วยไหม” เซียวเซียวยืนอยู่หน้าห้องเปียโนพลางถามจั่นหลิงจวินอย่างไม่มั่นใจนัก
“คุณพรีเซนต์ในรอบคัดเลือกเป็นยังไงบ้าง” จั่นหลิงจวินมองไปที่ประตูไม้แกะสลักของห้องเปียโนที่ปิดสนิท ไม่ได้ตอบคำถามทว่าย้อนถามกลับ
“ดีมาก ฉันยังเน้นในความหล่อเหลาของคุณด้วย” เซียวเซียวพยายามประจบโดยชมเขาอย่างไม่สนใจอะไร “กรรมการชมว่าฉันเป็นอัจฉริยะเลยล่ะ”
จั่นหลิงจวินหรี่ตามองเธอ ไม่ได้กล่าวยอมรับหรือปฏิเสธ ก่อนจะรูดการ์ดแล้วเปิดประตูห้องเปียโนเข้าไป เสียงเปียโนที่ลื่นไหลก็ลอยออกมา ห้องเปียโนถูกล็อกเอาไว้ มีเพียงจั่นหลิงจวินที่มีสิทธิ์เปิด ตอนนี้เซียวเซียวถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อครู่ที่จั่นหลิงจวินถามเป็นการพูดก่อนจะเปิดประตู
เมื่อกี้ถ้าไม่ได้ชมเขาว่าหล่อจะเป็นยังไงนะ