อเดอลีน หลินซือหย่วน และจ้าวเหอผิงนั่งกันอยู่ในห้องประชุมเล็ก
“พวกเราได้ดูผลงานของทั้งสองคนแล้ว ต่างมีจุดเด่นของตัวเอง วันนี้ให้โอกาสพวกเธอเป็นครั้งสุดท้ายในการพรีเซนต์เพื่อที่จะได้ตัดสินใจว่าใครจะเป็นเฮดดีไซเนอร์ของเสื้อผ้าสำเร็จรูปสตรีในซีซั่นนี้” อเดอลีนพูดด้วยเสียงที่เข้มงวด “ใครจะเริ่มก่อน”
“ฉันก็แล้วกัน” ฉินย่าหนานยกมือขึ้น
เพราะว่าหัวข้อที่ทั้งสองคนจะพูดเป็นหัวข้อเดียวกัน ดังนั้นคนที่พูดก่อนย่อมได้เปรียบ หลังจากเธอพูดแล้ว เมื่อฟังคนที่พูดต่อมาก็จะทำให้รู้สึกว่าธรรมดา
เซียวเซียวก็ไม่ได้แย่งยกมือขึ้นแสดงให้รู้ว่าให้เธอพรีเซนต์ก่อน
ฉินย่าหนานส่งผลงานทั้งหมดสามชุด คือกระโปรงครึ่งน่องสองตัว เดรสอีกหนึ่งชุด ผลงานหลักที่เธอแนะนำก็แน่นอนว่าต้องเป็นเดรสสุ่ยซานชุดนั้น
“คอนเซ็ปต์หลักก็คือความรู้สึกที่ทุกเช้าฉันมองไปที่สวนสาธารณะแล้วเห็นต้นสุ่ยซาน ถ้าใช้เป็นผลงานของซีซั่นนี้ เชื่อว่าจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า” ฉินย่าหนานเปลี่ยนหน้าพาวเวอร์พ้อยต์ นั่นคือสิ่งที่เธอต่อยอดออกมาจากวัตถุดิบ ทำเป็นกระโปรงสั้น เสื้อแขนยาว เป็นต้น “เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด ฉันจึงไม่อาจทำที่เหลือออกมาได้ทัน แต่ถ้าหากฉันเป็นเฮดดีไซเนอร์ล่ะก็ เรื่องพวกนี้ก็จะไม่เป็นปัญหา”
อเดอลีนขมวดคิ้วจ้องมองดูรูปเหล่านั้น หลินซือหย่วนกระซิบกระซาบอยู่ข้างหูเธอ แล้วทั้งสองคนก็มองตากันก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เดิมทีพวกเขากลัวว่าแบบจะดูจำเจมากเกินไป แต่เห็นทีคงจะไม่ต้องกังวลแล้ว
ฉินย่าหนานเห็นท่าทางของพวกเขาก็รู้สึกยินดีขึ้นมา เธอเดินลงจากเวทีแล้วเชิญเซียวเซียวขึ้นไป
ผลลัพธ์ที่อยู่ตรงหน้าสร้างแรงกดดันให้กับเซียวเซียวไม่น้อย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดพาวเวอร์พ้อยต์ของตัวเองขึ้นมา
“เสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นนี้ออกแบบโดยอิงจากใบเหอฮวน ตัวอย่างเช่นกระโปรงตัวนี้ฉันให้ชื่อมันว่า ‘แสงแห่งรุ่งอรุณ’ ซึ่งได้เลียนแบบลักษณะเด่นของใบเหอฮวนที่บานเช้าและหุบกลางคืน ผ้าชั้นในจะใช้ผ้าที่สะท้อนแสง ชั้นนอกเมื่อเปิดออกจะมีแสงยามเช้าส่องประกายเหมือนกับใบเหอฮวนกำลังผลิบานออก” เซียวเซียวชี้ไปยังกระโปรงที่ตัวเองออกแบบแล้วอธิบายอย่างละเอียด ทำให้ทั้งสามคนตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
‘แสงแห่งรุ่งอรุณ’ ไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘สุ่ยซาน’ ของฉินย่าหนานแม้แต่น้อย แต่เซียวเซียวไม่ได้เอาแบบที่ทำนี้ไปให้คนอื่นดูเหมือนกับที่ฉินย่าหนานทำจึงทำให้หลายคนไม่ได้สนใจ
เมื่อได้แนะนำชุดทั้งแปดชุดจนเสร็จเรียบร้อย เซียวเซียวก็มองสีหน้าลังเลของทั้งสามพลางเผยรอยยิ้มน้อยๆ แล้วพูดต่อไปว่า “โดยส่วนตัวฉันเองก็ชื่นชอบชุดเดรสสุ่ยซานที่ย่าหนานออกแบบ แล้วมันก็เป็นส่วนที่ขาดหายไปของฉัน ถ้าฉันได้เป็นเฮดดีไซเนอร์ ฉันจะเอาคอนเซ็ปต์หลักของสุ่ยซานเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ทำให้เป็นคอลเล็กชั่น ‘เหอฮวน’ และ ‘ซานซู่’ เพื่อให้เป็นตัวเลือกของลูกค้าที่มีความชื่นชอบต่างกัน”
“ดีมาก นี่สิถึงจะเป็นคุณสมบัติที่เฮดดีไซเนอร์ควรจะมี” อเดอลีนพยักหน้าแล้วมองตาหลินซือหย่วน
“ถ้าอย่างนั้นเฮดดีไซเนอร์ของซีซั่นนี้ก็ให้เซียวเซียวรับหน้าที่ไป” หลินซือหย่วนประกาศผลการตัดสิน
เซียวเซียวตื่นเต้นดีใจมากแต่ก็เก็บความรู้สึกไว้ เพียงโค้งแสดงความขอบคุณอย่างสงบนิ่ง
เมื่อออกจากห้องประชุมสีหน้าของฉินย่าหนานก็เปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ เธอโกรธที่ตัวเองรีบพูดก่อน ทำให้เซียวเซียวมีโอกาสหาช่องโหว่
เซียวเซียวได้เป็นเฮดดีไซเนอร์จึงต้องเลี้ยงข้าวทุกคน คนในแผนกออกแบบต่างพากันตอบรับ คนกลุ่มใหญ่เดินมุ่งหน้าไปยังร้านสุกี้อย่างเปิดเผย
“ย่าหนานล่ะ” เซียวเซียวรินเครื่องดื่มให้กับทุกคน เมื่อไม่เห็นฉินย่าหนานจึงเอ่ยถามขึ้น
“เห็นว่ามีธุระมาด้วยไม่ได้” จ้าวเหอผิงพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร
ความจริงแล้วฉินย่าหนานไม่ต้องการจะไปร่วมฉลองด้วย จึงนัดโจวเชี่ยนออกมากินข้าว
“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่านังนั่นน่ะมันเจ้าเล่ห์จะตาย แกก็ยังไม่รู้จักจำ” โจวเชี่ยนคีบเนื้อวางลงบนกระทะร้อนเสียงดังฉ่าๆ
ฉินย่าหนานไม่พูดอะไร เธอไม่คิดว่าโจวเชี่ยนจะฉลาดกว่าเธอสักเท่าไร เป็นเพียงจูเก่อเลี่ยงหลังเกิดเรื่องเท่านั้น
โจวเชี่ยนเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะฟังก็เลยเปลี่ยนเรื่อง คีบเนื้อที่ย่างสุกแล้ววางไว้ในจานของฉินย่าหนาน “เอ่อ เรื่องที่พูดกันคราวที่แล้ว แกคิดทบทวนว่ายังไงบ้าง”
“ไม่ได้ๆ นั่นเท่ากับฉันทุบหม้อข้าวตัวเองเลยนะ” ฉินย่าหนานได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ
โจวเชี่ยนแอบเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ “การแข่งขันการออกแบบระดับประเทศกำลังจะเริ่มแล้ว ครั้งนี้แกต้องระวังหน่อยนะ อย่าให้เกิดอะไรผิดพลาดอีกล่ะ ตอนนั้นเห็นชัดๆ ว่าแกมีความสามารถที่จะเป็นผู้ชนะเลิศได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันจะพลาดเรื่องเดิมเป็นครั้งที่สองได้ยังไง” ฉินย่าหนานเคี้ยวเนื้อในปากอย่างมีอารมณ์