เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ภาพที่เห็นตรงหน้ามีโครงสร้างที่แตกต่างจากชั้นหนึ่งโดยสิ้นเชิง บนนี้เต็มไปด้วยการประดับตกแต่งที่มีกลิ่นอายของไม้ พรมสีเขียวที่เหมือนกับสนามหญ้า เมื่อมองแล้วก็รู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง จากความหรูหรางดงามแบบยุโรปที่ชั้นหนึ่งทำให้คิดว่าชั้นสามจะต้องจัดตกแต่งแบบพระราชวังที่หรูหรางดงามยิ่งกว่า ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบที่กลับสู่ธรรมชาติเช่นนี้
เสียงเปียโนอันไพเราะลอยมา อ่อนโยนละเมียดละไมราวกับดวงจันทร์ที่ค่อยๆ ทอแสงลงมาในป่าอันเงียบสงบ เซียวเซียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาด้วยความเคยชิน ให้มันบันทึกทำนองช่วงหนึ่งลงไปเพื่อค้นหาชื่อเพลง
ชื่อของบทเพลงนี้คือ ‘แสงจันทร์ ณ ปลายขอบฟ้า’ เดิมทีเป็นดนตรีเพื่อการบำบัด แต่กลับบรรเลงออกมาให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและโศกเศร้า เซียวเซียวเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้ แล้วหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเปียโน
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่หน้าเปียโนกำลังบรรเลงเพลง ที่ขาของแกรนด์เปียโนนั้นมีเด็กชายอายุประมาณเจ็ดแปดขวบนั่งอยู่ เด็กชายพิงศีรษะกับขาเปียโนพลางฟังอย่างหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีแบบโบราณมาบนตัวของนักเปียโน ประหนึ่งเชือกที่อยู่ท่ามกลางทะเลอันเย็นเยือกเพื่อให้คนที่สิ้นหวังกำลังจะจมน้ำได้คว้าไว้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
ภาพงดงามตรงหน้าทำให้เซียวเซียวอดที่จะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกความทรงจำนี้ไว้ไม่ได้
เซียวเซียวไม่ได้เรียนดนตรีมา แต่ตอนเรียนมัธยมเธอคลั่งไคล้มู่เจียงเทียนซึ่งเป็นนักเปียโนอัจฉริยะ เมื่อได้ฟังบันทึกการแสดงของเขาหลายรอบก็พอจะสามารถรับรู้อารมณ์จากเสียงเปียโนได้ บางคราเป็นความโศกเศร้าที่อัดแน่นและล้นเอ่อ บางคราก็สัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่นและความเกรงกลัว บางคราคืออารมณ์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต ยืนหยัดไม่ยอมศิโรราบ…
ท่วงทำนองของเสียงเพลงที่ลื่นไหล จู่ๆ ก็มีเสียงโน้ตที่ผิดเพี้ยนแทรกเข้ามา ทำลายเสียงเพลงที่กำลังพลิ้วไหวดั่งสายน้ำ เสียงเปียโนพลันหยุดลง มือที่เกร็งจนเส้นเลือดขึ้นของชายหนุ่มนิ่งค้างอยู่ที่คีย์บอร์ดเปียโนครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด
เด็กชายที่พิงศีรษะกับขาเปียโนลืมตาขึ้นมองอย่างงุนงง เหมือนกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสียงดนตรีถึงได้หยุดลงกะทันหัน
“นี่ฟื้นตัวได้ดีขึ้นมากแล้วนะ” เลี่ยวอี้ฟานที่ยืนอยู่หลังเปียโนในเงามืดก้าวเดินออกมา ตอนนี้เซียวเซียวถึงได้รู้ว่านอกจากนักเปียโนกับเด็กชายแล้วยังมีคนอื่นอยู่ในห้องนี้อีก
ไหล่ของนักเปียโนสั่นไหวเล็กน้อยเหมือนกับกำลังระงับความโกรธเกรี้ยว “คุณจะไปเข้าใจอะไร นิ้วหด คอร์ดที่เล่นก็มีปัญหา ตั้งแต่ช่วงอ็อกเตฟก็ไม่สามารถเล่นไล่บันไดเสียงได้ คุณคิดว่าฟื้นตัวได้ดีอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงแหบๆ ที่เปล่งออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่อาจปกปิดเนื้อเสียงที่ไพเราะนั้นได้ ทำให้อดจินตนาการไม่ได้ว่าชายคนนั้นจะเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลามากเพียงใด
“มือของคุณถูกกระสุนยิงทะลุ สามารถฟื้นฟูได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว เมื่อไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแม้แต่น้อย ในทางการแพทย์ถือว่าฟื้นฟูแล้ว อย่าเข้มงวดกับตัวเองนักเลย…” คิ้วของเลี่ยวอี้ฟานขมวดเล็กน้อย