ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 1-2 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 1-2 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1

ผู้เขียน : 水千丞 (Shui Qian Cheng)

แปลโดย : : เฉินซุ่นเจิน

ผลงานเรื่อง : 附加遗产 (Fu Jia Yi Chan)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

การบูลลี่ การมีอคติต่อคนรักร่วมเพศ การกล่าวถึงเลือดและการฆ่าตัวตาย

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

  

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 1

 

เมื่อเข้าสู่เดือนสี่ฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือนเมืองหลวงอีกครั้ง กลีบดอกไม้โปรยปรายพร้อมแต่งแต้มด้วยสีเขียวขจี ท้องฟ้ายามเช้าตรู่กระจ่างใสเหมือนถูกล้างด้วยน้ำ นับว่าเป็นอากาศดีที่หาได้ยากในรอบปี

อุณหภูมิยามเช้าลดต่ำลงเล็กน้อย ลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างรถทำให้ชายที่เมาหัวราน้ำซึ่งเอนตัวอยู่บนเบาะหลังจามออกมาเพราะความหนาวเย็น

“ถึงแล้วครับ” คนขับกดมิเตอร์ มันส่งเสียงดังติ๊ดๆ แล้วพิมพ์ใบเสร็จออกมา

เวินเสี่ยวฮุยลืมตาที่ระคายเคือง พยายามลุกขึ้นมาจากเบาะหลัง “หืม? ถึงแล้วเหรอ”

“ถึงแล้วครับ” คนขับเหลือบมองทางกระจกมองหลังด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย คนขับกะดึกอดนอนมาทั้งคืน น้อยคนที่จะอารมณ์ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมีผู้โดยสารเป็นไอ้ขี้เมา

ในกระจกมองหลังสะท้อนให้เห็นใบหน้าสวยใส แม้ว่าเปลือกตาจะบวมเป่งเพราะดื่มมากไปและผมเผ้าค่อนข้างยุ่งเหยิง ทว่าก็ยังสามารถมองเห็นเครื่องหน้าที่ละเอียดอ่อน คางเรียวบาง ผิวพรรณดูบอบบางจนดูเหมือนว่าถ้าโดนลมเพียงแค่เบาๆ ก็อาจแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ นับว่าเป็นหนุ่มหน้าสวยคนหนึ่ง

เวินเสี่ยวฮุยสูดหายใจเข้าลึกๆ “เท่าไรครับ”

“สี่สิบหกหยวน”

มือของเวินเสี่ยวฮุยที่กำลังควักเงินชะงักทันที โทนเสียงก็สูงขึ้นด้วย “เท่าไรนะ”

“คุณก็ดูเอาเองสิ”

เวินเสี่ยวฮุยหาว กระแอมกระไอ น้ำเสียงชัดเจนขึ้นสิบสองส่วน “นี่คุณคนขับกำลังหลอกผมใช่ไหม ทางจากซานหลี่ถุน* มาถึงที่พักผม ไม่แน่ว่าผมอาจจะขับเร็วกว่าคุณด้วยซ้ำ ถ้ารถไม่ติดเต็มที่ก็สามสิบห้าหยวน นี่คุณไปอ้อมมาจากไหนเนี่ย”

คนขับมีสีหน้าละอายใจเล็กน้อย “ตรงโรงพยาบาลเฉาหยางรถมันติดน่ะครับ ผมแค่อ้อมนิดหน่อย…”

“โอ้โห นี่คุณอ้อมนิดหน่อยเหรอ อ้อมอีกนิดพวกเราก็ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เซียงซาน** ได้แล้ว เห็นผมดื่มเยอะหน่อยเลยคิดจะโกงผมใช่ไหม ผมจะบอกคุณให้นะ คนอย่างผมพันแก้วก็ไม่ล้ม ต่อให้ล้มก็เปิดเนตรสวรรค์แล้ว” เวินเสี่ยวฮุยควักเงินสามสิบห้าหยวนออกมาแล้วโยนไปที่เบาะหน้า “แค่นี้แหละ”

คนขับหมดความอดทน พูดด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง “แบบนั้นไม่ได้นะ คุณให้ผมแค่นี้จะให้ผมวิ่งเสียเที่ยวเหรอ”

“อ่อ วิ่งเสียเที่ยวไม่ได้สินะ เมื่อคืนผมดื่มมาเต็มท้องเลย ถ้าอย่างนั้นผมถ่ายสินค้าบนรถให้คุณดีไหม” เวินเสี่ยวฮุยทำท่าอาเจียนแห้งๆ

คนขับสบถอยู่ในปาก “ก็ได้ๆ คุณรีบลงไปเถอะ คิดซะว่าผมซวยเองก็แล้วกัน”

เวินเสี่ยวฮุยกลอกตา เปิดประตูลงจากรถไป ก่อนที่คนขับจะปิดหน้าต่างรถแล้วด่าออกมาประโยคหนึ่ง

“ไอ้พวกผิดเพศเฮงซวยเอ๊ย”

เวินเสี่ยวฮุยได้ยินดังนั้นก็หันขวับกลับมา “ปู่มึงสิ มึงแม่งด่าใครวะ…” เขาตวัดขาหมายจะเตะประตู

คนขับเหยียบคันเร่งหนีทันที

เวินเสี่ยวฮุยเหวี่ยงเท้าขึ้นไปในอากาศ ชูนิ้วกลางใส่ทิศทางที่รถแท็กซี่จากไปด้วยความโกรธ จากนั้นก็จามอย่างแรงอีกครั้ง เขาสูดจมูกพลางบ่นพึมพำ

“ไอ้บื้อเอ๊ย…ชิ คงไม่เป็นหวัดหรอกนะ”

เขาวิ่งเหยาะๆ กลับที่พักโดยไม่กล้ารีรออีกต่อไป ถ้าเขาไม่รีบกลับห้องก่อนที่แม่ของเขาจะตื่นล่ะก็ มีหวังตายแน่ๆ

เมื่อเขาเดินมาถึงชั้นล่างของตึกก็เห็นผู้หญิงสวมเสื้อกันลมสีดำคนหนึ่งแต่ไกล เธอผอมสูง บุคลิกสง่างาม อีกทั้งรองเท้าส้นเข็มก็ทำให้น่องเรียวยาวขาวนวลเผยออกมา ผมสีดำยาวพาดบ่าสบายๆ สวมแว่นกันแดดในยามเช้า ริมฝีปากสีแดงบนใบหน้าที่ขาวราวกับหิมะนั้นสวยงามมาก เขาแอบให้คะแนนผู้หญิงคนนี้แปดคะแนนเงียบๆ ในแง่ของรูปลักษณ์ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมผู้หญิงคนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งคุ้นตานะ

“เสี่ยวฮุย” หลังจากผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เขาก็ถอดแว่นกันแดดออก เธอเป็นสาวสวยตามคาด คิ้วตาละเอียดอ่อน จมูกค่อนข้างโด่ง คางแหลม แต่ดวงตากลับบวมเป่งเหมือนลูกวอลนัท เห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้มา แถมยังร้องไห้อย่างหนักเสียด้วย

หัวใจของเวินเสี่ยวฮุยเต้นตึกตัก อารมณ์สลับซับซ้อนพลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด ทั้งขุ่นเคือง รังเกียจ และประหลาดใจ เขาคิดไม่ถึงว่าซุนอิ่งจะเป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน

“เรียกชื่อเฉยๆ แบบนี้ ฉันสนิทกับเธอมากหรือไงอาเจ้”

“เสี่ยวฮุย ฉันไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับนายหรอกนะ” ซุนอิ่งก้มหน้าคล้ายกำลังปรับอารมณ์

“เธอมาที่นี่ทำไม มีอะไรก็รีบพูดมา เชื่อไหมแค่ฉันตะโกนแค่ครั้งเดียว แม่ฉันจะต้องถือไม้กวาดจากชั้นบนลงมาตีเธอแน่นอน”

ซุนอิ่งเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำทำให้เธอดูน่าสงสาร “หย่าหย่าไปแล้ว”

เวินเสี่ยวฮุยตกตะลึง หยุดหายใจไปชั่วขณะ

หย่าหย่า? หย่าหย่าไม่ใช่ชื่อพี่สาวของเขาเหรอ หย่าหย่าไปแล้วคืออะไร

“เสี่ยวฮุย หย่าหย่าไปแล้ว พี่สาวนายจากไปแล้ว เธอฆ่าตัวตาย”

“เธอ…” เวินเสี่ยวฮุยอยากจะพูดว่าเธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ แต่เสียงกลับจุกอยู่ในลำคอ ทันใดนั้นเขาพลันรู้สึกว่าฟ้าดินพลิกกลับสลับเปลี่ยน หายใจลำบากเหมือนกับโลกทั้งใบถูกพลิกคว่ำ วิงเวียนศีรษะจนแทบยืนไม่อยู่

เขามองไปรอบๆ

นี่เป็นเช้าที่เงียบสงบแสนธรรมดา คุณปู่ที่ปล่อยสุนัขออกมา คุณป้าที่ซื้อกับข้าว สาวสวยที่วิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้า เด็กน้อยที่ไปโรงเรียน หญ้าและต้นไม้ทุกต้นในชุมชนเก่าแก่ที่เขาอาศัยมาสิบกว่าปีไม่มีอะไรต่างจากเมื่อวานเลย เขาเองก็เหมือนกับในตอนเช้าส่วนใหญ่ที่แอบย่องกลับห้องหลังจากเที่ยวจนหนำใจทั้งคืน สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือผู้หญิงที่เขาไม่อยากเจอกำลังยืนรอเขาอยู่ที่นี่พร้อมกับข่าวที่เขาไม่อาจรับได้ โลกนี้เป็นอะไรไป ทำไมจู่ๆ มันถึงได้เปลี่ยนไปล่ะ!

พี่สาวของเขาตายแล้วเหรอ จะเป็นไปได้อย่างไร หัวใจของผู้หญิงคนนั้นทั้งโหดเหี้ยมและแข็งกว่าใครทั้งหมด เธอจะฆ่าตัวตายได้อย่างไร

ซุนอิ่งสูดจมูกก่อนหยิบซองจดหมายสีขาวซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋า Birkin หนังจระเข้

“นี่คือจดหมายสั่งเสียของหย่าหย่า เธอบอกว่าต้องเอาให้นายให้ได้”

เวินเสี่ยวฮุยสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาปัดมือของเธอทิ้ง พูดจาสะเปะสะปะ “ประ…ประ…ประสาทเหรอ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวพวกเรานานแล้ว เธอจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!” แค่ผู้หญิงคนนั้นที่ต้องการเพียงความยิ่งใหญ่แต่ไร้ยางอายมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของเขามันก็มากพอแล้ว ตายแล้วงั้นเหรอ ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ ทำไมล่ะ! ทำไมต้องมาบอกเขา เขาไม่อยากรู้เลยสักนิด!

“เสี่ยวฮุย นายฟังฉันนะ นายเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่หย่าหย่าเชื่อใจ เธอทำได้เพียงฝากเรื่องงานศพให้นายจัดการ นี่คือจุดประสงค์ที่ฉันมาหานาย”

“เรื่องงานศพ? เหอะๆ นอกจากมรดกแล้วฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ เธอไปให้พ้นเลย รีบไสหัวไปซะ!” เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบจะแบกรับต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เขาต้องหาที่ซ่อนตัวโดยเร็วที่สุดเพื่อช่วยตัวเองจากอารมณ์ที่ใกล้จะพังทลาย เขาวิ่งเข้าไปในทางเดินของตึก

ซุนอิ่งเรียก “มีมรดก!”

ฝีเท้าของเวินเสี่ยวฮุยหยุดชะงัก

“แล้วก็มีลูกด้วย!”

ร่างกายของเวินเสี่ยวฮุยแข็งทื่อ ย่างก้าวของเขาว่างเปล่าราวกับเหยียบบนปุยฝ้าย

ลูกเหรอ…เขาได้ยินว่าหย่าหย่ามีลูกกับผู้ชายคนนั้น น่าจะโตแล้ว เขาไม่เคยเห็นเด็กคนนั้นเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หลายปีมานี้พวกเขาทำเหมือนกับว่าหย่าหย่าไม่มีตัวตนไปโดยปริยาย แน่นอนว่าจะไม่มีการพูดอะไรเกี่ยวกับเธอ นับตั้งแต่พ่อของเขาตายไป เขานึกว่าทั้งชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันข้องแวะใดๆ กับหย่าหย่าอีกแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อได้ข่าวของเธออีกครั้งในสี่ห้าปีต่อมาจะกลายเป็นข่าวการเสียชีวิตของเธอไปได้

ซุนอิ่งเดินเข้ามาพลางสะอื้นไห้ “เสี่ยวฮุย ในจดหมายสั่งเสียของเธอก็เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเธอทิ้งมรดกส่วนหนึ่งของเธอให้นายกับคุณป้า เพียงแต่หวังว่านายจะดูแลลูกของเธอ หลานของนายน่ะ”

เวินเสี่ยวฮุยหันกลับมามองเธออย่างดุร้าย นัยน์ตาแดงก่ำ “ไปให้พ้น”

ซุนอิ่งยัดจดหมายใส่อกของเขา แล้วถอยออกไปสองก้าว เสียงส้นสูงที่กระทบพื้นดังสะท้อนอยู่ในใจของคนทั้งสองที่แตกสลาย เธอปิดปาก น้ำตาไหลพราก หันหลังวิ่งจากไป

เวินเสี่ยวฮุยตัวแข็งทื่อ มองดูจดหมายฉบับนั้นที่ปลิวตกพื้นตาปริบๆ เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับว่าขาทั้งสองข้างถูกทากาวแน่นเอาไว้แล้ว

ผ่านไปเนิ่นนานเขารู้สึกว่าใบหน้าเริ่มเย็น เมื่อสัมผัสก็รู้สึกเปียก ทันใดนั้นเรี่ยวแรงในร่างกายก็ถูกสูบออกไปจนหมด เขาทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแล้วหยิบจดหมายขึ้นมาด้วยความสั่นเทา

“เสี่ยวฮุย เธอเป็นอะไรไป” คุณนายหวังที่อยู่ข้างห้องเดินออกมาจากทางเดินพร้อมกับถุงข้าวของ

เวินเสี่ยวฮุยก้มหน้าลงกล่าวเสียงอู้อี้ “ไม่มีอะไรครับ ดื่มมากไปหน่อย อย่าบอกแม่ผมนะ”

“โธ่เอ๊ย เจ้าเด็กคนนี้นี่ ทำร้ายร่างกายตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก แก่แล้วจะเสียใจ…” คุณนายหวังพึมพำพลางเดินผ่านเขาไป

ไหล่ของเวินเสี่ยวฮุยสั่นเทา ทัศนวิสัยพร่ามัว เขาลุกขึ้นจากพื้นแล้วคว้าซองจดหมาย ก่อนเดินโซซัดโซเซขึ้นชั้นบน และพุ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วปานสายลม เขาลืมไปนานแล้วว่าต้องเปิดประตูอย่างเบามือ หลังจากปิดประตูแล้วก็วิ่งกลับไปที่ห้องแล้วคลุมโปง

หย่าหย่าจากไปแล้ว ฆ่าตัวตาย ฆ่าตัวตาย ฆ่าตัวตาย…

เวินเสี่ยวฮุยกัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าส่งเสียง ทว่าตอนนี้น้ำตาก็ทำให้ผ้าปูที่นอนเปียกชุ่มเป็นวงกว้าง

“เสี่ยวฮุย!” เฝิงเยวี่ยหวาผลักประตูเปิด “ไอ้เด็กเหลือขอ ออกไปเที่ยวมาอีกแล้วใช่ไหม!”

ในสมองของเวินเสี่ยวฮุยส่งเสียงดังหึ่งๆ ในใจของเขามีความคิดเดียวเท่านั้น

จะบอกแม่ไม่ได้

“แกจะคลุมโปงทำไม เสียโฉมแล้วเรอะ รองเท้าก็ไม่ถอด รอยเท้าเปื้อนเต็มพื้นหมดแล้ว ลุกขึ้นมาเลียให้สะอาดเดี๋ยวนี้!” เฝิงเยวี่ยหวาเข้ามาหมายจะดึงผ้าห่มออก

“แม่” เวินเสี่ยวฮุยเรียกด้วยเสียงสะอื้น “แม่อย่าสนใจผม ให้ผมอยู่คนเดียวแป๊บหนึ่งได้ไหม”

เฝิงเยวี่ยหวาตกตะลึง ขมวดคิ้วพลางปล่อยมือ “แกเป็นอะไรไป ร้องไห้เหรอ”

ตอนนี้เวินเสี่ยวฮุยไม่ต้องการพูดอะไรทั้งนั้น เพียงต้องการซ่อนตัว เขาหดตัวเข้าไปในผ้าห่มโดยสมบูรณ์

เฝิงเยวี่ยหวาลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถอยออกไปและปิดประตูให้เขา

เสียงกลั้นร้องไห้ค่อยๆ ดังออกมาจากในผ้าห่ม

 

เวินเสี่ยวฮุยไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหน เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ภายในห้องเงียบมาก แม่ของเขาออกไปทำงานแล้วและจะไม่กลับมาในช่วงเที่ยง

เขาลุกขึ้นนั่ง สมองว่างเปล่า ใช้เวลาในการตอบสนองเนิ่นนานกว่าจะดึงวิญญาณกลับมาได้

เขาสูดจมูก น้ำตาไหลรินออกมาพอประมาณแล้วและไม่สามารถร้องไห้ได้อีกต่อไป เขาเปิดผ้าห่มและพบซองจดหมายซองนั้นที่เขาขยำจนยับย่น เขาฉีกมันออกอย่างสั่นเทา

จดหมายนั้นมีเพียงหน้าเดียวซึ่งค่อนข้างสั้นสำหรับคำสั่งเสีย

 

‘เสี่ยวฮุย ขอโทษ ฉันจะไปแล้ว

ไม่รู้ว่าฉันยังมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นพี่สาวของเธอหรือเปล่า แต่ว่าในใจของฉัน เธอเป็นน้องชายที่ฉันรักที่สุดเสมอ

 

เมื่อเวินเสี่ยวฮุยอ่านสองบรรทัดนี้จบดวงตาก็เปียกชื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาปาดน้ำตาแล้วอ่านด้านล่างต่อไป

 

‘เธออย่าได้สืบหาสาเหตุที่ฉันเลือกที่จะจากโลกนี้ไปเลย และไม่ต้องไปถามใครๆ ด้วย รับปากฉัน จะต้องรับปากฉันนะ นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของเธอและคุณป้า นับตั้งแต่วันที่ฉันอยู่กับผู้ชายคนนั้นฉันก็คาดเดาจุดจบของตัวเองไว้แล้ว เธอไม่ต้องเสียใจเพราะฉัน นี่เป็นเพราะฉันสมควรได้รับมันเอง

ฉันเป็นห่วงอยู่อย่างเดียวก็คือลูกชายของฉัน เขาเพิ่งจะครบสิบห้าปีและเป็นเด็กที่โดดเด่นมากด้วย ฉันไม่วางใจที่จะฝากเขาให้กับคนอื่น ฉันอยากจะขอร้องให้เธอดูแล ปกป้อง ให้ความรักและความห่วงใยแก่เขาก่อนที่เขาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ในมรดกของฉันมีห้องชุดและเงินสามล้านสำหรับเธอกับคุณป้า ฉันรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถตอบแทนพระคุณของคุณลุงกับคุณป้าที่เลี้ยงดูฉันได้ ฉะนั้นก็ถือซะว่ามันเป็นรางวัลที่ให้เธอดูแลลั่วอี้แทนฉันก็แล้วกัน

เสี่ยวฮุย หลายปีมานี้ฉันใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดมาโดยตลอด ในชั่วขณะสุดท้ายฉันอยากจะบอกเธอว่าตอนที่คุณลุงป่วยหนัก ฉันก็กำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาลเหมือนกัน ฉันขยับตัวไม่ได้ด้วยซ้ำและไม่เต็มใจที่จะให้เขาเห็นสภาพน่าอับอายของฉันก่อนที่เขาจะจากไป ฉันก็เลยไม่ได้ไปหา ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉันเพราะเรื่องนี้มาโดยตลอด ฉันไม่ได้ขอให้เธอยกโทษให้ ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันรู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกผิดกับครอบครัวเธอมากแค่ไหน

ขอให้เธอรับปากฉันเรื่องหนึ่ง ดูแลลูกชายของฉัน ในโลกใบนี้เขาโดดเดี่ยวกว่าฉันซะอีก

ลั่วหย่าหย่า ลายมือสุดท้ายก่อนตาย

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

community.jamsai.com