ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 5-6 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 5-6 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 6

 

หลังจากที่เวินเสี่ยวฮุยอาบน้ำและสวมชุดนอนของลั่วอี้เสร็จแล้วก็เดินออกมา ส่วนลั่วอี้ไปอาบน้ำที่ห้องของลั่วหย่าหย่าจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา เวินเสี่ยวฮุยทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดหกฟุตของลั่วอี้อย่างไม่เกรงใจ เตียงนั้นมีความนุ่มที่เหมาะสมจึงให้ความสบายอย่างที่สุด

เขายืดตัวบิดขี้เกียจ กลิ้งอยู่สองรอบ แล้วเริ่มทำท่าขี่จักรยานกลางอากาศ

เมื่อลั่วอี้กลับมาที่ห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จก็เห็นเวินเสี่ยวฮุยเหยียดขาเรียวยาวขาวๆ สองข้างเพื่อออกกำลังกาย กางเกงขาสั้นตัวใหญ่เลื่อนหล่นไปที่ต้นขาตามการเคลื่อนไหวของเขา จนสามารถมองเห็นร่องรอยของชั้นในได้เลือนราง

ลั่วอี้อึ้งไปครู่หนึ่ง กรามแข็งทื่อ

เวินเสี่ยวฮุยพูดพลางหายใจหอบ “ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดกับฉัน”

ลั่วอี้ยิ้ม “พี่พูดกับผมก่อนนะ” พูดจบก็ยืนพิงอยู่ที่กรอบประตู มองดูเวินเสี่ยวฮุยเตะขาราวกับไม่มีใครอยู่ด้วย ขาคู่นั้นเหมือนกระต่ายที่กระโดดไปมา ชวนให้อยากจะเข้าไปกดห้ามไว้…

หลังจากที่เวินเสี่ยวฮุยออกกำลังกายจนครบสามเซ็ตแล้วก็หายใจแฮกๆ พลางลดขาลง นอนแผ่แขนขาอยู่บนเตียง

“เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

“พี่ทำอะไรแบบนี้ทำไม”

“ขาเรียวกระชับสะโพกไง”

ลั่วอี้พูด “เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น อันที่จริงยิ่งช้ายิ่งดี พี่ถีบขาเร็วขนาดนั้น การหายใจของพี่ก็จะปั่นป่วนได้ง่าย และศักยภาพของกล้ามเนื้อพี่จะไม่ถูกกระตุ้นอย่างเต็มที่”

เวินเสี่ยวฮุยเบิกตากว้าง “จริงเหรอ”

“จริงสิ ถ้าพี่อยากเทรนตรงจุดนั้น ทางที่ดีที่สุดก็หาเทรนเนอร์มืออาชีพดีกว่า เข้าคอร์สสักหน่อย พอมีความรู้เบื้องต้นแล้วถึงจะเริ่มทำต่อเองได้”

เวินเสี่ยวฮุยเบะปาก “เทรนเนอร์ส่วนตัวแพงจะตาย ฉันจ่ายไหวที่ไหนล่ะ”

“พี่เอาเงินค่าใช้จ่ายของผมไปใช้เถอะ”

เวินเสี่ยวฮุยดวงตาเป็นประกาย “หา? มะ…ไม่ดีมั้ง”

ลั่วอี้ยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นไร”

“แล้วนายจะกินข้าวยังไง”

“ผมมีเงินเก็บต่างหาก แล้วก็หุ้นกับกองทุนอะไรพวกนั้น”

ลั่วอี้ในสายตาของเวินเสี่ยวฮุยใกล้จะกลายเป็นเทพบุตรที่เปล่งแสงได้แล้ว เขาพูดอย่างเขินอาย

“นี่ก็…ไม่ค่อยดีเท่าไร…”

“ไม่เป็นไร ถึงยังไงเงินก้อนนั้นก็ปล่อยให้พี่จัดการอยู่แล้ว พี่ก็คิดซะว่าเป็นเงินเดือนแล้วกัน”

เวินเสี่ยวฮุยเบิกบานในหัวใจ “งั้นก็ขอบคุณนะ วางใจเถอะ ฉันจะซื้อของดีๆ ให้นายบ่อยๆ จริงสิ วันมะรืนมาหาฉันที่จวี้ซิงสิ ฉันจะทำผมให้นาย”

ลั่วอี้จับๆ ผมของตัวเอง “ไม่ยาวนี่”

“ไม่ยาว แต่มันไม่เป็นทรง เปลี่ยนทรงผมให้นาย รับรองว่าต้องหล่อกว่าเดิมแน่ สาวๆ เห็นนายแล้วเป็นต้องขาอ่อนกันหมด”

ลั่วอี้หัวเราะ “เอาสิ”

เวินเสี่ยวฮุยเล่นหูเล่นตา “เอ๋? นายมีแฟนยังล่ะ”

ลั่วอี้ส่ายหน้า “ไม่มี”

“จริงหรือเปล่า จะต้องมีเด็กผู้หญิงตามจีบนายเยอะแน่ๆ”

“ก็มีบ้าง แต่ผมไม่มีเวลาคบใคร”

เวินเสี่ยวฮุยกลอกตา “แต่นายมีเวลาทำอะไรพวกนี้น่ะเหรอ” เขาเหยียดนิ้วชี้ไปที่สิ่งของเยอะแยะมากมายภายในห้อง

“ของพวกนี้น่าสนใจมากนะ”

“แล้วเมื่อก่อนนายก็ไม่เคยมีแฟนเหรอ”

ลั่วอี้ยังคงส่ายหน้าด้วยสีหน้าไร้เดียงสา

เวินเสี่ยวฮุยแสดงอาการเหลือเชื่อออกมา เขานั่งตัวตรง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเขินอาย

“ฉันจะบอกนายให้นะ หน้าตาดีแถมมีเงิน ไม่มีความกดดันจากการสอบเกาเข่า แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษายาพิษกับมวยไทยเนี่ยนะ นายไม่เสียดายเวลาช่วงวัยรุ่นหรือไง ยังเด็กอยู่ก็ไปมีความรักเถอะ”

ลั่วอี้ถามกลับ “พี่ล่ะ พี่มีแฟนหนุ่มหรือเปล่า”

เวินเสี่ยวฮุยพูดอะไรไม่ออก “ฉัน…เอ๋? นายรู้ได้ยังไงว่าฉัน…”

ลั่วอี้ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร

เวินเสี่ยวฮุยจับๆ ผม “อ่อ นายอ่านบล็อกของฉันสินะ” เขาเหล่มองลั่วอี้ด้วยความสงสัยเล็กน้อย “นายรับได้หรือเปล่า”

ลั่วอี้ยักไหล่ “ทำไมจะรับไม่ได้ล่ะ นี่เป็นอิสระของพี่”

เวินเสี่ยวฮุยถอนหายใจ “อย่างนั้นก็ดี อันที่จริงฉันไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะพูดยังไง แม้แต่แม่ฉันก็ยังไม่สนใจฉันเลย คนอื่นน่ะถือเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว”

“พี่พูดถูก” ลั่วอี้ถาม “แล้ว…พี่มีแฟนหรือเปล่า”

“ตอนนี้ยังโสดอยู่” เวินเสี่ยวฮุยนึกถึงอะไรบางอย่างแล้วก็เบะปาก “ปีที่แล้วฉันมีแฟนคนหนึ่ง รักแรกเลยนะ ทั้งสูงทั้งหล่อ ปากก็หวานด้วย แก่กว่าฉันไม่กี่ปี สุดท้ายหลังคบกันได้แค่ครึ่งเดือนฉันก็จับได้ว่าไอ้ชั่วนั่นคบซ้อน มีแฟนที่คุยเรื่องแต่งงานแล้วด้วย แถมแม่งยังนัดนอนกับคนอื่นไปทั่ว ไอ้เฮงซวย ตอนนั้นฉันต้องตาบอดแน่ๆ ทำไมถึงต้องไปสนใจคนชั่วๆ พรรค์นั้นด้วย น่าโมโหจริงๆ” เมื่อเวินเสี่ยวฮุยนึกถึงเรื่องแย่ๆ เหล่านั้นก็โมโหขึ้นมา

มุมปากของลั่วอี้ขยับน้อยๆ “อ่อ ทำเกินไปจริงๆ”

“ไม่ใช่แค่มากเกินไปนะ แต่เป็นคนเลวเลย หลังจากที่ฉันรู้ ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างนี้ให้แฟนสาวของมันฟัง จากนั้นก็อัดมัน แถมยังกรีดรถมันด้วย” เวินเสี่ยวฮุยพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง “ฉันเอาเหล็กหมาด* เขียนคำว่า ‘ไอ้สารเลว’ บนรถมันตั้งหลายคำ ล้อรถทั้งสี่ล้อก็ถูกฉันปล่อยลมหมด ส่วนไฟรถก็ถูกฉันทุบแตก ฮ่าๆๆๆ ตอนนั้นหน้ามันเขียวปั้ดเลย สมน้ำหน้า”

ลั่วอี้เห็นด้วย “สมน้ำหน้าจริงๆ”

“สมควรแล้วล่ะ” เวินเสี่ยวฮุยส่งเสียงหึออกมา “ฉันไม่กล้าบอกแม่ฉัน เพราะแม่ไม่ให้มีความรักจนกว่าฉันจะจบมัธยมปลาย ถ้าให้แม่รู้ล่ะก็ แม่จะต้องไม่ปล่อยมันไว้แน่ แต่ว่าฉันก็คงต้องตายด้วยเหมือนกัน”

“ต่อไปก็ต้องดูคนให้ดีนะ”

เวินเสี่ยวฮุยถอนหายใจ “พูดง่ายน่ะสิ บางคนจงใจเสแสร้ง ดูภายนอกก็เป็นคนดีทั้งนั้น จะมองออกได้ยังไง พอทำงานแล้วถึงได้ค้นพบว่านั่นเป็นแค่ในวัยเรียน” เขานอนลงไปบนเตียง ใบหน้านั้นแสดงความเหงาหงอยออกมาเล็กน้อย แม้สิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบจะไม่ได้ทำร้ายเขามากนัก แต่ก็ทำให้เขาขยะแขยงมากพอ ดูเหมือนว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ตั้งการ์ดจากคนอื่นจริงๆ

ลั่วอี้พูด “งั้นต่อไปเวลาพี่จะมีความรักก็ต้องให้ผมดูก่อน อย่างน้อยก็มีอีกคนที่ช่วยพี่สแกน”

เวินเสี่ยวฮุยยิ้มพลางเอ่ย “ได้เลย นายฉลาดขนาดนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะมีความสามารถแยกแยะคนดีคนเลวได้”

ลั่วอี้ยกยิ้มมุมปาก “คนเลวในสายตาของพี่เป็นยังไงเหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยขมวดคิ้ว “ก็เป็นคนเลวไง อาชญากร นิสัยไม่ดี หลอกลวง มีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรง”

“คนเลวประเภทนี้แยกได้ง่ายมาก”

เวินเสี่ยวฮุยกะพริบตา ความสนใจทั้งหมดถูกลั่วอี้ดึงดูดไปโดยไม่รู้ตัว “แล้วคนเลวแบบไหนที่แยกยากล่ะ”

ลั่วอี้จ้องตาของเขา น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย พูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “คนที่จะกลายเป็นคนเลวก็ต่อเมื่อผลประโยชน์ของเขามีภัยยังไงล่ะ”

เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกได้ถึงไอเย็นที่ผุดขึ้นที่ท้ายทอยอย่างประหลาด เขานึกว่าตัวเองคิดไปเอง เมื่อลูบๆ คอของตัวเองพลางนึกถึงคำพูดของลั่วอี้ ทว่าอันที่จริงเขาก็ไม่รู้อะไรมากนัก

ลั่วอี้เผยรอยยิ้มสบายๆ “เอาเป็นว่าต่อไปพี่ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน อย่าเชื่อใครง่ายๆ”

เวินเสี่ยวฮุยพยักหน้า “แน่อยู่แล้ว ฉันก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ”

ลั่วอี้เลิกผ้าห่มออกแล้วสอดตัวเข้าไป “นอนเถอะ พรุ่งนี้ผมยังต้องไปเรียนอีก”

“ได้”

ลั่วอี้ปิดไฟ เวินเสี่ยวฮุยหาวแล้วหลับตาลง

ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ ลั่วอี้ก็ถามขึ้นในความมืด “พี่เสี่ยวฮุย พี่ชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยหัวเราะเสียงดัง “ฉันชอบผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่ ตัวสูง แล้วก็มีกล้ามด้วย ยิ่งถ้ามีเงินก็ยิ่งดีเลย”

ลั่วอี้หัวเราะเสียงต่ำสองที “พี่ต้องหาเจอแน่”

“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลามีความรักหรอก ฉันอยู่ที่จวี้ซิงยุ่งแทบตาย ฉันต้องขยันทำงาน ต่อไปจะได้มีเงินมีเวลาว่าง มีความรักตอนนี้เสียเวลา เอ๊ะ ช่างมันเถอะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ”

“อืม พี่เสี่ยวฮุย ราตรีสวัสดิ์”

“ราตรีสวัสดิ์”

ลั่วอี้ลืมตามองเพดาน คริสตัลในรูม่านตาดูสว่างเป็นพิเศษในความมืด

 

พอตื่นขึ้นมาอีกทีฟ้าก็สว่างแล้ว เวินเสี่ยวฮุยลืมตาที่ง่วงซึมขึ้น ปรับตัวอยู่สามวินาทีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่ห้องแต่เป็นคฤหาสน์ของลั่วอี้ เมื่อคิดได้ว่าการค้างคืนที่คฤหาสน์ของชายแปลกหน้าครั้งแรกกลับไม่ใช่แฟน เวินเสี่ยวฮุยก็นึกอยากหัวเราะ บางทีสายใยแห่งความรักในครอบครัวอาจจะก้าวข้ามสายเลือดจริงๆ ก็ได้ ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งเคยเจอลั่วอี้เป็นครั้งแรกแต่กลับไร้ช่องว่างโดยสิ้นเชิง แม้เขาจะไม่ยอมให้ลั่วอี้เรียกเขาว่าคุณน้า แต่ในใจเขากลับเห็นลั่วอี้เป็นหลานจริงๆ

ลั่วอี้เปิดประตูเข้ามาก็เห็นเขาลุกขึ้นจากเตียงพอดี “ตื่นแล้วเหรอ พอดีเลย ลงมากินข้าวเถอะ” ท่อนบนของลั่วอี้สวมเสื้อสเว็ตเตอร์ ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงวอร์มพอดีตัวสีดำแบบนักกีฬามืออาชีพ บริเวณเป้าปูดออกมาชวนให้คิดเลยเถิด เส้นกล้ามเนื้อที่ทอดยาวจากต้นขาถึงน่องนั้นมองเห็นได้ชัดเจน ขายาวทั้งสองข้างนี้สามารถเปล่งประกายจนทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว

เวินเสี่ยวฮุยกลืนน้ำลายเอื๊อก แม้เขาจะไม่สนใจเด็ก แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้ตัวเองหยุดชื่นชมความงาม ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของลั่วอี้ก็ไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่ยังไม่เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ นอกเหนือจากรูปร่างค่อนข้างผอมบางแล้ว นับว่าเขาเติบโตได้ดีทีเดียว!

เวินเสี่ยวฮุยแสร้งขยี้ตา “นายตื่นเช้าจัง ฉันแปรงฟันแล้วค่อยลงไป”

“ได้ เร็วหน่อยนะ ไม่งั้นโจ๊กจะเย็นหมด”

เวินเสี่ยวฮุยล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปชั้นล่าง ลั่วอี้กำลังรอเขาในขณะที่ดื่มนมและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะกินข้าว

เวินเสี่ยวฮุยลูบๆ ผม “ทำไมบ้านนายไม่มีของพวกที่เอาไว้จัดแต่งทรงผมเลย พอดีผมฉันยุ่งนิดหน่อยน่ะ”

ลั่วอี้ยิ้มพลางเอ่ย “อาจจะอยู่ในห้องแม่ พี่จะไปดูก็ได้”

“…ช่างเถอะ” เวินเสี่ยวฮุยนั่งอยู่หน้าโต๊ะ มีโจ๊กฟักทองหนึ่งชาม ไข่ดาวหนึ่งฟอง แซนด์วิชสองชิ้น และเครื่องเคียงสี่อย่างวางเรียงอยู่ด้านหน้า นม กาแฟ และน้ำถูกจัดวางเรียงกัน การจัดวางมีความเฉพาะเจาะจง แค่มองก็น่ากินมากแล้ว “ว้าว ทำอาหารเช้าได้ประณีตมาก”

ลั่วอี้วางหนังสือพิมพ์ลง “มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน จะต้องกินให้ดี”

“แม่ฉันทำอาหารได้แย่มาก ตอนเช้าส่วนใหญ่กินกับข้าวที่เหลือจากเมื่อวาน” เวินเสี่ยวฮุยยักไหล่ “น่าเสียดายที่ฉันขี้เกียจ ต่อให้ไม่อร่อยฉันก็ไม่อยากทำกินเอง”

ลั่วอี้กะพริบตาปริบๆ “ที่ที่พี่ทำงานอยู่ใกล้บ้านผมมาก พี่ก็มาหาผมบ่อยๆ สิ ผมจะทำให้พี่กิน”

เวินเสี่ยวฮุยครุ่นคิด ระยะทางจากสตูดิโอไปถึงห้องของเขานั้นห่างจากคฤหาสน์ของลั่วอี้มากกว่าถึงสามเท่า โดยรวมแล้วมันครอบคลุมครึ่งหนึ่งของเมือง ไปกลับทำงานทุกวันจึงค่อนข้างเหนื่อย อีกอย่างแม่ของเขาก็มักจะวุ่นวายกับเขาตลอดเวลา จู่ๆ เขาก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยกับข้อเสนอของลั่วอี้

“ผมอยู่ในบ้านหลังใหญ่คนเดียวแบบนี้ อันที่จริงก็รู้สึกเหงานิดหน่อย…” ลั่วอี้มองไปรอบๆ แล้วพูดเสียงเบา “บางครั้งที่นี่ก็ไม่มีเสียงเลยสักนิด เงียบเหมือนป่าช้า พอพี่มาแล้วก็ครึกครื้นขึ้นเยอะเลย”

ทันใดนั้นเวินเสี่ยวฮุยก็รู้สึกสงสารลั่วอี้ขึ้นมาอีกครั้ง “นายวางใจเถอะ ในเมื่อฉันตัดสินใจที่จะดูแลนายแล้วก็จะไม่ทำให้พี่สาวของฉันผิดหวัง ฉันจะมาหานายบ่อยๆ”

ลั่วอี้คนกาแฟหอมกรุ่นด้วยช้อนคันเล็กอย่างช้าๆ “ถ้าพี่ย้ายมาได้ก็คงจะดี”

เวินเสี่ยวฮุยลูบๆ ผม “อันที่จริง…ที่นี่ค่อนข้างสะดวกสบาย แต่ฉันไม่ค่อยไว้ใจแม่ของฉัน คือว่า…พ่อของฉันเสียไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน นายคงรู้สินะ”

“ผมได้ยินแม่พูดอยู่”

“อืม ถึงแม่จะดูหยาบคายไปหน่อย อันที่จริงเธอค่อนข้างต้องพึ่งพาฉันน่ะ ฉันปล่อยให้เธออยู่ห้องคนเดียวบ่อยๆ ไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันจะแวะมาค้างคืนเป็นครั้งคราว ฉันจะกลับไปคุยกับแม่ก็แล้วกัน ครึ่งปีนี้ฉันวิ่งไปวิ่งมาระหว่างที่ทำงานกับที่พัก อันที่จริงมันก็เหนื่อยอยู่ นั่งรถไฟใต้ดินก็ต้องใช้เวลาชั่วโมงกว่าทุกวัน ไกลเกินไป”

ลั่วอี้ยิ้มแล้วเอ่ย “งั้นผมจะรอข่าวจากพี่”

 

* เหล็กหมาด เป็นเหล็กปลายแหลม มีด้ามจับ ใช้สำหรับไชวัตถุให้เป็นรู

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 12 มี.. 66

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 3

บทที่ 3 ความผิดพลาด+ใต้แสงจันทร์ แม้สิ่งที่ไทเฮากล่าวจะเป็นประโยคคำถาม แต่ซูโม่อี้ก็รู้ว่านางไม่ได้มีความตั้งใจจะถามเขาเ...

community.jamsai.com