ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Additional Heritage มรดกลวงรัก

ทดลองอ่าน Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1 บทที่ 7-8 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เรื่อง Additional Heritage มรดกลวงรัก เล่ม 1

ผู้เขียน : 水千丞 (Shui Qian Cheng)

แปลโดย : : เฉินซุ่นเจิน

ผลงานเรื่อง : 附加遗产 (Fu Jia Yi Chan)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ

การบูลลี่ การมีอคติต่อคนรักร่วมเพศ การกล่าวถึงเลือดและการฆ่าตัวตาย

ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

  

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 7

 

เมื่อเดินออกมาจากประตูคฤหาสน์ เวินเสี่ยวฮุยก็ถาม “จากนี่ถึงถนน XX มีรถไฟใต้ดินหรือว่าป้ายรถเมล์ใกล้ๆ หรือเปล่า”

ลั่วอี้พูด “ผมจะกลับไปหาให้พี่ วันนี้ผมไปส่งพี่ก่อนแล้วกัน”

“หา? นายจะขี่จักรยานไปส่งฉันเหรอ ไกลมากนะ นายน่าจะไปเข้าเรียนสาย”

“ได้อยู่ ยี่สิบนาที ไม่สายหรอก”

“ได้ งั้นไปกันเถอะ” เวินเสี่ยวฮุยนั่งที่เบาะหลัง แต่ครั้งนี้เขามีวินัยอย่างมากที่จะไม่โอบเอวของลั่วอี้

ลั่วอี้ใส่หูฟังแล้วพาเขาออกไปจากเขตพักอาศัย

เวินเสี่ยวฮุยถอดหูฟังข้างหนึ่งของเขา “นายฟังอะไรน่ะ”

“พี่ลองฟังสิ”

เวินเสี่ยวฮุยยัดหูฟังเข้าไปในหู มันเป็นเพลงทำนองไพเราะสบายๆ เสียงของผู้หญิงที่แหบแห้งเล็กน้อยกำลังร้องเพลงในภาษาที่เขาไม่เข้าใจ เขาวางหน้าผากพิงบนหลังของลั่วอี้ หลับตาลงแล้วฮัมตามเพลงแผ่วเบา รู้สึกว่าตัวเองย้อนกลับไปตอนก่อนปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาก็ฟังเพลงในขณะที่ขี่จักรยานเหมือนกัน ปัญหาในแต่ละวันมีเพียงการบ้านที่ยังทำไม่เสร็จกับเงินค่าขนมที่ไม่มีทางพอใช้ แม้เขาจะเกลียดการเรียนหนังสือ แต่เขาก็เหมือนกับคนทำงานทั่วไปที่โหยหาวัยเรียน

ลั่วอี้พาเขาไปส่งถึงใต้อาคารของสตูดิโอ เวินเสี่ยวฮุยกระโดดลงจากจักรยาน บิดเอวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง

“ขอบใจนะ นายรีบไปเรียนเถอะ”

“ตอนเย็นผมมาหาพี่ได้ไหม พวกเราไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”

“ไม่ได้ เมื่อวานฉันไม่ได้กลับห้อง วันนี้ต้องกลับ ไม่งั้นแม่ฉันกินคนแน่ เอาไว้วันหน้าเถอะ”

ลั่วอี้ผิดหวังเล็กน้อย “ก็ได้ งั้นพวกเรา…”

ทันใดนั้นมินิคูเปอร์สีแดงคันหนึ่งก็ขับพุ่งเข้ามาจอดข้างๆ พวกเขาอย่างไร้มารยาท โดยจอดอยู่ห่างจากพวกเขาออกไปไม่ถึงยี่สิบเซนติเมตร ทำเอาทั้งคู่สะดุ้งโหยง

เวินเสี่ยวฮุยเหลือบตาขึ้นมองแล้วตะโกนด่า “ใครวะไม่ดูตาม้าตาเรือ อยากตายหรือไง!”

หน้าต่างรถถูกลดลง Luca โผล่หน้าที่แต่งจนหนาเตอะออกมา ชำเลืองมองพวกเขาทั้งสองคน

“ว้าว Adrian วันนี้นายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าการนั่งรถไฟใต้ดินแฮะ ต้นแบบการเดินทางคาร์บอนต่ำเลยนะเนี่ย” หลังจากพูดจบก็ยังทำเป็นปรบมืออย่างเชื่องช้า

เวินเสี่ยวฮุยกลอกตา “คาร์บอนต่ำปกป้องสิ่งแวดล้อม ฉันรู้สึกสบายใจน่ะ คนบางคนขาย…” เขาอยากจะพูดว่า ‘ขายตูด’ แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าลั่วอี้เขาก็กลืนคำพูดไม่น่าฟังนั้นกลับเข้าไป “ไม่รู้ว่าเอาอะไรไปแลกกับรถ นั่งแล้วไม่กลัวร้อนหรือไง”

Luca หัวเราะเสียงเย็นชา “อิจฉาเหรอ มีปัญญานายก็ไปขายสิ”

เวินเสี่ยวฮุยหรี่ตาลง ยื่นมือไปปิดหูของลั่วอี้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้า จากนั้นจึงโน้มตัวเข้าไปหา Luca เขาเผยฟันสีขาวซี่เล็กๆ ที่เรียงตัวกันแล้วกระซิบ

“ฉันไม่ขายราคาถูกแบบนายหรอก”

สีหน้าของ Luca แปรเปลี่ยนไป “ฉันว่านายคงขายในราคาสูงไม่ได้หรอก กินไม่เลือกหน้า แม้แต่เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ไม่เว้นแล้วสินะ”

เวินเสี่ยวฮุยด่า “บ้าหรือไง นี่มันหลานฉันเว้ย ขืนยังไม่ไสหัวไปอีกวันนี้นายก็อย่าได้คิดที่จะขับรถกลับไปเลย”

Luca ยกนิ้วกลางให้เขา ปิดหน้าต่างรถ แล้วขับรถจากไป

เวินเสี่ยวฮุยลดมือลง หน้าอกกระเพื่อมไม่หยุด

ลั่วอี้พูด “นั่นเพื่อนร่วมงานของพี่เหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยพูดอย่างหัวเสีย “อืม ปากหมาเป็นบ้า”

“พี่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับเขาหรือเปล่า”

เวินเสี่ยวฮุยส่งเสียงหึ “มีนิดหน่อย เพราะอิจฉาฉันน่ะสิ อิจฉาที่ฉันหน้าตาดีกว่าเขา ลูกค้าเยอะกว่าเขา ฉันมีค่ามากกว่าเขา ชอบจับผิดฉันทุกอย่าง น่ารำคาญชะมัด”

ลั่วอี้มองดูรถของ Luca พูดเหมือนครุ่นคิดเล็กน้อย “เขาไม่ใช่คนในพื้นที่สินะ”

“หา?” เวินเสี่ยวฮุยยังไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้ว่าทำไมลั่วอี้ถึงถามคำถามนี้ขึ้นมากะทันหัน “ไม่ใช่นะ ทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไร อย่าไปลดตัวกับคนพรรค์นั้นเลย”

“ฮึ คนชั่วย่อมถูกสวรรค์ลงโทษ ฉันจะไม่ลดตัวไปหาคนพรรค์นั้นหรอก” เวินเสี่ยวฮุยดูนาฬิกา “นายรีบไปเข้าเรียนเถอะ”

“ได้ ไว้เจอกัน”

“ไว้เจอกัน”

เวินเสี่ยวฮุยสูดหายใจเข้าลึก เดินเข้าไปในสตูดิโอ อันที่จริงการมาทำงานในทุกวันก็เหมือนการเข้าสู่สนามรบ เขาจะต้องรับมือกับเพื่อนร่วมงานปากร้าย เจ้านายจู้จี้จุกจิก ลูกค้าที่เอาใจยาก ตอนที่เขาเริ่มงานใหม่ๆ ประสบการณ์ยังไม่มากก็เหมือนกับคนดื้อรั้นที่ไม่รู้จักงอ เสียเปรียบไปไม่น้อย ตอนนี้นับได้ว่าสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างมั่นคงแล้ว

คนทำงานกะเช้ามีไม่มาก หลังจากเวินเสี่ยวฮุยเข้าห้องไปแล้ว มีเพียง Luca กับเพื่อนร่วมงานผู้หญิงอีกสองคน คนหนึ่งคือเสี่ยวอ้ายและอีกคนคือพี่ลู่

เสี่ยวอ้ายรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เป็นญาติห่างๆ ของหุ้นส่วนคนหนึ่งของจวี้ซิง เธอค่อนข้างงุ่มง่าม โชคดีที่หน้าตาและนิสัยน่ารัก จึงเป็นเหมือนมาสคอตของสตูดิโอ พี่ลู่เป็นผู้ช่วยของหุ้นส่วนคนหนึ่งมานานหลายปีและเป็นรุ่นพี่มากประสบการณ์คนหนึ่งของที่นี่

เสี่ยวอ้ายกระโดดเหยงๆ เข้ามา “Adrian นี่นายยังไม่เปลี่ยนชุดเหรอ! พูดมา เมื่อคืนไปเกลือกกลั้วอยู่ที่ไหน”

เวินเสี่ยวฮุยโอบไหล่ของเธอแล้วพูดอย่างลึกลับ “ทำไมน้ำเสียงเธอเหมือนแม่ของฉันเลยล่ะ…มาๆๆ ฉันจะแอบบอกเธอให้”

เสี่ยวอ้ายกะพริบตาที่สดใสของเธอ โน้มตัวเข้ามาด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

จู่ๆ เวินเสี่ยวฮุยก็ตะโกนใส่หูของเธอ “บ้านญาติ!”

เสี่ยวอ้ายสะดุ้งโหยง กระโดดหนีเหมือนลูกกระต่ายขี้ตกใจ

เวินเสี่ยวฮุยหัวเราะวิ่งหนีไปแล้ว เสี่ยวอ้ายไล่ตามเขาพร้อมกับยกกำปั้นขึ้น

พี่ลู่เร่ง “เลิกเล่นได้แล้ว เสี่ยวอ้าย เสี่ยวฮุย พวกเธอไปเก็บผ้าขนหนูที่ตากไว้เมื่อคืนกลับมาหน่อย”

“โอเค”

ทั้งสองคนวิ่งขึ้นไปที่ดาดฟ้า ด้านบนมีราวตากผ้าสี่เส้นที่แขวนผ้าขนหนูนับร้อยผืน พวกเขาเก็บไปพลางพูดคุยกันไปพลาง

“Adi อันที่จริงฉันเห็นนายจากชั้นบนแล้ว แล้วก็ Luca ด้วย เด็กผู้ชายที่ขี่จักรยานเป็นใครเหรอ ทั้งหล่อทั้งน่ารักเชียว”

“หลานฉัน”

“ว้าว ครอบครัวนายหน้าตาดีกันทั้งบ้านเลยสินะ หลานของนายมีรูปลักษณ์ของรุ่นพี่ที่เป็นรักแรกอย่างสมบูรณ์แบบเลย อายุเท่าไรแล้วล่ะ อายุเท่าไรแล้ว!”

เวินเสี่ยวฮุยหัวเราะแล้วทำเสียงดุ “แค่สิบห้าเอง เธอคิดจะทำอะไร”

“ก็อายุน้อยกว่าฉันแค่สามปีเองนี่นา” เสี่ยวอ้ายยิ้มร่า “ช่างเถอะ ฉันรอเขาโตดีกว่า”

“ทำไม เธอทะเลาะกับแฟนอีกแล้วเหรอ”

มือของเสี่ยวอ้ายหยุดชะงัด พูดเสียงเบา “ฉันสงสัยว่าเขาจะนอกใจ”

“มีหลักฐานไหม”

“ไม่มี แค่สัญชาตญาณน่ะ” เสี่ยวอ้ายส่ายหน้า “ไม่คุยเรื่องเขาแล้ว หงุดหงิด จริงสิ ทำไมนายไม่เห็นเคยบอกเลยว่ามีหลานด้วย นายเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ”

“อ่อ ลูกพี่สาวที่เป็นญาติห่างๆ น่ะ ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว เพิ่งรู้ก่อนหน้านี้ไม่นานว่าลูกชายของเธอก็อยู่ในปักกิ่งด้วย”

เสี่ยวอ้ายกะพริบตาอย่างคลุมเครือ “งั้นก็หมายความว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างนายกับเขาห่างกันมากสิถึงไม่เคยเจอกัน เมื่อคืนนายค้างบ้านเขาเหรอ”

เวินเสี่ยวฮุยขยี้ผมของเธออย่างแรง “เธอคิดอะไรเหลวไหลน่ะ!”

“วันๆ นายเอาแต่บ่นว่าจะตามหาหนุ่มล่ำสิบแปดเซ็นต์ไม่ใช่หรือไง ฉันนึกว่านายจะทนไม่ไหวก็เลย…”

“ชิ ฉันเป็นคนมีคุณธรรมนะ บอกอยากได้หนุ่มล่ำสิบแปดเซ็นต์ก็คือหนุ่มล่ำสิบแปดเซ็นต์ จะลงมือกับเด็กน้อยได้ยังไง”

เสี่ยวอ้ายประสานมือคารวะเขา “ข้าน้อยนับถือ”

ในช่วงเช้าปกติไม่มีลูกค้า หลังจากเวินเสี่ยวฮุยเก็บผ้าขนหนูเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปฝึกแต่งหน้านางแบบกับพี่ลู่

ก่อนพักเที่ยง Raven เข้ามาและเรียกเขาเข้าไปในห้องทำงานทันที

เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อยเพราะเมื่อวานเขาเพิ่งโดน Raven ดุไป

Raven มองดูท่าทางที่เหมือนเด็กผู้หญิงของเขาก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย “เมื่อคืนกลับไปคิดแล้วหรือยัง”

“คิดแล้วครับ” เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งๆ ที่เป็น Luca ที่หาเรื่องเขาก่อน แต่เขาก็ไม่กล้าพูด

“ไม่สบายใจใช่ไหมล่ะ” Raven ตรวจดูเล็บโค้งมนแวววาวที่เพิ่งลงสีเคลือบของตัวเองอย่างละเอียด

“เปล่าครับ”

“ชิ ในใจของนายคิดยังไงมันเขียนไว้เต็มหน้าหมดแล้ว ยังจะเสแสร้งอีก”

เวินเสี่ยวฮุยไม่เข้าใจว่า Raven คิดจะทำอะไรกันแน่

“ในวงการนี้น่ะนะ คนอย่าง Luca มีเยอะ เขาเป็นคนที่นายเจอคนแรกแต่ไม่ใช่คนสุดท้าย แล้วก็ไม่ใช่คนที่รับมือยากอะไรด้วย ในเมื่อนายคิดที่จะเดินเส้นทางนี้ก็ต้องเตรียมใจเรื่องนี้ไว้”

เวินเสี่ยวฮุยพูด “อ่อ” โดยที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

“นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนแนะนำ Luca เข้ามา”

“พี่เสี่ยวเหยียน”

“ใช่แล้ว ส่วนนายมีฉันเป็นคนแนะนำเข้ามา” Raven ยังคงมองเล็บของตัวเองด้วยท่าทางสบายๆ

เวินเสี่ยวฮุยเข้าใจในทันที ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินข่าวซุบซิบว่าหุ้นส่วนทั้งสามคนต่างคิดที่จะบีบอีกสองคนออกไป น่าจะเป็นเพราะตอนที่หุ้นส่วนอย่างพวกเขาก่อตั้งสตูดิโอขึ้นมานั้น ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะกลายเป็นสตูดิโอสไตลิสต์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ตอนนี้เมื่อเค้กก้อนใหญ่ขึ้น ไม่ว่าใครก็ไม่อยากแบ่งให้คนอื่นแล้ว

Raven ยิ้มพลางเอ่ย “ทำไมนายมัวแต่ยืนล่ะ นั่งสิ”

แม้เวินเสี่ยวฮุยจะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ยังตระหนักได้ว่า Raven ต้องการที่จะเอาชนะใจเขา เขารีบนั่งลง บางทีโอกาสของตัวเขาเองอาจจะกำลังมาถึงแล้วจริงๆ ก็ได้

Raven พูด “อีกสองวันจะมีงานเลี้ยงการกุศลที่จัดโดย XX กรุ๊ปที่โรงแรมแชงกรีล่า เชิญแขกมาเยอะเลย ฉันก็ได้รับเชิญเหมือนกัน วันนั้นต้องแต่งหน้าให้หลี่ฮว่าด้วย นายอยากไปเป็นลูกมือฉันหรือเปล่า”

เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกตื่นเต้นทันที หลี่ฮว่าเป็นถึงนักแสดงหญิงแถวหน้าของประเทศและสนิทสนมกับ Raven เป็นอย่างมาก ตามปกติแล้ว Raven จะเอาผู้ช่วยของตัวเองไป ไม่ว่าอย่างไรโอกาสนี้ก็ไม่มีทางตกมาถึงมือผู้ช่วยฝึกหัดอย่างเขา คำพูดของ Raven ทำให้เขางุนงง

Rven เคาะโต๊ะ “นี่ นายพูดอะไรหน่อยสิ อย่าปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวอยู่ตรงนี้”

เวินเสี่ยวฮุยพูดด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณครับ ขอบคุณ Raven เพราะผมตื่นเต้นเกินไป!”

Raven ชำเลืองมองเขา ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะอาข่ายติดธุระชั่วคราว ฉันไม่พานายไปหรอกนะ นายไปแล้วก็ทำให้เต็มที่ อย่าทำให้ฉันขายหน้าเด็ดขาด”

“จะไม่ทำให้ขายหน้าเด็ดขาดครับ!”

“ไปหาซื้อเสื้อที่มันดูดีหน่อยนะ”

“ครับ!”

Raven พูดเสียงต่ำ “นายอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้ Luca รู้นะ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เขามายั่วยุนายอีก”

“วางใจเถอะครับ ผมจะไม่บอกเขา”

Raven หัวเราะ

 

เมื่อกลับถึงที่พักในตอนค่ำเวินเสี่ยวฮุยเดินหดคอเข้าไปในห้อง เฝิงเยวี่ยหวานั่งอยู่บนโซฟาพร้อมสองมือที่กอดอก มองมาด้วยสายตาแหลมคม

เวินเสี่ยวฮุยออดอ้อน “แม่ วันนี้แม่สวยแล้วก็ดูหน้าเด็กจังเลย เหมือนว่ารกแกะจะได้ผลดีอยู่นะ ผมให้เพื่อนเอามาจากฮ่องกงอีกสักสองกระปุกดีไหม”

เฝิงเยวี่ยหวาชี้ที่พื้น “คลานเข้ามา”

เวินเสี่ยวฮุยยิ้มแล้ววิ่งเข้าไปกอดเฝิงเยวี่ยหวา “อย่าโกรธไปเลยน่า ก็เสี่ยวอ้ายทะเลาะกับแฟน น่าสงสารออก เมื่อคืนผมก็เลยอยู่ปลอบใจเธอ”

เฝิงเยวี่ยหวาหยิกต้นขาของเขาอย่างแรง “ยิ่งโตยิ่งไม่เชื่อฟัง รู้อย่างนี้ฉันโยนแกลงถังขยะตั้งแต่ตอนนั้นก็ดีสิ”

“ตอนเด็กๆ ผมน่ารักขนาดนั้น แม่ทิ้งผมไม่ลงหรอก”

“บ้าหรือไง ตอนคลอดแกออกมาใหม่ๆ น่าเกลียดจะตาย ที่แกหน้าตาแบบนี้ หนึ่งเพราะฉันมียีนที่ดี สองเพราะฉันเลี้ยงมาดี”

“คุณแม่คนสวยพูดอะไรก็ถูกทุกอย่าง”

เฝิงเยวี่ยหวาค้อนเขา “กินข้าวแล้วยัง”

“ยังเลย กินข้าวๆ”

บนโต๊ะกินข้าวเวินเสี่ยวฮุยพูดนอกเรื่องอยู่สักพักใหญ่ๆ จากนั้นก็แกล้งพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แม่ ผมมีเพื่อนที่ทำงานคนหนึ่งพักอยู่ที่ถนน XX ใกล้สตูดิโอมาก ญาติของเธอกลับบ้านไปแล้วก็เลยเหลือห้องว่างห้องหนึ่ง…”

เฝิงเยวี่ยหวาขมวดคิ้ว “แกคิดจะย้ายออกไปเหรอ”

“เปล่า ผมมีเงินย้ายออกไปอยู่เองซะที่ไหนล่ะ เพื่อนของผมคนนั้นขี้กลัว ก็เด็กผู้หญิงนี่นา ไม่กล้าอยู่คนเดียว อยากให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนบางวัน ช่วงนี้ผมก็เหนื่อยมากด้วย สตูดิโออยู่ตั้งไกลขนาดนั้น ทุกวันใช้เวลาอยู่บนถนนตั้งสามชั่วโมงโดยเฉพาะกะดึก กว่าจะกลับถึงห้องก็ดึกแล้ว อันที่จริงผมก็ไม่ค่อยจะไหว ผมคิดว่า…ต่อไปถ้าผมต้องเข้ากะดึกก็จะไปนอนที่ห้องของเธอ”

เฝิงเยวี่ยหวาครุ่นคิด “ปลอดภัยหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่มีอะไรไม่ปลอดภัยเลย เขตพักอาศัยตรงนั้นไม่เลวเลย”

“แล้วเวลากินข้าวพวกแกจะทำยังไง”

“แหม ผู้ใหญ่สองคนยังจะอดตายได้อีกเหรอ”

“งั้นก็ได้ ฉันก็รู้สึกว่าตอนแกทำกะดึกก็กลับห้องดึกเกินไป ทุกครั้งที่แกเข้ากะดึกฉันก็ต้องรอให้แกกลับถึงห้องก่อนถึงจะนอนหลับ”

เวินเสี่ยวฮุยรู้สึกผิดเล็กน้อย แม้เขาจะไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไร แต่สุดท้ายแล้วเขาก็โกหกผู้เป็นแม่อยู่ดี แต่อย่างไรก็ตามเขาก็อยากไปที่คฤหาสน์ของลั่วอี้มากจริงๆ เพื่อให้เป็นไปตามที่หย่าหย่าไหว้วานเขา ข้อดีที่สุดคือเขาสามารถผ่อนคลายจากการเดินทางไกลได้เป็นครั้งคราวซึ่งนั่นนับว่าสำคัญสำหรับเขามาก

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Additional Heritage มรดกลวงรัก

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

community.jamsai.com