ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 5 บทที่ 180 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 5 บทที่ 180 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง Psychic ปริศนาลับ สัมผัสวิญญาณ เล่ม 5

ผู้เขียน : 风流书呆 (Feng Liu Shu Dai)

แปลโดย : ปราณหยก

ผลงานเรื่อง : 灵媒 (Ling Mei)

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาในครอบครัว

มีการกล่าวถึงอาการป่วยทางจิต การทำร้ายเด็ก การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ

การบังคับหรือโน้มน้าวให้ทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ การข่มขืน

การฆ่าตัวตาย และการใคร่เด็ก ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 180 การตอบโต้ของต่งฉิน

เรื่องดำเนินมาถึงที่สุดแล้ว เวลานี้หลิวเจาเป็นเหมือนเนื้อที่อยู่บนเขียง สุดแล้วแต่ว่าอยากจะหั่นแบบไหน ท่าทางของเกาเชียนเชียนจึงแข็งกระด้างขึ้น เธอผงกศีรษะอย่างได้ใจ “ใช่ ฉันรู้มาตลอด ตอนคุณจับข้อมือฉัน ขอร้องให้ฉันเชื่อคุณ ฉันมองตาคุณก็รู้ได้ทันทีว่าจิตวิญญาณในร่างนี้คือคุณ”

“แต่คุณยังเสือกไสไล่ส่งผม สรุปแล้วคุณรักอะไร ใช่ตัวผมคนนี้จริงๆ หรือเปล่า” มือทั้งสองข้างที่สวมกุญแจมือของหลิวเจาบีบกันแน่น ดวงตามีประกายของน้ำตากับเส้นเลือดฝอยผุดขึ้นมามากมายอย่างไม่รู้ตัว

“คุณยังไม่รู้อีกเหรอ ถ้าคุณไม่มีรัศมีนั่น เรื่องอะไรฉันจะมองคุณ” เกาเชียนเชียนหยิบกล่องบุหรี่ฝังเพชรหนึ่งใบกับไฟแช็กหนึ่งอันออกมาจากกระเป๋าทำท่ากรีดกราย

ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงการแต่งตัวและท่าทางของเธอเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เกาเชียนเชียนคนก่อนแต่งหน้าอ่อน แต่งตัวเรียบง่าย เสื้อผ้ามิดชิดเกือบทุกชุด สีสันไม่ฉูดฉาด แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาแต่งหน้าจัด ทาลิปสติกสีแดงสด สวมเดรสสีดำรัดรูป กับรองเท้าส้นสูงหนังขัดมันสีแดงเสียยิ่งกว่าลิปสติก เธอใช้นิ้วเรียวที่ทาเล็บสีดำกรีดหยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง คาบไว้ในปาก ทุกท่วงท่าสวยเซ็กซี่ดูร้ายมาก

หลิวเจามองภรรยาที่กลายเป็นคนแปลกหน้า ในสมองพลันมีคำพูดประโยคหนึ่งที่ต่งฉินเคยบอกเขาซ้ำไปซ้ำมา ‘อย่าไปเชื่อเธอ เธอไม่ได้เป็นอย่างที่นายเห็น! เธอตอแหล!’

การทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นเพราะคำพูดประโยคนี้มีทั้งหมดกี่ครั้งกี่หนหลิวเจาจำไม่ได้ แต่ทุกครั้งเขาจะก่นด่าความคิดอกุศลของต่งฉินและบอกเธอซ้ำๆ ‘ผมผิดหวังในตัวคุณมาก ผมเข้าใจว่าคุณไม่ใช่คนใจคอคับแคบ แต่ตอนนี้เพราะอะไรคุณที่เคยใจคอกว้างขวางถึงทนไม่ได้แม้แต่ผู้ช่วยคนหนึ่ง’

ทว่าเวลานี้การเผชิญหน้ากับเกาเชียนเชียนทำให้เขาเข้าใจว่าตัวเองในตอนนั้นโง่มากแค่ไหน และต่งฉินที่ไม่ได้รับความไว้วางใจต้องเจ็บปวดเสียใจมากเพียงใด

หลิวเจาคิดๆ แล้วก้มศีรษะลง เอามือปิดหน้า พยายามสะกดกลั้นความเสียใจและเจ็บปวดในใจไว้สุดชีวิต

เกาเชียนเชียนไขว่ห้าง แกว่งรองเท้าส้นสูงสีแดง ใบหน้าร้ายๆ มีความภาคภูมิเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เธอไม่ได้จุดไฟแช็ก แต่กลับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนการได้สูดกลิ่นความเจ็บปวดของหลิวเจาทำให้เธอมีความสุขและพอใจ

ผู้คุมที่เฝ้าอยู่ตรงประตูตวาดทันควัน “ห้ามสูบบุหรี่ในห้องเยี่ยม!”

ความรื่นรมย์ของเกาเชียนเชียนถูกทำลาย เธอปิดกล่องบุหรี่เสียงดังแล้วโยนไฟแช็กลงบนโต๊ะแรงๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของตัวเอง หญิงสาวปรายตามองผู้คุมแวบหนึ่ง จากนั้นจึงโค้งริมฝีปากมองหลิวเจาที่มีสภาพดูไม่ได้

หลิวเจาได้สติเพราะเสียงตวาดของผู้คุม เขารีบลบความน่าสมเพชบนใบหน้าทิ้ง ยกศีรษะขึ้น “เกาเชียนเชียน ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะไร้ศักดิ์ศรี บูชาเงิน ชั่วร้ายแบบนี้ เมื่อก่อนผมตาบอดเอง คุณเสแสร้งมานานหลายปีแบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรือ”

เกาเชียนเชียนเท้ามือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ ยิ้มเย็น “ไม่ผิด คุณตาบอดจริงๆ และคุณไม่คิดด้วยว่าฉันมาจากที่ไหน สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นที่ที่ไม่มีข้าวให้กินอิ่มเลยสักมื้อ การได้ออกจากที่นั่นเท่ากับได้ออกจากขุมนรก! การที่ฉันปีนขึ้นมาจากระดับล่างสุดทีละก้าวๆ คุณรู้หรือเปล่าว่ามันลำบากแค่ไหน ต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันรู้ว่าคุณชอบคนใสๆ แต่คนใสๆ มีแต่จะต้องตายอยู่ในที่แบบนั้น โดยที่คุณไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำ!”

หลิวเจาหัวเราะเสียงเย็นอย่างไม่เห็นด้วย “คุณเหนื่อยสู้ผมได้หรือ กว่าผมจะขึ้นมาถึงจุดนี้มันง่ายนักหรือไง ยอมรับมาเถอะว่าคุณไม่ได้ถูกสิ่งแวดล้อมทำให้กลายเป็นแบบนี้ แต่คุณเลวโดยสันดานต่างหาก!” จนถึงวันนี้เขาถึงเพิ่งตระหนักถึงเรื่องนี้

ทว่าเกาเชียนเชียนกลับพ่นลมออกจมูกอย่างเยาะหยันใส่เขา “คุณพูดแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะจนฟันหลุดหรือไง อยู่ใต้การปกป้องของต่งฉินคุณจะเหนื่อยสักแค่ไหน ฮะ? คุณไม่มีเงินเช่าบ้าน เธอให้คุณยืมแฟลตของตัวเองอยู่ตั้งหลายปี คุณไม่มีงาน เธอใช้เส้นสายของที่บ้านเพื่อหางานมาให้คุณ คุณถูกคนอื่นเล่นงาน เธอคิดหาวิธีเอาคืนให้คุณอยู่เบื้องหลัง เงินทุนบริษัทคุณกำลังจะขาดช่วง เธอเอาเงินออมตลอดระยะเวลาหลายปีของตัวเองมาให้คุณยืมแบบไม่พูดเยอะ แถมยังไม่เอาดอกเบี้ยคุณสักแดง คุณลำบากตรงไหน คุณกินข้าวนิ่ม ยังไม่พออีกหรือไง คุณที่อาศัยเธอเดินมาได้อย่างราบรื่นแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน”

คำพูดนี้กระแทกจุดเจ็บที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหลิวเจาทำให้เขาอึ้ง

เกาเชียนเชียนรู้จักเขาดีมาก เธอหัวเราะอารมณ์ดี “ยอมรับเถอะ ที่คุณมีวันนี้ได้เพราะอาศัยต่งฉิน คุณว่าฉันไร้ศักดิ์ศรี บูชาเงิน แล้วคุณดีกว่าฉันแค่ไหนเชียว ไม่ผิด ที่ฉันเข้าหาคุณเพราะเงิน แต่ฉันให้ทั้งความรัก ร่างกาย และเวลา สุดท้ายฉันยังแต่งงานกับคุณ ทำงานบ้านให้คุณ แล้วคุณล่ะ คุณทำอะไรเพื่อต่งฉินบ้าง แค่เสียงซุบซิบนินทาข้างนอกคุณก็ทำเย็นชาใส่เธอ ทำตัวห่างเหินกับเธอ ถึงขั้นตัดเธอออกไปจากชีวิตของคุณ คุณมันพวกเนรคุณ ดีกว่าฉันสักแค่ไหนกัน”

ประโยคสุดท้ายเหมือนค้อนหนักอึ้งที่ทุบใส่หัวใจของหลิวเจาจนแหลกสลาย เขาเจ็บจนเกือบเป็นลม เขาเข้าใจว่าความห่างเหินที่ตนมีต่อต่งฉินก็เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาระหว่างผู้ชายที่แต่งงานแล้วกับสาวโสด แต่ความจริงคือเขาเป็นพวกเนรคุณหรือ

ไม่…ไม่ใช่ เกาเชียนเชียนจงใจแปลงสาร! เขาไม่เคยลืมความทุ่มเทของต่งฉิน ตรงข้ามหลังมีชื่อเสียงเขาตอบแทนเธอเป็นร้อยเป็นพันเท่า เขายกหุ้นบริษัทให้เธอ ให้ส่วนแบ่งจำนวนสูงลิบแก่เธอ ปูทางในหน้าที่การงานของเธอ สนับสนุนศิลปินในสังกัดของเธอทุกวิถีทาง นอกจากความรักเขามอบทุกสิ่งของตนให้ต่งฉิน เขาไม่ใช่คนเนรคุณแน่นอน!

“เกาเชียนเชียน คุณพูดจาข้างๆ คูๆ ที่ผมห่างจากต่งฉินเพราะคุณไม่ใช่หรือไง” ตอนพูดประโยคนี้เสียงของหลิวเจาสั่นเครือ

“เพราะฉัน? ฮ่าๆๆ คุณนี่มันน่าขำจริงๆ! คนมีความคิดเป็นของตัวเองแบบคุณจะยอมทำตามคำขอแบบส่งๆ ไม่กี่ประโยคของฉันหรือ ตัวคุณไม่กล้าเผชิญหน้ากับต่งฉินเอง อย่าโยนหม้อมาใส่หัวฉันสิ! หลายปีมานี้คุณคิดว่าตัวเองดีต่อฉันนักหรือไง ฉันอยากซื้อกระเป๋าราคาแสนกว่า คุณบอกว่าเอาเงินไปบริจาคให้การกุศลดีกว่า ฉันแต่งตัวแพงหน่อย คุณก็บอกว่าฉันไม่ประหยัด ฉันอยากซื้อเครื่องเพชร คุณกลับเอาเงินไปสร้างโรงเรียนประถมศึกษาแห่งความหวัง ฉันเป็นไฮโซแล้วนะ แต่กลับแต่งตัวสู้ดาราหางแถวไม่ได้ แล้วฉันจะอยู่กับคุณไปเพื่ออะไร! แม้แต่หุ้นของบริษัทคุณก็ไม่ยอมให้ฉัน!”

เกาเชียนเชียนยิ่งพูดยิ่งโมโห เธอล้วงความจริงในใจทั้งหมดออกมา “คุณรู้มั้ยว่าการปั่นหัวคุณมันง่ายมาก คุณไม่ชอบให้คนอื่นบอกว่าคุณกินข้าวนิ่ม ผูกคุณกับต่งฉินไว้ด้วยกัน เพราะฉะนั้นแค่ฉันแสดงสิ่งตรงกันข้ามกับต่งฉินออกมาก็จับคุณได้อยู่หมัดแล้ว เธอเข้มแข็ง ฉันอ่อนแอ เธอทำงานเก่ง ฉันไม่เอาไหน เธอฉายเดี่ยวได้ ฉันต้องให้คุณช่วยทุกอย่าง ทำให้สายตาของคุณหยุดอยู่ที่ตัวฉันมากขึ้นเรื่อยๆ คุณรู้สึกว่าคุณรักฉัน อยากแต่งงานกับฉัน ฮ่าๆๆ คุณโง่จริงๆ ไม่เข้าใจกระทั่งหัวใจตัวเอง คุณไม่เคยรักฉัน ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่คุณรักคือต่งฉิน!”

หลิวเจาอึ้ง เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง

เกาเชียนเชียนเบะปาก ยิ้มเย็น “ฉันรู้มาตลอดว่าคุณรักเธอ แต่ฉันไม่ได้บอกคุณ! เพราะฉันอยากให้พวกคุณเจ็บปวด!”

หลิวเจาได้สติทันที เขาถามด้วยน้ำเสียงตกใจ “คุณว่าอะไรนะ” เขาไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

ขอเพียงได้เล่นงานหลิวเจาทำให้เขาเจ็บปวดได้ เกาเชียนเชียนย่อมพอใจ เธอพูดซ้ำ “ฉันบอกว่าตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่คุณรักคือต่งฉิน ไม่ใช่ฉัน!”

“ไม่…ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ถ้าผมรักเธอ ทำไมผมถึงอยากแต่งงานกับคุณ” หลิวเจาถามอย่างทำอะไรไม่ถูก นิ้วทั้งสิบจิกโต๊ะแน่น

เกาเชียนเชียนเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ แกว่งขาที่ไขว่ห้างเบาๆ ยิ้มเยาะ “เพราะคุณไม่อยากให้คนอื่นด่าว่าคุณกินข้าวนิ่ม! คุณอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าความสำเร็จของคุณเกิดจากตัวเอง ไม่เกี่ยวกับต่งฉิน”

หลิวเจาส่ายหน้า ลำคอตีบตัน ไม่มีแม้แต่การโต้แย้ง

วาจาของเกาเชียนเชียนยิ่งทวีความดูแคลน “คุณโง่มากที่ทิ้งความสุขทั้งชีวิตของตัวเองเพราะเสียงซุบซิบนินทาของคนอื่น วันที่เราสองคนหมั้นกัน ต่งฉินดื่มเหล้าจนเมาแล้วดึงคุณไปสารภาพรัก คุณปฏิเสธเธออย่างจริงจัง แต่พอหันหลังคุณกลับน้ำตาคลอ เสียใจจนแทบร้องไห้ ตอนนั้นฉันยืนมองพวกคุณอยู่ตรงมุม ฉันเห็นสีหน้าเจ็บปวดแทบขาดใจของต่งฉิน และเห็นความสิ้นหวังเหมือนถูกโลกทั้งใบทอดทิ้งของคุณ ทั้งที่คนปฏิเสธต่งฉินคือตัวคุณเอง แต่คุณกลับกระเซอะกระเซิงเหมือนสุนัขจรจัดที่ไม่มีบ้านให้กลับ คุณเดินวนอยู่ในโรงแรมแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง หาทางกลับห้องจัดเลี้ยงไม่เจอ คุณเข้าใจว่าตัวเองเมาจนเบลอ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ คุณเสียใจมาก เสียใจจนโลกทั้งใบพลิกกลับตาลปัตรไปหมดต่างหาก!”

คำพูดของเกาเชียนเชียนทำให้หลิวเจาตกลงไปในความทรงจำในอดีต มีความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพลิกกลับตาลปัตรไปหมดอีกครั้ง

เกาเชียนเชียนปิดปากหัวเราะอย่างสะใจ “ฉันแอบมองคุณอยู่นาน คอยจนคุณกุมอกใกล้ทรุดลงไปแล้วถึงค่อยปรากฏตัว แกล้งทำเป็นประคองคุณอย่างห่วงใย คุณบอกฉันว่าคุณดื่มไปเยอะ อยากหาห้องสักห้องเพื่อพักผ่อน ฉันพยักหน้าไม่หยุด แต่ในใจขำแทบตาย ฉันไม่เคยเจอใครที่ใช้ชีวิตเลอะเลือนเหมือนคุณเลย แม้แต่ตัวเองอยากได้อะไรก็ยังไม่รู้ ตอนนั้นฉันใช้สารพัดวิธีเพื่อไล่ผู้ช่วยหญิงที่อยู่ข้างคุณไปแล้วโยนความผิดให้ต่งฉิน คุณเคยว่าเธอสักประโยคมั้ย เวลาอยู่ต่อหน้าเธอ คุณไม่เคยพูดถึงคนพวกนั้นด้วยซ้ำ ฉันแอบใช้ชื่อต่งฉินทำเรื่องเลวร้ายอย่างกำจัดคนอื่นออกไป แล้วคุณก็ยอมทุกอย่าง ไม่เคยโมโหเลยสักครั้ง นอกจากเรื่องไม่กล้าสู้หน้าต่งฉินแล้วคุณแทบจะประเคนทุกอย่างของตัวเองให้เธอ ทั้งเงิน ทรัพยากร เส้นสาย รวมถึงหุ้นบริษัท คุณให้ได้ทุกอย่าง คุณรับความเห็นแก่ตัว ร้ายกาจ ไร้ศักดิ์ศรี ตื้นเขินของเธอได้ แต่พอเปลี่ยนเป็นฉัน คุณกลับรับไม่ได้ ชี้หน้าด่าฉัน คุณมันสองมาตรฐานจริงๆ”

เกาเชียนเชียนถ่มถุย ส่ายหน้า “เพราะงั้นอย่าหาว่าฉันหักหลังคุณ คุณไม่เคยรักฉันและไม่เคยให้อะไรฉัน เราสองคนเดินมาถึงวันนี้ได้ก็ให้ถือว่าต่างฝ่ายต่างไม่ติดค้างกันแล้ว อีกเดี๋ยวคุณโทรหาต่งฉินให้เธอรีบหยุดมือ แล้วฉันจะทบทวนเรื่องไม่ให้คุณต้องติดคุก ไม่อย่างนั้นชีวิตคุณพังหมดแน่ คุณคิดดูให้ดี”

หลิวเจาพังหมดแล้ว ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจ ทั้งที่คนที่เขาโกรธแค้นที่สุดอยู่ตรงหน้า แต่ในสมองของเขากลับมีแต่ภาพต่งฉิน เธอจูงมือเขาผลักประตูพาเขาเข้าไปในบ้านกว้างขวาง สว่างไสว เธอหาครูสอนการแสดงที่เก่งที่สุดมาให้เขา พาเขาไปสู่โลกใบใหม่อันกว้างไกล เธอดึงแขนเสื้อเขาไว้แน่นร้องไห้พลางบอกว่า ‘หลิวเจา ฉันชอบนาย’ แต่กลับถูกเขาผลักไสอย่างเย็นชา หญิงสาวน้ำตาคลอแต่ฝืนไว้ ไม่ยอมให้มันไหลลงมา ต่งฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้แถวแรกในโบสถ์ เธอหันมามองเขาจูงมือผู้หญิงอีกคนเดินเข้าไปสู่พิธีแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่ประกายในดวงตากลับค่อยๆ จางหาย และสุดท้ายก็มืดดับ…

ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของเธอ ใบหน้าร้องไห้คร่ำครวญ ใบหน้าเฉยเมย ใบหน้าขึ้งโกรธ…แต่ละใบหน้าผุดขึ้นมาแล้วหายไป ป่วนปั่นให้หัวของหลิวเจาปวดร้าวแทบแตก

“ต่งฉิน คุณอยู่ไหน ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ” หลิวเจาครางเสียงสะอื้น มือทั้งสองข้างกำเป็นหมัดทุบโต๊ะแรงๆ ก่อนเริ่มทุบหัวตัวเอง เขาไม่เคยเกลียดตัวเองขนาดนี้ ไม่เคยสิ้นหวังถึงเพียงนี้ เกาเชียนเชียนพูดถูก ที่เขาตกอับอย่างวันนี้ไม่อาจโทษคนอื่น ต้องโทษความโง่ของตัวเอง!

“คุณเลิกโวยวายได้แล้ว เธอกำลังวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอก โทรหาเธอซะ เธอต้องรีบมาหาคุณแน่ คุณน่าจะดีใจนะที่ตอนนี้คุณเป็นโสดแล้ว จะได้อยู่กับต่งฉินอย่างเปิดเผย อา ไม่สิ อีกหน่อยคุณต้องติดคุก พอกลายเป็นนักโทษ คุณย่อมไม่คู่ควรกับเธอ เพราะฉะนั้นรีบบอกให้เธอหยุดซะดีกว่า!” เกาเชียนเชียนพูดจาทิ่มแทงหลิวเจาอีกหลายประโยคก่อนย่ำรองเท้าส้นสูงเดินจากไป ถ้าต่งฉินไม่บล็อกเธอและไม่ยอมคุยกับเธอต่อหน้า เกาเชียนเชียนไม่มีทางวิ่งมาถึงที่บ้าๆ นี่แน่

ตำรวจที่เฝ้าประตูฟังแล้วได้แต่งงว่านี่มันเรื่องอะไร สองคนนี้เคยแต่งงานกันเหรอ ที่แท้ภรรยาของราชาหนังแซ่หลิวก็แต่งงานใหม่? คนที่ถูกขังอยู่ในคุกนี่ยากจนข้นแค้นมากไม่ใช่หรือไง แล้วไปเอาหุ้นบริษัทมาจากไหน แต่แปลกใจก็ส่วนแปลกใจ เขาไม่มีสิทธิ์ถาม เนื่องจากเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เป็นปัญหาในระดับศีลธรรม แต่ไม่เกี่ยวข้องกับคดี

เห็นหลิวเจาทุบหัวตัวเองแรงๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าและมีแนวโน้มจะทำร้ายตัวเอง ตำรวจจึงรีบวิ่งมาห้าม

“ผม…ขอใช้โทรศัพท์ได้หรือเปล่าครับ” หลิวเจาเงยหน้า สีหน้าเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด

“คุณต้องยื่นคำร้องก่อน หลังยื่นคำร้องถึงจะโทรได้” ตำรวจยื่นทิชชูให้เขาหนึ่งแผ่น แววตาเต็มไปด้วยความเวทนาสงสาร

เวลานี้หลิวเจาถูกคุมตัว ยังไม่ได้ถูกส่งเข้าคุก ตามหลักเขาสามารถโทรหาญาติได้ แต่ต้องมีตำรวจคอยฟังอยู่ด้านข้างเพื่อป้องกันไม่ให้เขาสมคบหรือแตะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดี ทั้งยังใช้เวลานานที่สุดได้แค่สิบนาที

ดูเหมือนเกาเชียนเชียนจะช่วยติดสินบนไว้ให้เขาแล้ว พอหลิวเจายื่นคำร้องไป เบื้องบนก็อนุมัติทันที คนที่รับหน้าที่ฟังเขายังคงเป็นตำรวจนายเดิม และไม่ได้เข้มงวดเท่าไร เหมือนจะค่อนข้างเห็นใจเขามาก

หลิวเจานั่งอยู่หน้าโทรศัพท์แต่กลับไม่ได้แตะต้องหูโทรศัพท์เป็นเวลานาน เขาไม่เคยคิดจะกล่อมต่งฉินให้หยุด แค่อยากได้ยินเสียงเธอแทบขาดใจ พอใจเย็นลง เขาถึงเพิ่งรู้สึกว่าท่าทางของเกาเชียนเชียนดูผิดปกติ เธอเหมือนมาขู่ แต่กลับดูลุกลี้ลุกลน เอาแต่บอกให้เขาหยุดต่งฉิน หรือต่งฉินจะทำอะไรเธอ

“คุณตำรวจครับ คุณพอจะบอกผมได้หรือเปล่าว่าเกาเชียนเชียนมีเรื่องอะไร” เขาถามแบบเลียบๆ เคียงๆ

“ผมจะไปรู้เรื่องเธอได้ยังไง” ตำรวจส่ายหน้าขำๆ

“ผมหมายถึงระยะนี้เธอเป็นข่าวอะไรหรือเปล่า” หลิวเจาเปลี่ยนวิธีถาม

ตำรวจมีปฏิกิริยาทันที เขาหยิบมือถือออกมาสไลด์ก่อนเม้าท์มอยว่า “ชื่อเธอติดเทรนด์แล้ว มีคนเอาคลิปที่คุณตามตื๊อเธอลงอินเตอร์เน็ต บอกว่าคุณไม่ได้ใช้กำลังบังคับเธอ แต่คุณกับเธอเป็นชู้กันอยู่แล้ว คุณดูสิ”

ตำรวจเอียงมือถือให้หลิวเจาดู ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือห้องรับแขกที่แต่งแบบมินิมอล ชายวัยกลางคนคนหนึ่งสวมชุดนอนเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าตื่นๆ เขามองตัวเองในผนังกระจกแล้วลูบหน้าไม่หยุด จากนั้นก็วิ่งขึ้นชั้นบนไปเปลี่ยนชุดลำลอง นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา แถบด้านบนของคลิปบอกเวลาไว้ว่าตีห้าครึ่งซึ่งคนส่วนใหญ่ยังไม่ลุกจากเตียง

ความเร็วของคลิปถูกเร่ง ชายคนนั้นนั่งนิ่งอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าก่อนเดินขึ้นชั้นบนไปแบบมึนๆ สองสามนาทีต่อมาเขาถูกเกาเชียนเชียนผลักลงมา เธอชี้นิ้วไปที่ประตูใหญ่พูดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเยียบเย็น ชายคนนั้นพยายามจับแขนเธอ แต่กลับถูกสะบัดอย่างแรง ได้แต่เดินจากไปแบบคนวิญญาณหลุดออกจากร่าง แม้ภาพจะค่อนข้างพร่าเลือน แต่เงาแผ่นหลังที่เดินโซซัดโซเซจากไปของชายคนนั้นกลับทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกแสบจมูก เนื่องจากภาษากายเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สามารถเก็บงำของเขาทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแทบขาดใจของชายคนนั้น

คลิปถูกเร่งเวลาอีกครั้งหนึ่ง ราชาหนังแซ่หลิวเดินเข้ามาในห้องรับแขกแบบมึนๆ งงๆ เหลียวซ้ายมองขวา เกาเชียนเชียนที่เมื่อกี้แสดงท่าทีใจจืดใจดำรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นกระตือรือร้นแล้วเข้าไปต้อนรับทันที แต่ในสายตาคนอื่นกลับเห็นได้ชัดว่าท่าทางแบบนี้ของเธอเหมือนคนที่กำลังกลบเกลื่อนความผิด

คนโพสต์คลิปนี้เขียนแคปชั่นว่า

 

‘ดูจากเวลา เกาเชียนเชียนอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ทั้งคืน และเช้าวันที่สองก็ใส่ชุดนอนสายเดี่ยวมายื้อยุดกับเขา รีบร้อนไล่คนออกจากบ้านไป ท่าทางแบบนี้เหมือนคนถูกใช้กำลังบังคับจริงๆ หรือ แอบมีชู้ลับหลังสามีหรือเปล่า’

 

กลุ่มแฟนคลับของหลิวเจามีเยอะมาก แปดสิบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นแฟนพันธุ์แท้กับรอยัลแฟน สามารถทำศึกคอมเมนต์ให้เขาได้ทุกอัน พวกเขาไม่ค่อยพอใจเกาเชียนเชียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะรู้สึกว่าหญิงสาวขาดทั้งรูปสมบัติและการศึกษา ไม่คู่ควรกับไอดอลของตน พอคลิปนี้หลุดออกมาชี้ว่าเกาเชียนเชียนคบชู้ พวกแฟนคลับเลยระเบิดตูมทันที แทบจะเอาระเบิดไปปาใส่เธอ

เวลาเจอเรื่องแบบนี้ผู้หญิงมักโดนประณามมากกว่า ดูจากเหตุการณ์ในวงการบันเทิงก็รู้ ถ้าดาราชายออกนอกลู่นอกทาง แค่ภรรยาบอกว่าให้อภัยคำเดียว งานแสดงของเขาก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าดาราหญิงออกนอกลู่ ต่อให้รักกับแฟนดีแค่ไหนย่อมต้องถูกตราหน้าว่าเป็นพานจินเหลียน* ต้องไสหัวไปให้ไกล!

ดังนั้นความคิดเห็นของสาธารณะจึงเป็นเหมือนดาบอำมหิตที่ใช้บีบบังคับผู้หญิงฟันใส่ตัวเกาเชียนเชียนอย่างจัง ทำเอาเธอไม่กล้าเอาหน้าไปเจอใคร ถ้าชาวเน็ตเล่นใหญ่กว่านี้น่ากลัวว่าชีวิตและชื่อเสียงของเธอคงพินาศ

แฟนคลับของหลิวเจาต่างส่งจดหมายเลือดเพื่อเรียกร้องให้ไอดอลของตนหย่าขาดจากเกาเชียนเชียน มีคนบอกว่ามีความเป็นไปได้มากที่ผู้ชายในคลิปจะถูกเกาเชียนเชียนให้ร้าย ทั้งที่เขาไม่ได้ทำเรื่องเลวทรามอะไรเลย แต่เกาเชียนเชียนเป็นโจรที่ร้องให้จับโจร! พวกเขาเลิกสนใจความจริงและเลิกเรียกร้องให้ศาลลงโทษหลิวเจาสถานหนัก แต่ผลักความผิดทั้งหมดใส่ศีรษะของเกาเชียนเชียนแทน

ในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ คำครหาที่ผู้หญิงได้รับนั้นน่ากลัวมาก บอกว่าผู้หญิงที่ถูกคุกคามเพราะแต่งตัวเซ็กซี่เกินไป ที่ถูกหย่าเพราะไม่รู้จักดูแลบ้าน ที่ถูกฆ่าเพราะใช้ชีวิตไม่ระวัง ดึกดื่นค่อนคืนยังจะออกไปข้างนอก…เหยื่อถูกกล่าวหาอย่างไร้ตรรกะและเหตุผล

เดิมทีต่งฉินไม่คิดจะใช้วิธีแบบนี้กับผู้หญิงหนึ่งคน แต่เธอไม่มีทางเลือก เมื่อความอดทนของเธอมาถึงขีดสุด เกาเชียนเชียนอยากทำลายหลิวเจา? งั้นฉันจะชิงทำลายเกาเชียนเชียนก่อน! ดูซิว่าใครจะร้ายกว่ากัน!

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 17 .. 65

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

community.jamsai.com