ต้วนหยวนเจ๋อหัวเราะขันเมื่อเห็นท่าทางร้อนใจของอีกฝ่าย “พี่ชังหมิง น้อยนักที่จะเห็นเจ้าลนลานแบบนี้สักที อย่าบอกนะว่าเจ้าถูกใจธิดาของใต้เท้าอู๋” เห็นคู่สนทนาทำหน้ากังขา เขาก็อธิบายว่า “จ้วงหยวนกับเจ้าอายุไล่เลี่ยกัน ซ้ำยังหล่อเหลาคมคาย เลยถูกใต้เท้าอู๋หมายตาเข้า อยากจะได้มาเป็นเขย ว่าอย่างไร หากเจ้าถูกใจคุณหนูอู๋จริง ข้าจะหาแม่สื่อไปช่วยพูดให้ก็ได้”
“ข้ายังไม่เคยเห็นหน้านางสักครั้งด้วยซ้ำ จะเอาอะไรมาถูกใจ” เขาตกใจจนเหงื่อแทบแตกทั้งตัว ถานอู่ฟูดวงดีจริง แต่งกายเป็นบุรุษอยู่ในสำนักราชบัณฑิตมาหลายวันไม่ยักมีใครมองออก แต่กลับทำให้เขาเดือดร้อน เพราะต้องอกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
กลัวว่าวันหนึ่งนางจะความลับแตก แล้วพลอยทำให้เขาถึงตายไปด้วย
“วันนี้ใต้เท้าอู๋ไม่สบาย ไม่ได้เข้าประชุม หยวนเจ๋อข่าวไวจริงๆ”
“ข้าอยากให้เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนกว้างขวางมากกว่า ไม่มีข่าวเล็กข่าวน้อยใดในเมืองหลวงรอดหูรอดตาข้าไปได้หรอก” ต้วนหยวนเจ๋อพูดอย่างภาคภูมิใจ “ตัดปั่งเหยี่ยนเฉิงเซี่ยวหลงที่สูงวัยแล้วทิ้งไป จ้วงหยวนกับทั่นฮวายังหนุ่มแน่นเลยมูลค่าสูง เท่าที่รู้มาจากสายสืบของข้า ใต้เท้าอู๋หมายมั่นให้ถานอู่ฟูสอบได้อันดับหนึ่ง จะได้ยกธิดาให้ แต่ลิขิตคนไหนจะสู้ลิขิตฟ้า องค์จักรพรรดิทรงแต่งตั้งถานเสี่ยนย่าเป็นจ้วงหยวน ข้าเคยคุยด้วยสองสามคำ เขาเป็นบัณฑิตที่มีความทะเยอทะยาน ต่อไปได้ใต้เท้าอู๋คอยหนุนหลัง ดวงงานในราชสำนักของเขามีแต่จะพุ่งเอาๆ”
“เจ้าช่างมีสายสืบข่าวเล็กๆ น้อยๆ เยอะจริงนะ”
ต้วนหยวนเจ๋อไม่สนใจถ้อยคำกึ่งเหน็บแนมของอีกฝ่าย พูดต่อไปว่า “ปั่งเหยี่ยนเฉิงเซี่ยวหลงแก่เกินไป ข้ามไปพูดถึงทั่นฮวาเลยแล้วกัน ข้าเคยคุยด้วยสองสามคำเช่นกัน เด็กคนนี้…”
เนี่ยชังหมิงใจเต้นแรงขึ้นหนึ่งจังหวะ เอ่ยถามเสียงพร่า “เป็นอย่างไรหรือ”
ต้วนหยวนเจ๋อกับเขาเคยออกรบภายใต้การนำทัพของแม่ทัพคนเดียวกันมาตลอด จนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน แม้ตั้งแต่ย้ายมากินตำแหน่งในเมืองหลวงจะดูเกียจคร้านเฉื่อยชา แต่ก็มีสายตาแหลมคมกับเรื่องสำคัญเสมอ น่าจะมองเพศที่แท้จริงของนางออก
ต้วนหยวนเจ๋อเหลือบมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ แล้วตอบว่า “เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ ซ้ำยังไม่อวดตน ราชสำนักมีขุนนางเลือดใหม่เช่นนี้ถือเป็นวาสนาของต้าหมิงโดยแท้ พี่ชังหมิงเองก็ดูคนเก่ง ครั้งแรกที่ได้เห็นเขาคงคิดเช่นนี้กระมัง ใช่หรือไม่”
เนี่ยชังหมิงแค่นยิ้มโดยไม่รู้ตัว เขาเคยอยากรับนางเป็นน้องชายจริงๆ นั่นล่ะ
“พี่ชังหมิง ตอนที่ข้าเห็นเขาเผินๆ ครั้งแรก เจ้าทายซิว่าข้าคิดอย่างไร”
ประสาทที่เพิ่งจะผ่อนคลายลงเมื่อครู่เกร็งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
“จะ…เจ้าคิดอย่างไรเล่า” เสียงของเขาสั่นนิดๆ ถูกจับได้แล้วจริงด้วย จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับนางอย่างไรดีนะ
อาการผิดปกติของเขาตกอยู่ใต้สายตาของต้วนหยวนเจ๋อ ฝ่ายนั้นเงียบไปสักพักก็พูดแค่เพียงว่า
“เจ้าเองก็รู้ว่าช่วงหลังๆ นี้ชนชั้นสูงเริงโลกีย์ขึ้นทุกที นอกจากจะเลี้ยงเด็กหนุ่มเป็นคู่นอน ยังสรรหาชั้นเชิงลามกหยาบโลนต่างๆ นานามาใช้ ข้ายังเคยได้ยินมาว่าพวกชนชั้นสูงแข่งกันว่าเด็กหนุ่มของใครงดงามที่สุด แค่กๆ เด็กหนุ่มที่ข้าเห็นระยะนี้ก็…งามมากจริงๆ นั่นล่ะ”
ไม่เพียงถานอู่ฟู หลายเดือนก่อนเขาลาราชการเดินทางไปหนานจิง จึงแวะไปทักทายที่คฤหาสน์สกุลเนี่ย ได้เจอเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักน่าชังเสียจนแทบหวั่นไหวพากลับบ้านมาด้วย เห็นว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องชายคนที่สิบสองของเนี่ยชังหมิง เฮ้อ หากเป็นเด็กกำพร้า เขาจะต้องพากลับมาที่บ้าน แล้วก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่อาจหันหลังกลับนับแต่นั้นมา
“แล้วอย่างไรต่อ”
ยังจะให้มีต่ออีกหรือ ต้วนหยวนเจ๋อทบทวนความทรงจำเกี่ยวกับถานอู่ฟูเงียบๆ แล้วสรุป