พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งปี วันนี้พวกเขาได้รับจดหมายจากทางหยางโจวบอกว่าบิดาของผินผินล้มป่วยและอยากพบนาง
ทันทีที่ข่าวนี้มาถึง จย่าเป่าอวี้ก็ถึงกับลนลาน
หากผินผินไปแล้วไม่กลับมาอีก โรคใจของเขาจะรักษาได้อย่างไร
ตอนงานวันเกิดท่านย่า เขาตั้งใจไปนั่งข้างกายนาง แต่ผินผินกลับวุ่นอยู่กับการกิน ไม่ยอมเจียดเวลามาคุยกับเขา ทำให้จย่าเป่าอวี้ต้องคอยให้งานเลี้ยงเลิกและทุกคนย้ายไปดูละครที่สวนทิศใต้ก่อน ทว่านางกลับเหมือนอ่านความคิดของเขาได้จึงชิงขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ทำให้จย่าเป่าอวี้ต้องหาข้ออ้างออกมาแต่ไม่พาสาวใช้สักครึ่งคนไปด้วยเพื่อตรงไปยังเรือนปี้ซา
ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อเขามาถึง…
“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่น่ะ” จย่าเป่าอวี้ได้ยินเสียงน้ำเสียงแข็งกร้าวและเย็นชาของตนเอง แต่เขาห้ามตนเองไม่ได้ ซ้ำยังนึกอยากจะเหวี่ยงกล่องอาหารที่อยู่ในมือออกไปใจจะขาด
ดูเอาเถอะ นี่มันอะไรกัน! รอบตัวไม่มีสาวใช้สักครึ่งคน มีแต่บุรุษสตรีอยู่ด้วยกันตามลำพังในที่รโหฐาน ผินผินกำลังมอบถุงผ้าปักใบหนึ่งให้แก่น้องชายไร้ประโยชน์ที่เกิดจากอนุภรรยาของพ่อเขา!
นี่มันเรื่องอะไรกัน! สัญญารักมั่นอย่างนั้นหรือ ต่อให้อยากทำสัญญารักก็น่าจะมาหาเขาสิ เหตุใดถึงกระโดดข้ามเขาไปหาเจ้าน้องชายไร้การศึกษา ขโมยเงินไปชนไก่ไล่สุนัขได้
ก่อนหน้านี้เขาเพียงดูหมิ่นจย่าหวนและแอบรังเกียจอีกฝ่ายอยู่ในใจ แต่ภาพที่เห็นเวลานี้ทำให้จย่าเป่าอวี้นึกอยากจะพุ่งเข้าไปซัดจย่าหวนเป็นครั้งแรก
“มีธุระอะไรหรือ” หลินไต้อวี้ลอบทำเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ อย่างนึกรำคาญที่เจ้าคนกวนประสาทผู้นี้โผล่พรวดพราดมา แต่ตอนที่นางได้กลิ่นหอมของขาหมูตุ๋น นางก็ตัดสินใจยกโทษให้เขา
ต้องบอกให้รู้ก่อนว่านางเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวางมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นเขาต้องยกอาหารที่นำมาให้นางก่อนนะ
“ผินผิน เจ้าคิดจะลอบทำสัญญารักกับจย่าหวนหรือ” จย่าเป่าอวี้กำหมัดแน่น สายตาที่มองไปทางจย่าหวนแลดูเยียบเย็นเปี่ยมไอสังหาร
“หา?” หลินไต้อวี้ตะลึง นางมองจย่าหวนผู้มีใบหน้าหมดจดแต่กลับมักชอบวางตัวเป็นอันธพาลทำให้ความงามต้องเสียหายแล้ว คิดไม่ถึงว่าสองแก้มของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
อย่าเหลวไหลสิ นางไม่ได้ชอบเด็กนะ ต่อให้เขามีเค้าว่าจะโตขึ้นมาเป็นหนุ่มรูปงามอย่างไรก็ไม่เข้าตานางอยู่ดี!
เหตุใดคนสกุลจย่าถึงได้โตเร็วกันนักนะ เพิ่งจะอายุไม่เท่าไรแต่กลับเลียนแบบผู้ใหญ่กันเสียแล้ว…ขอร้องล่ะ หลินไต้อวี้แค่วานให้จย่าหวนช่วยอาศัยชื่อมารดาของเขาไปรับอาหารหรือของสดมาให้เท่านั้น เหตุไฉนไปๆ มาๆ เขาจึงเกิดใจเต้นขึ้นมาได้ล่ะ อย่าง่ายกันเช่นนี้สิ!
นางไม่อยากกระชากกล้าอ่อนให้ตาย แล้วทางที่ดีก็อย่ามายัดเยียดบทนี้ให้นางเล่นด้วย หาไม่นางจะชักสีหน้าให้ชมแน่ๆ
“ยังจะแกล้งทำงุนงงอีก เจ้ามิใช่มอบถุงผ้าปักให้เขา…” จย่าเป่าอวี้ด่าแต่น้ำเสียงใสกังวานกลับแหบพร่า ใบหน้างามราวเซียนตกสวรรค์เปลี่ยนเป็นซีดขาว มือกุมหน้าอกแน่นเพราะเจ็บหัวใจจนพูดไม่ออก
“ข้าก็ให้ทุกคนนั่นล่ะ” หลังจากเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด หลินไต้อวี้ก็เอ่ยเสียงเย็น “พวกพี่สาวน้องสาวล้วนได้กันทุกคน”
แค่ให้ถุงผ้าปักเท่านั้น อย่าทำเหมือนนางหลับนอนกับจย่าหวนไปแล้วสิ ทำเอาขวัญกระเจิงหมด
“เจ้าให้พวกพี่สาวน้องสาวได้ แต่ให้เขาไม่ได้!”
“เขาเป็นน้องข้า เหตุใดให้ไม่ได้” ความจริงนางอยากจะพูดให้เยอะกว่านี้ว่า ‘กงการอะไรของท่าน’ แต่เพราะนางยังกินมื้อเย็นไม่อิ่มและอยากลิ้มลองของที่อยู่ในกล่องอาหารของจย่าเป่าอวี้จึงต้องสะกดตนเองเอาไว้ เพราะนางได้กลิ่นขนมฝูหรง เมื่อครู่นางเพิ่งได้กินไปแค่ชิ้นเดียว รสหวานที่แค่เข้าปากก็ละลายนั้น นางยากที่จะลืมจริงๆ