ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิทานรักนักษัตรปีมะเส็ง บทที่ 3
หลินไต้อวี้คิดในใจว่านางน่าจะฟังผิดไป มันคงไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น…นางปลอบใจตนเองและบอกตนเองว่าอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้
“เป่าอวี้ ความหมายของเจ้าคือ…”
“ท่านย่า ข้าอยากแต่งผินผินเป็นภรรยา”
ร่างบอบบางประดุจต้นหยางหลิวของหลินไต้อวี้โงนเงน แต่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ด้านหลังรีบรับเอาไว้ทำให้นางไม่ต้องล้มคะมำลงไปที่พื้น
“เจ้ากับไต้อวี้…”
“ท่านย่า หากข้าไม่ชอบผินผินจะวิ่งไปหานางทุกสองวันสามวันได้หรือ”
“เป่าอวี้ เจ้าอย่าคิดเอาเองสิ เคยได้ถามความเห็นของไต้อวี้แล้วหรือยัง” น้ำเสียงกังวานใสของหวังฮูหยินเป็นเหมือนคมมีดที่ตวัดใส่หลินไต้อวี้
จย่าเป่าอวี้ยิ้ม เขาหยิบถุงผ้าปักใบหนึ่งออกมาจากเสื้อ “ท่านย่า ท่านแม่ นี่เป็นถุงผ้าปักที่ผินผินมอบให้ข้าเองกับมือเมื่อวาน เราสองคนได้แลกเปลี่ยนคำมั่นต่อกันแล้ว”
หลินไต้อวี้จ้องถุงผ้าปักรูปน้ำเต้าสีม่วงขลิบริมทองปักลายหรูอี้ที่ห้อยอยู่ที่คอของเขา…นี่มันถุงผ้าปักที่นางมอบให้จย่าหวนไปเมื่อวานมิใช่หรือ
เหตุใดมันจึงมาอยู่ในมือของจย่าเป่าอวี้ได้…
นางถลึงตาใส่จย่าเป่าอวี้อย่างดุดันแต่กลับเห็นเขาปรายตามามองตนพลางยิ้มเขิน และตอนที่นางกำลังกำมือหลวมๆ อะไรบางอย่างก็ถูกยัดเข้ามาในมืออย่างแนบเนียน ทำให้หลินไต้อวี้ต้องคลายมือออกอีกครั้ง…มันคือป้ายหยกขาวมันวาวที่แกะเป็นรูปกิเลน
“ข้าได้มอบกิเลนของตนเองเป็นการให้คำมั่นแก่ผินผิน และตั้งใจจะมาบอกกล่าวให้ท่านแม่กับท่านย่าทราบในวันนี้”
หลินไต้อวี้พูดไม่ออก ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดึงมือกลับมาไม่ได้…ปีศาจ คนผู้นี้ต้องเป็นปีศาจแน่ๆ!
“ข้าไม่…”
“ไต้อวี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่รีบบอกเรื่องนี้ให้ข้ารู้” ฮูหยินผู้เฒ่าจย่าตัดบทวาจาโกรธเกรี้ยวของหวังฮูหยินแล้วลุกขึ้นเดินมาจับมือที่กำอยู่หลวมๆ ของหลินไต้อวี้อย่างรักใคร่ถนอม “นี่เป็นเรื่องดี หากเจ้ายอมแต่งงานกับเป่าอวี้ก็จะเท่ากับเป็นมงคลซ้อนมงคลและได้เกี่ยวดองเป็นญาติกันอีกชั้นหนึ่ง”
หลินไต้อวี้อ้าปากค้าง นางอยากจะปฏิเสธ แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้จย่าเป่าอวี้สามารถส่งตัวฉินเข่อชิงไปหยางโจว ถ้านางบอกปัด มิเป็นการทำให้เสียเรื่องหรือ แต่ถ้านางยอมรับ…นางก็กลัวว่าเรื่องเท็จจะกลายเป็นจริง
ต้องรู้กันก่อนว่าเพื่อถอยออกจากสมรภูมิสกุลจย่าแล้ว หลินไต้อวี้ถึงกับยอมตัดใจจากของอร่อยทั้งหมดด้วยความคิดว่าขอเพียงรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีได้ ใต้หล้าล้วนมีอาหารรสโอชาอยู่ทุกแห่ง ต่อให้ของกินในคฤหาสน์สกุลจย่าจะเป็นต้นตำรับมากเพียงใด นางก็ยังไม่อยากตายอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลใหญ่อยู่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูนี่สิ สายตาโกรธเกรี้ยวของท่านป้าสะใภ้รองและพี่สะใภ้รองเฟิ่งเหมือนไฟที่ไหม้โหมเมื่อคืนไม่มีผิด…นางไม่คิดจะถูกเผาจนไม่เหลือแม้แต่โครงกระดูกหรอกนะ
“ท่านย่า ผินผินเขินแย่แล้ว” จย่าเป่าอวี้กุมมืออีกข้างของนางเบาๆ และยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูนางว่า “ไม่ต้องกลัวนะ มีข้าอยู่ด้วย”
หลินไต้อวี้ถลึงตาใส่บุรุษผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มดุจปีศาจดอกท้อ เมื่อพบว่าตนดูเบาเขาเกินไป!
เขามันเป็นปีศาจมาตั้งแต่เกิด! ถึงได้เสแสร้งได้เก่งจนเหมือนเป็นเรื่องจริงเช่นนี้ เขาเคยคิดบ้างหรือไม่ว่ากระเพาะของนางจะทนรับความคิดน่าสะอิดสะเอียนของเขาไม่ไหว!
“ท่านย่า ขอท่านได้โปรดช่วยส่งเสริมพวกเราด้วย” เขากล่าวพลางดึงหลินไต้อวี้ให้คุกเข่าลงด้วยกัน
“ลุกขึ้นๆ เมื่อครู่ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเป็นมงคลซ้อนมงคลและได้เกี่ยวดองเป็นญาติกันอีกชั้น ขอเพียงเป่าอวี้ต้องการ ไม่ว่าต้องทุ่มเทเท่าไรข้าก็จะเอามาให้เขาให้ได้ และนี่เจ้าแค่อยากแต่งงานกับไต้อวี้ เป็นเรื่องที่ดี ดีแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าจย่ายิ้มไม่หุบ นางดึงทั้งสองคนให้ลุกขึ้น
“ขอบคุณท่านย่า” จย่าเป่าอวี้รีบฉวยโอกาสทำตัวเป็นงูเลื้อยขึ้นตามท่อนไม้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจึงจำเป็นต้องเดินทางไปหยางโจวเพื่อเยี่ยมเยียนและแจ้งท่านอาเขยว่าข้ามีความตั้งใจที่จะสู่ขอผินผิน”
“แต่เจ้า…”
“ท่านย่าให้หลี่กุ้ยกับฉูเย่าตามข้าไปด้วยก็ได้ หลายปีมานี้หลี่กุ้ยติดตามพ่อบ้านคอยดูแลที่ดิน ถ้าให้เขาไปด้วย เขาจะได้มีประสบการณ์มากยิ่งขึ้น” จย่าเป่าอวี้รีบเสนอบุตรของหมัวมัว ตนและคนรับใช้ที่เขาไว้วางใจมากที่สุด
“เรื่องนี้…”
“เป่าอวี้ แม่ไม่อนุญาตให้เจ้าออกไปไกลบ้านเด็ดขาด” หวังฮูหยินเห็นฮูหยินผู้เฒ่าจย่ามีท่าทีลังเลก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่ เมื่อวานในบ้านเกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น เรายังต้องช่วยพวกพี่เจินจัดงานศพ พี่สะใภ้รองยุ่งมาก พี่รองเหลียนต้องอยู่ช่วยนาง หากพี่รองเหลียนไม่อยู่บ้าน พี่สะใภ้รองมิต้องเหนื่อยหนักหรือ” จย่าเป่าอวี้ไม่ยอมถอยและพูดอย่างมีเหตุผล
ฮูหยินผู้เฒ่าจย่านิ่งไปพักหนึ่ง “เช่นนั้นก็ทำตามนี้แล้วกัน”
“ท่านแม่!” หวังฮูหยินไม่อยากเชื่อว่าฮูหยินผู้เฒ่าจย่าจะยอมอนุญาต
“ให้เป่าอวี้ออกไปเจออะไรข้างนอกบ้างจะได้มีประสบการณ์ อีกอย่างหรูไห่สุขภาพไม่ดี การที่เป่าอวี้ที่เป็นกึ่งเขยของไปช่วยดูแลถือว่าเป็นเรื่องที่ดี” สิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าจย่าคิดคำนวณอยู่ในใจคือจะชั่วดีอย่างไร บิดาของหลานยายก็เป็นข้าหลวงตรวจการการค้าเกลือ มีผลประโยชน์มากมาย หากหลานชายทำให้เขาพอใจ สินเดิมมหาศาลของหลานยายย่อมทำให้หลานชายมีใช้จ่ายไปตลอดสามชาติก็ยังไม่หมด แม้สกุลจย่าจะไม่ได้ต้องการสินเดิมพวกนั้น แต่หากช่วยเสริมกำลังให้หลานชายได้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า “เอาไว้พวกเจ้าสองคนกลับมาจากหยางโจวแล้วค่อยจัดการเรื่องหมั้นหมายกันอีกที”
“ขอบคุณท่านย่า” จย่าเป่าอวี้ดีใจ เขาเข้าไปกอดและหอมแก้มฮูหยินผู้เฒ่าจย่า ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจย่าต้องแสร้งทำหน้าดุแต่สุดท้ายกลับยิ้มอย่างเบิกบานสดใส
หลินไต้อวี้ได้แต่นิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ นางทำได้เพียงหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีแล้วสุดท้ายจึงมาจบด้วยการจ้องปลายรองเท้าของตนเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นสายตาดุดันของหวังฮูหยิน
ขอร้องล่ะ นี่แค่การแสดงเท่านั้น อย่าถือเป็นจริงเป็นจังนักเลยได้หรือไม่…