ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิทานรักนักษัตรปีมะเส็ง บทที่ 3
ตอนแรกตั้งใจว่าจะออกเดินทางไปหยางโจวตอนเช้า แต่เพราะมีจย่าเป่าอวี้เข้ามาทำให้ต้องยืดเวลาออกไปเล็กน้อย จนใกล้เที่ยงถึงได้เร่งออกเดินทาง
เมื่อแน่ใจว่านั่งรถม้าออกมาทางตะวันตกของเมืองเรียบร้อย หลินไต้อวี้ก็ถามเสียงเบา “จย่าเป่าอวี้ นี่เรากำลังเล่นละครกันอยู่ใช่หรือไม่” แม้นางจะถามลอยๆ แต่นางรู้ว่าเขาจะต้องเข้าใจแน่นอน
“เล่นละครอะไร”
เห็นเขายิ้มเหมือนปีศาจเจ้าชู้แล้ว นางต้องคอยกำหมัดถี่ๆ “เรื่องแต่งงานที่ท่านว่า ความจริงเป็นแค่แผนขัดตาทัพ ที่ท่านพูดเช่นนั้นก็เพื่อหาทางมาส่งข้ากลับหยางโจวแทนพี่รองเหลียนใช่หรือไม่”
จย่าเป่าอวี้ยิ้มจนนัยน์ตาดอกท้อแพรวพราวยิบหยี ทว่าน้ำเสียงกลับจริงจัง “จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ข้าบอกท่านย่าว่าจะแต่งงานนั้น ข้าพูดออกมาจากใจจริงทุกอย่าง”
ผึง! ทันทีที่เส้นสติขาด หลินไต้อวี้ก็คว้าคอเสื้อของจย่าเป่าอวี้หมับ “เจ้าตัวบัดซบ นี่คิดจะทำร้ายข้าใช่หรือไม่!”
“ผินผิน ทำร้ายอะไร ข้าแค่อยากแต่งเจ้าเป็นภรรยาเท่านั้น แล้วเรื่องนี้จะทำให้พวกเราได้รับประโยชน์กันมากขึ้นด้วย”
“ข้าได้ยินแต่ท่านผายลม!” เจ้าคนผู้นี้อยากจะวางแผนเล่นงานใครก็ทำไปสิ แต่นี่กลับขุดหลุมดักนางด้วย เขาคงเบื่อชีวิตจริงๆ ถึงได้ออกแรงลากนางไปเข้าแผน คอยให้ร่างกายของนางแข็งแรงดีเมื่อไร นางจะส่งเขาไปแดนสุขาวดีทันที อย่านึกว่านางมีนิสัยอ่อนโยนและยอมคนจริงๆ นะ เขายังไม่เคยเห็นนางระเบิดโทสะออกมาเองต่างหาก!
“เหตุใดเจ้าจึงพูดจาหยาบคายเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไร ข้าได้ยินผู้เดียวและข้าก็ไม่ถือสาด้วย” เขาดึงมือนางออกอย่างนุ่มนวลและกุมมือนางแน่น “อย่างไรเสียพวกเราก็หมั้นกันและท่านย่าก็อนุญาตแล้ว อีกหน่อยย่อมต้องเป็นสามีภรรยา”
กล่าวจบเขาก็ไม่ลืมดึงของแทนใจออกมาให้นางดูด้วย
“นี่มันถุงผ้าปักที่ข้ามอบให้จย่าหวน” นางให้เสวี่ยเยี่ยนทำถุงผ้าปักออกมาหลายใบเพื่อมอบให้เป็นของขวัญอำลาก่อนออกเดินทาง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าคนผู้นี้จะเจ้าเล่ห์ถึงขนาดไปแย่งชิงของของผู้อื่นมา
“เวลานี้มันเป็นของข้า” เขาแนบมันที่ตำแหน่งหัวใจเพื่อป้องกันไม่ให้นางใช้กำลังแย่งกลับไป
“ท่านช่างเป็นพี่ชายแสนดีจริงๆ ถึงขนาดแย่งถุงผ้าปักของน้องชาย!” เขาเพิ่งจะอายุไม่เท่าไร แต่กลับเป็นคนเจ้าอุบายมากแผนการไปเสียแล้ว
แต่ที่น่ากลัวมากยิ่งกว่าคือเรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่เขากลับคิดอ่านได้อย่างทะลุปรุโปร่งทั้งยังเตรียมแผนไว้พร้อมสรรพ ทำให้นางรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว
เรื่องเช่นนี้ผีน้อยอายุสิบสองปีที่ใดจะทำได้ เห็นชัดเลยว่าเจ้านี่กลายเป็นปีศาจอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว!
“เปล่าสักหน่อย ข้าไม่ได้แย่ง” เขาพูดเสียงเนิบ
“ท่านไม่ได้แย่ง แล้วจย่าหวนให้ท่านเองหรือ”
“ก็ไม่ถึงกับให้ แค่มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน”
“หมายความว่าอะไร”
“ข้าบอกเขาว่าถ้ายกถุงผ้าปักนี้ให้ข้า ข้าจะหาวิธีให้เขาได้ไปเรียนหนังสือ”
หลินไต้อวี้เบิกตากว้างแล้วส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ ฟังสิฟัง! กระทั่งน้องแท้ๆ ของตนเองเจ้าคนผู้นี้ยังไปหลอกใช้เขาได้!
“เช่นนี้ไม่ดีหรือ เขาจะได้ไปเรียนหนังสือโดยที่ท่านย่าไปยุ่งไม่ได้” จย่าเป่าอวี้พูดเสียงเรียบพลางมองหน้านาง “ความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้าบางเบาถึงเพียงนี้ รู้สึกผิดหวังหรือไม่”
“เอ๋?” พูดกันจริงๆ นางฟังในคำพูดช่วงหลังได้เข้าใจทุกคำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพอเอาพวกมันมารวมกันแล้วกลับรู้สึกงุนงงเหมือนคำปริศนาได้
“เลิกคิดได้แล้ว ห้ามเจ้าคิดอีก เจ้าเป็นได้แค่คนของข้าอย่างเดียว”
เห็นเขาหุบยิ้มและแผ่รังสีอันธพาลออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำให้หลินไต้อวี้เข้าใจได้ทันที
“เด็ก”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“ข้าบอกว่าท่านมันลูกเศรษฐีแท้ๆ” เพราะมีแต่เด็กน้อยลูกเศรษฐีเท่านั้นที่จะเล่นอะไรเป็นเด็กๆ เช่นนี้
เห็นอยู่ว่าเขาขัดตาจย่าหวนเพราะนึกว่าจย่าหวนมีใจให้นาง ถึงได้อยากแย่งของรักของจย่าหวนมาพร้อมป้ายสีจย่าหวนด้วย เช่นนี้ถ้าไม่ใช่ ‘เด็ก’ แล้วจะเรียกว่าอะไร
“ลูกเศรษฐีแล้วอย่างไร”
“ไม่มีอะไรๆ ท่านพอใจก็ดีแล้ว เพราะถึงอย่างไรเมื่อไปถึงหยางโจว เราสองคนก็ต้องจบกัน” นางรู้ว่าในเรื่องบิดาของหลินไต้อวี้ในเรื่องจะต้องเสียชีวิต แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ยังเป็นเจ้าบ้านและไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปคฤหาสน์สกุลจย่าตามท้องเรื่องอย่างคนปัญญาทึบ
นางไม่ใช่คนโง่เขลา ถึงจะได้กลับไปเล่นศึกแย่งชิงในตระกูลใหญ่ ยิ่งหลินไต้อวี้ไม่ได้มีจุดเด่นเรื่องการฟาดฟันกับผู้ใดด้วยแล้ว หากพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียวก็อาจถูกเล่นงานจนไม่เหลือแม้แต่ศพ เช่นนั้นมันคุ้มแล้วหรือ
นางมาที่นี่เพื่อของอร่อย ไม่มีเวลาไปยุ่งกับคนบ้านนั้นหรอก
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย หลังจากเยี่ยมบิดาเสร็จ เจ้าต้องตามข้ากลับไปคฤหาสน์สกุลจย่าดีๆ”
“ท่านพูดอย่างไรก็ต้องทำตามนั้นหรือ” นางไม่ได้เก็บเอาเรื่องสัญญาแต่งงานมาใส่ใจ เพราะขอเพียงนางไม่ยอมผงกศีรษะ ผู้ใดก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้
ทว่าใบหน้ายิ้มแย้มน่าตบที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นเต็มที่ของจย่าเป่าอวี้กลับทำให้หลินไต้อวี้ตัวสั่นอย่างไม่มีเหตุผล หลินไต้อวี้เริ่มนึกสงสัยว่าตนกำลังมองทุกอย่างสวยงามเกินไป และนางอาจหนีไม่พ้นเงื้อมมือของปีศาจตนนี้…อย่าโง่ไปหน่อยเลย! นางเป็นเทพปีมะเส็งนะ แค่เจ้าเด็กผู้หนึ่งมีอะไรน่ากลัวกัน
เลิกคิดถึงเรื่องนี้แล้วหันรถอ้อมไปรับฉินเข่อชิงที่ได้สติเรียบร้อยที่บ้านมารดาของหลี่หวันก่อน จากนั้นก็เร่งลงแส้ม้าเพื่อออกเดินทางไปหยางโจว
“สรุปคือท่านก็ไม่รู้เรื่องหรือ” หลังสอบถามต้นสายปลายเหตุจากฉินเข่อชิง หลินไต้อวี้ก็รู้สึกปวดศีรษะ
ฉินเข่อชิงผงกศีรษะรับด้วยสีหน้าเลื่อนลอย
หลินไต้อวี้ถอนหายใจแรงๆ “ช่างเถอะ ต่อไปท่านก็อยู่กับข้าที่หยางโจวแล้วกัน” จะชั่วดีอย่างไร หลินไต้อวี้ก็เป็นคนที่รู้จักคุณคน เมื่อได้รับน้ำใจหยดหนึ่งแล้วย่อมต้องทดแทนด้วยน้ำพุ
“ขอบคุณท่านอาหญิง”
“อย่าเรียกท่านอาหญิงเลย ในเมื่อท่านออกจากคฤหาสน์สกุลจย่ามาแล้วก็ถือเสียว่าตายจากสกุลจย่าตั้งแต่เมื่อวานและเริ่มต้นชีวิตใหม่ตั้งแต่วันนี้ เปลี่ยนมาเรียกชื่อข้าเถอะ”
“ขอบคุณมาก”
หลินไต้อวี้โบกมือเป็นสัญญาณให้นางเลิกพูดขอบคุณแล้วเงยหน้าขึ้นมองจย่าเป่าอวี้ที่หลุบตาลง นิ่งเงียบคล้ายกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่าง
ไม่ว่าเจ้าคนผู้นี้จะคิดอย่างไร แต่อย่างน้อยเขาน่าจะเข้าใจแล้วว่าท่านยายมีด้านมืดอยู่ด้วย แล้วเขาจะหวังให้นางอยู่ในคฤหาสน์กินคนเช่นนั้นได้อีกหรือ นางจะไม่มีวันยอมกลับไปคฤหาสน์สกุลจย่าอีกเป็นอันขาด!
โปรติดตามตอนต่อไป…