ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิทานรักนักษัตรปีมะเส็ง บทที่ 4
“ใช่ ข้าอยากแต่งงานกับเขา”
“เจ้า! ข้าไม่อนุญาต เจ้าเป็นของข้า!” กล่าวจบจย่าเป่าอวี้ก็รวบตัวหลินไต้อวี้เข้ามากอด ดูเอาเถอะ นางตัวเล็กผอมบางเพียงแค่นี้ หากไม่มีใครคอยดูแลอยู่ข้างกายก็น่ากลัวว่านางคงถูกพวกบ่าวเล่นงานจนตายแน่ แล้วจะให้เขาวางใจได้อย่างไร
หลินไต้อวี้รู้สึกเจ็บจมูกที่ไปชนเข้ากับแผ่นอกที่นางไม่รู้ว่ามันผอมเกินไปหรือมีกล้ามเนื้อที่มองไม่เห็น แต่ที่แน่ๆ คือมันเจ็บเจียนตาย ซ้ำยังดิ้นไม่หลุด ทำให้นางถูกกินเต้าหู้ ไปเปล่าๆ ชนิดไม่อาจไปร้องเรียนกับผู้ใดได้
“ข้าว่านะคุณชายรองเป่า พูดกันจริงๆ คือที่ท่านสนใจข้าเพราะข้าคร้านที่จะสนใจท่าน หากข้าพูดคุยกับท่านให้มากหน่อย ท่านคงรู้สึกว่าข้าไม่น่าสนใจ เพราะฉะนั้นท่านกลับบ้านไปเถอะ” พูดกันเสียให้หมดเปลือก ต่อไปต่างฝ่ายจะได้ไม่ต้องทนทุกข์กันอีก
“เจ้าพูดพล่ามอะไร! เจ้านึกว่าข้าคิดกับเจ้า…” สุดท้ายฟันขาวๆ ของเขาต้องงับลงมาเพื่อมิให้ตนเองพูดต่อ
“หรือว่าไม่ใช่ ท่านเห็นจย่าหวนดีต่อข้าก็แสดงอาการไม่พอใจ แต่ความจริงคือท่านคิดว่าทุกคนบนโลกควรศิโรราบต่อท่าน ทว่าข้าไม่ใช่ เพราะฉะนั้นท่านจึงอยากปราบพยศข้า”
เอาเถอะ จย่าเป่าอวี้อายุยังน้อยอาจจะยังไม่เข้าใจ นางก็จะช่วยเตือนให้ด้วยเจตนาดีเพื่อปลดปล่อยจิตมารในตัวเขา ให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ “เห็นแก่ที่ท่านดีต่อข้า เรามาเป็นสหายกันดีกว่า ท่านคิดว่าเป็นอย่างไร”
จย่าเป่าอวี้กัดฟันกรอดๆ เนิ่นนานกว่าที่เขาจะระงับเพลิงโทสะที่เจียนระเบิดเอาไว้ได้ “ผู้ใดอยากได้กัน!” กล่าวจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไปพร้อมปิดประตูตามหลังดังปัง
หลินไต้อวี้ยักไหล่อย่างอ่อนใจ “ไม้ผุมิอาจใช้แกะสลัก” นางทำเต็มที่แล้วจริงๆ
ในเมื่อจย่าเป่าอวี้ยืนกรานไม่ยอมจากไป หลินไต้อวี้ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้เขาเป็นผู้ถือธงนำวิญญาณตอนเคลื่อนย้ายป้ายวิญญาณและให้เขาห่มผ้าป่านเพื่อแสดงความกตัญญูตามนางเดินทางไปที่เมืองซูโจว ให้จี้เฟิ่งปาอยู่ดูแลบ้านและที่ดินกับฉินเข่อชิง
ทั้งขาไปและขากลับใช้เวลาร่วมสองเดือนกว่า แม้จย่าเป่าอวี้จะย่ำยีใบหน้าดอกท้อด้วยการแสดงสีหน้าเย็นชาเมินเฉยต่อทุกคนที่เข้าหา ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาทอนเสน่ห์ลงอย่างมาก ทว่าหลินไต้อวี้กลับไม่ใส่ใจและมองว่าเขากำลังทำตัวเป็นเด็กๆ เพราะถ้าจะบอกว่าลูกเศรษฐีอันดับหนึ่งอย่างจย่าเป่าอวี้ไม่มีนิสัยเสียทำนองนี้เลย นางก็ไม่เชื่อเหมือนกัน
แต่สิ่งที่หลินไต้อวี้ไม่ชอบมากที่สุดคือการที่มีคนมาเล่นแง่ ทั้งยังเล่นกันอย่างยาวนาน ทว่านางก็ไม่เหลือบแลสนใจ
“คุณหนู”
“หืม?” หลินไต้อวี้หันไปมองจี้ไหวอย่างล้าๆ
พวกเขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ถ้าหากทำได้หลินไต้อวี้อยากทิ้งตัวลงนอนบนเตียงยาวๆ แม้ตลอดการเดินทางจะมีการพักเท้าตามโรงเตี๊ยมบ้าง แต่การประกาศสถานภาพของตนเองไม่เป็นผลดีต่อการเดินทางระยะไกลจึงต้องใช้เรือและรถม้าเป็นระยะ
“เรื่องของนายท่านเรียบร้อยหมดแล้ว ข้ากำลังคิดว่าคุณหนูจะตามคุณชายรองเป่ากลับไปที่คฤหาสน์สกุลจย่าหรือไม่” จี้ไหวถามอย่างไม่มั่นใจ
หลินไต้อวี้กะพริบตาแล้วพลันนึกถึงคำเตือนของจย่าเป่าอวี้ ทว่ามองอย่างไรนางก็ไม่เห็นว่าท่านอาจี้จะเป็นผู้วางยาพิษสังหารบิดาของนาง แต่พอเขาถามถึงเรื่องนี้…นี่จะรีบไล่นางออกจากบ้านหรือ
“คุณหนู?”
หลินไต้อวี้นั่งลงบนตั่งผ้าแพร ตามองจ้องรองเท้าปักลายดอกไม้ที่เปื้อนฝุ่นของตนเองอยู่นานก่อนเอ่ย “ท่านอาจี้ ผู้ใดเป็นผู้วางยาพิษสังหารท่านพ่อของข้า”
จี้ไหวตะลึง เขาหลุบตาลงเหมือนไม่รู้สึกแปลกใจเพราะรู้เรื่องทุกอย่างดี เพียงแต่มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกเล่าให้คุณหนูฟังและคิดว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้คลุมเครือต่อไป ทว่าคุณหนูกลับสังเกตเห็น
“ท่านอาจี้ เลือกเล่ามาเฉพาะที่ท่านเล่าได้เถอะ”
จี้ไหวช้อนสายตาขึ้นมองนางแล้วยิ้มให้นางอย่างอารี “คุณหนูไปอยู่คฤหาสน์สกุลจย่าสี่ปี ดูจะเปลี่ยนไปมาก”
“แน่สิ ข้าโตแล้วนี่นา” ดีเหลือเกิน สายตาของนางยังคงดีอยู่ เพราะแววตาของท่านอาจี้ไม่มีแววโหดร้ายเหี้ยมเกรียม
“นายท่านถูกคนในวงการเดียวกันลงมือ ความจริงเรื่องทั้งหมดกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ที่ต้องรีบเผาศพเพราะไม่อยากให้คุณหนูต้องมาเห็นสภาพผิดปกติของนายท่าน”
“จริงหรือ” ฟังดูสมเหตุสมผล เมื่อบิดานางเป็นเจ้าของผลประโยชน์ต่างๆ มานาน การที่มีคนในวงการเดียวกันริษยาย่อมมีความเป็นไปได้ “แล้วเหตุใดท่านอาจี้จึงถามข้าว่าจะกลับไปคฤหาสน์สกุลจย่ากับคุณชายรองเป่าหรือไม่”
“ตอนคุณชายรองเป่ามาถึงบ้านใหม่ๆ ได้บอกเรื่องที่นายหญิงผู้เฒ่าจัดการเรื่องแต่งงานของพวกท่านสองคนให้รู้แล้ว”
หลินไต้อวี้ปิดเปลือกตาลงอย่างพูดไม่ออก คนผู้นั้นรีบประกาศเรื่องของพวกเขาสองคนตั้งแต่มาถึงคฤหาสน์สกุลหลินเลยหรือ “ท่านอาจี้ไม่ต้องไปสนใจเขา เรื่องนี้ใช่ว่าพวกเขาสั่งอย่างไรก็ต้องได้ตามนั้น”
“แต่ถ้านายหญิงผู้เฒ่าอนุญาตแล้วไม่ยอมทำตาม…”
“ท่านอาจี้ ท่านพ่อข้าเพิ่งจากไป ข้าตั้งใจไว้ทุกข์สามปี และอีกสามปีให้หลังข้าตั้งใจจะแต่งงานกับพี่จี้” หลังกล่าวจบหลินไต้อวี้สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นดวงตาเรียวรีของจี้ไหวเบิกโตเท่านี้ ทำให้นางพลอยตกใจไปด้วย
“ไม่ได้ขอรับ!” จี้ไหวตะโกนจนคอเกือบแตก
ต้องตกใจกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ ท่านอาจี้? ทำเอาหนอนนิทราของนางตกใจจนเผ่นหนีไปหมดแล้ว
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 24 ก.ค. 62)