หรือทั้งหมดเป็นนางนึกวาดภาพเหลวไหลว่าพวกเขาเป็นคู่กันไปเอง แท้จริงแล้วทั้งสองคนไม่ได้มีความรู้สึกฉันชู้สาวต่อกัน เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ให้นางยืมตัวพี่จี้ ทำให้หลินไต้อวี้อับจนหนทางจนต้องตัดสินใจกลับคฤหาสน์สกุลจย่าไปเช่นนี้!
หลินไต้อวี้คิดในใจว่าถ้านางยกเลิกการแต่งงานตอนนี้จย่าเป่าอวี้จะต้องบีบคอนางตายคามือแน่ๆ แต่…ช่างเถอะ! ถึงอย่างไรนางก็ตกลงกับจย่าเป่าอวี้เอาไว้แล้ว ต่อไปเรื่องอยู่ดีกินอร่อยล้วนต้องอาศัยเขา เวลานี้ปล่อยให้เขาอวดเบ่งไปสักพักก็คงไม่เป็นอะไร
เมื่อกำหนดแผนได้แล้ว หลินไต้อวี้ก็คร้านจะคิดมากอีก ถึงอย่างไรเรื่องการซื้อขายที่ดินและบ้านล้วนมีจี้ไหวคอยจัดการ ส่วนเรื่องจุกจิกจิปาถะในบ้านล้วนมีจี้เฟิ่งปาคอยสะสาง เวลานี้หลินไต้อวี้อยากแต่จะกินของอร่อยในเมืองหยางโจว นางจึงลากเสวี่ยเยี่ยนกับฉินเข่อชิงไปตระเวนหาของอร่อยๆ กินตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ดูสิๆ นี่คือสามเศียรแห่งงานเลี้ยงเมืองหยางโจว…หัวปลาหม้อไฟ หัวหมูหัน กับหัวสิงโตเนื้อปู! มันปูสดใหม่อัดแน่น หัวปลาเนื้อเด้งนุ่มและเป็นมันวาวยกมาพร้อมเตาอย่างเอาใจใส่ในรายละเอียด ใช้วิธีการปรุงเฉพาะตัวให้คงรูปลักษณ์เดิมแต่กระดูกกลับเปื่อยยุ่ย ยิ่งพอน้ำปรุงรสซึมเข้าไปในเนื้อจะช่วยเพิ่มรสสดใหม่ หอมยวนใจให้มากยิ่งขึ้น การตกแต่งประณีตบอกถึงฝีมือการใช้มีดที่เฉียบขาด เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง!
ตอนนางมีวาสนาได้เจอกับพ่อครัวใหญ่ สองตาของหลินไต้อวี้เปล่งประกายแววชื่นชมอย่างที่สุด นางมองจนพ่อครัวใหญ่อายุเกือบครึ่งร้อยหน้าแดงก่ำทันตา
“พอแล้วน่าสะใภ้รอง” จย่าเป่าอวี้ทำหน้าตึงใส่นาง พยายามบังคับให้นางมองหน้าเขา
แต่ก็เป็นเหมือนเดิมคือไฟร้อนมอดหมด หิมะตกเกลื่อนให้ความรู้สึกวังเวงยิ่งกว่าปลายฤดูใบไม้ผลิที่ด้านนอก
“เหตุใดท่านต้องมาคอยตามข้าด้วย” หลินไต้อวี้ถามเสียงเย็น
เห็นอยู่ว่านางไม่ได้เชิญ แต่จย่าเป่าอวี้กลับทำเหมือนแผ่นกาวที่พอนางเดินไปที่ใดเป็นต้องตามไปด้วย…หน้าตานางเหมือนแม่นมหรือ
“เวลาพวกสตรีออกนอกบ้าน การตามมาดูแลเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักฟ้าดิน” สีหน้าของจย่าเป่าอวี้แลดูเยือกเย็นกว่านาง น้ำเสียงก็เย็นชากว่านาง ความเคร่งขรึมจริงจังก็อยู่ในระดับเดียวกันกับนาง
หลินไต้อวี้กลอกตา แต่เพราะอาหารเลิศรสอยู่ตรงหน้านางจึงไม่คิดอยากต่อปากต่อคำกับเขาเพื่อที่ท้องไส้จะได้ไม่ต้องพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ต่อไปพวกเขาต้องอยู่อย่างตัวติดกันอีกนาน เหตุใดเวลานี้เขาจึงไม่ให้นางเป็นอิสระสักนิด ใจคอจะไม่ให้ผู้อื่นได้มีทางรอดบ้างเชียวหรือ
ดูท่าจย่าเป่าอวี้จะไม่ปล่อยให้หลินไต้อวี้มีทางรอดจริงๆ เพราะก่อนที่นางจะกลับจินหลิง นางเป็นต้องมีเขามากินของอร่อยด้วยทุกมื้อ ทำให้หลินไต้อวี้หงุดหงิดไปตลอดการเดินทางกลับจนไม่อยากพูดคุยกับจย่าเป่าอวี้อีก
ทันทีที่ไปถึงจินหลิง คณะเดินทางไม่ได้กลับเข้าคฤหาสน์สกุลจย่าทันที แต่ไปที่บ้านที่หลี่กุ้ยจัดเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว หลินไต้อวี้เข้าอยู่ได้โดยไม่เรื่องมากและมอบหมายงานทุกอย่างให้จี้ไหวจัดการ ได้ยินว่าเขาต่อรองราคาหนักมาก และที่ดินอีกหลายแห่งก็ไม่รอดไปจากทักษะการเจรจาอย่างมีจุดยืนแน่วแน่แต่นุ่มนวลของเขา ทำให้สามารถกดราคาซื้อลงไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลินไต้อวี้ให้ความสนใจ เพราะสิ่งที่นางให้ความสนใจคือ…
“ท่านยังไม่กลับคฤหาสน์สกุลจย่าอีกหรือ” คนผู้นี้ถึงบ้านแล้วไม่ยอมเข้าบ้าน ช่างเป็นลูกหลานอกตัญญูของสกุลจย่าจริงๆ
“คอยเจ้า”
“คอยข้าด้วยเหตุใด”
“กลับไปแต่งงานที่คฤหาสน์สกุลจย่า”
“ตอนนี้ข้ายังอายุไม่ถึงสิบสองด้วยซ้ำนะ!” จะรีบร้อนอะไรกันนักหนา ถึงนางบอกว่าจะแต่งแต่ก็ไม่ใช่แต่งตอนนี้ ขนาดเล่นตุ๊กตาแต่งงานยังไม่เล่นกันเช่นนี้เลย!
“ไม่เป็นไร แต่งล่วงหน้าได้”
“หา?”
นี่เขาจริงจังหรือล้อเล่นกันนี่!
โปรดติดตามตอนต่อไป…