ทดลองอ่าน นิรันดร์บรรจบ บทที่ 4 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน นิรันดร์บรรจบ บทที่ 4

คุณปู่เหนือและคุณย่าตุ่นมีประเพณีแปลกประหลาดอย่างหนึ่งคือหลังมื้ออาหารสิ้นสุดทั้งสองจะออกมานั่งดูดาวอยู่บนเฉลียงกว้างแทบทุกคืน จากมุมนี้จะมองเห็นความมืดโอบล้อมจนหุบเขาเหลือเพียงเงาลดหลั่น คุณปู่เหนือจะเปิดเพลงจากเครื่องเล่นเสียงเก่าเก็บ ให้ดนตรีสะบัดคว้างกลางความสงัดงัน แว่วแผ่วเบาไปกับสายลมเชยซึ่งจะหอบหายไปในไพรป่า ขณะที่บางครั้งคุณย่าตุ่นจะทอดมองออกไปในทิศทางเดียวกัน…สู่เรื่องราวเก่าก่อนซึ่งไม่เคยจางไปจากความทรงจำ

“ถ้าเป็นสมัยสาวๆ หน่อย ย่าก็จะชวนปู่เต้นรำด้วย”

หญิงชราเล่าพลางจิบน้ำขิงอุ่นในมือ มองลานโล่งของเฉลียงเล็กน้อยขณะเอียงพิงผู้เป็นสามี ใกล้กันคือลูกชุบรูปร่างประหลาดตาสำหรับคุณปู่เหนือโดยเฉพาะ

“ปู่น่ะอยู่แต่บนป่าบนดอย เรื่องพรรค์นี้เค้าไม่ถนัด ส่วนไอ้เรารึก็สาวเมืองกรุง อะไรบันเทิงหน่อยขอให้บอกเชียว สู้ไม่ถอย”

“ไม่ถอยจริงๆ บางทีเหยียบเท้าปู่ก็ยังทำเฉย” ชายชราเจ้าของไร่ทอดถอนใจทีเล่นทีจริง เรียกเสียงขบขันจากทั้งคุณย่าตุ่นและชายหญิงทั้งสอง

“เพราะคุณไม่เข้าใจจังหวะของผู้หญิงต่างหากล่ะคะ ใช่มั้ยจ๊ะ หนูลิตา”

คนถูกถามสะดุ้งขึ้นเบาๆ เธอกวาดตามองรอบกายก่อนชำเลืองขึ้นไปบนดาราวับวาวเบื้องหน้า ใคร่ครวญครู่สั้นๆ พลางเอ่ยตอบ “ลิตาไม่ได้เต้นนานมากแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ชักจะลืมๆ ไปซะส่วนใหญ่”

“ไหนๆ แล้วก็ทวนความจำเสียตอนนี้เลยสิจ๊ะ จริงไหมตาภีม”

คุณย่าตุ่นทอดเสียงอ่อนหวานถึงหลานชายพร้อมสะกิดผู้เป็นสามีให้เปลี่ยนเพลงใหม่ด้วยรอยยิ้มกว้าง รอบกายเงียบสนิทเพียงครู่สั้นๆ แล้วบทเพลงแว่วหวานก็เริ่มบรรเลง

…ถึงจะสิ้น วิญญาณกี่ครั้ง

ฉันก็ยัง รักเธอฝังใจ

ถึงจะสิ้น ดวงจันทร์ไฉไล

ไม่เป็นไร เพราะยังมีเธอ…

ลลิตาเคลื่อนสายตาจากท้องฟ้าระยับดาวพราวมายังคนข้างกาย เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันมามองเธอเช่นกัน ภีมค้างสายตาครู่สั้นๆ พอดีกับลมดินแดนเหนือกระสาเชยเข้ามาอีกระลอก หอบกลิ่นดอกราตรีฟุ้งอวลทั่วเฉลียงกว้าง เคล้าเคลียไปกับบทเพลงจากยุคสมัยเก่า ภายใต้อากาศหนาวของหุบเขาฉ่ำน้ำค้าง

…ฟ้าจะมืด จะมัวช่างฟ้า

ขอให้มี สายตาหวานละเมอ

ถึงจะสิ้น แผ่นดินนะเธอ

ให้ได้เจอ ยิ้มเธอชื่นใจ…

…หญิงสาวเลิกคิ้วสงสัย เมื่อมือซึ่งเรียวคล้ายอิสตรีคู่นั้นยื่นเข้ามาหา ลลิตามองกลับพร้อมประกายคำถามในแววตา ก็เป็นอีกฝ่ายที่ยังคงเอ่ยอย่างง่ายๆ

“เต้นรำกันมั้ยคุณ”

…ไม่ได้ชิด ก็ขอเพียงได้ชม

ไม่ได้สม ไม่เห็นแคร์อะไร

ขอให้ได้รัก ข้างเดียวเข้าไว้

ไม่เช่นนั้น ใจฉันคงหลุดลอย…

คนถูกขออย่างซื่อๆ กะพริบตาปริบๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง การเต้นรำเดียวที่เธอเคยทำคือการเรียนเต้นภาคบังคับสมัยมัธยมซึ่งก็ผ่านมานานจนแทบจะลืมไปหมดสิ้น จึงไม่อาจตอบตกลงได้อย่างมั่นอกมั่นใจเท่าใดนัก แต่จะเพราะมึนงงกลิ่นดอกไม้จากริ้วพระพาย หรือภวังค์ประกายดาวที่สะท้อนผ่านดวงตาของเขาก็ไม่ทราบได้…ในความเลื่อนลอยราวฝันไปนั้น ลลิตาก็ยื่นมือไปหาเขา…ก้าวเดินไปตามการนำพาใต้เวิ้งฟ้ากว้าง

ภีมพินิจมือของหญิงสาวที่ตนกำลังกุมไว้ คิ้วเข้มขมวดมุ่นโดยไม่รู้ตัวขณะขยับนำไปตามจังหวะดนตรี

“ทำไมเหรอคะ”

ลลิตาสังเกตเห็นและอดจะร้อนตัวนิดๆ ไม่ได้เพราะมือตัวเองค่อนข้างจะหยาบ การอยู่กับยายเพียงสองคนทำให้เธอรับผิดชอบงานบ้านหลายอย่างตั้งแต่เด็ก คงแตกต่างกับเขาผู้มีชีวิตอย่างสะดวกสบายมาโดยตลอด ทว่ากลับต้องเป็นฝ่ายประหลาดใจเสียเองเมื่อชายหนุ่มพึมพำตอบโดยยังไม่เคลื่อนสายตาไปจากมือของเธอแม้แต่น้อย

“แปลก ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกใจที่จับมือคุณได้” เขากระชับมือเธอแน่นคล้ายลืมตัว ทั้งยังพลิกพินิจไปมา “เหมือนกับว่าที่ผ่านมา…ผมคิดว่าไม่สามารถแตะตัวคุณได้อย่างไรอย่างนั้นแหละ”

ดุจรอยเขียนบนเนินทรายซึ่งในตอนท้ายจะจบลงด้วยการถูกน้ำทะเลซัดหาย ทว่ารอยล่าสุดยังคงอยู่อย่างเลือนรางพอให้จับทางอ่านได้…มันอาจสลายลงเมื่อคลื่นอีกระลอกมาถึง กลบฝังภายใต้การซัดสาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภีมรู้สึกตามที่กล่าวจริงทุกประการ…เหมือน ก็แค่เหมือน…ว่าตัวตนของลลิตาในจิตใต้สำนึกของเขาปรากฏอยู่ราวนางไม้หรือภาพฝันที่กระจ่างชัดหากไม่อาจสัมผัสถึง เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงจดจำเธอไว้ในลักษณะเช่นนี้ คล้ายว่ามีความกลัวหนึ่งซึ่งลอบแฝงเร้นเงียบงัน มันปนเปื้อนอยู่ข้างในโดยไร้สาเหตุ เล็กจ้อย บางเบา หากก็มีอยู่จริงๆ

ความกลัวที่ว่าหญิงสาวอาจสลายหายไปในสักวัน

เพียงเท่านั้นคนที่ถูกคิดว่า ‘ไม่มีตัวตน’ ด้วยเหตุผลอันซับซ้อนอย่างที่แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจหาคำตอบได้ก็หลุดหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่แทบจะสะท้อนไปกับหุบเขากว้างและเลือนหายไปในกล้วยไม้ลึกลับสักดอกกลางพงไพร…

“คุณพูดอย่างกับว่าฉันเป็นวิญญาณ” ว่าพลางมองมือของตนก่อนผินหน้ากลับมาหาอีกฝ่าย “คุณภีมคะ…ฉันเป็นคนนะ…เป็นมนุษย์เหมือนอย่างคุณนั่นล่ะค่ะ”

ถ้อยประโยคสุดท้ายมาพร้อมเสียงหัวเราะแผ่วอีกระลอก เป็นรอยยิ้มซึ่งแตกต่างจากการยิ้มตามมารยาทที่เธอมีอยู่เป็นประจำ คล้ายกับว่ารอยยิ้มที่แท้จริงของลลิตาผลิบานผ่านแววตาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยๆ แย้มเยื้อนมายังริมฝีปากทีหลัง…และโดยไม่รู้ตัว ภีมก็ให้จดจ้องรอยยิ้มนั้นนิ่งงัน…ลมหนาวหรือแม้แต่เวิ้งดวงดาวพลันเลือนในชั่วขณะ ชายหนุ่มถูกกลืนหายภายใต้รอยยิ้มแรกอันดูคล้ายคุ้นเคยเนิ่นนานในความทรงจำ…

…ถึงโลกแตก แหลกราญสิบครั้ง

ฉันก็ยัง หวังใจรอคอย

แม้จะสิ้น วิญญาณเลื่อนลอย

ก็จะคอย พบเธอชาติอื่นเอย…

“ทีหลังยิ้มบ่อยๆ นะ”

เสียงทุ้มกระซิบอ่อนจนคล้ายจะดังอยู่ริมโสต ทำให้ลลิตาเผลอชะงักค้างกับแรงกระเพื่อมบางอย่างซึ่งลอบไหวสั่นอยู่ภายใน…

“คุณเหมาะกับรอยยิ้มมากจริงๆ…”

Comments

comments

Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com