บทที่สาม
ไป่หลี่ซีมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั่วร่างของนางสกปรกมอมแมม เพียงดูก็รู้ว่าไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน แล้วยังท่าทางที่ทั้งหิวทั้งเหนื่อยอีก สภาพเหมือนหญิงสาวที่หนีภัยมาอย่างแท้จริง แต่เขาไม่ปริปากแสดงท่าที รอดูว่านางจะพูดอะไร
“พี่ชาย ข้าขออภัยด้วยที่บุกรุกเข้ามาในกระท่อมของท่านโดยไม่ได้เจตนา ทั้งยังยึดครองเตียงของท่าน ต้องขออภัยท่านอย่างยิ่ง” อูมู่ฉินค้อมคำนับไปทางเขา จากนั้นก็ยืนอยู่ที่นั่นมองเขาอย่างทึ่มทื่อ
เขาไม่ได้ตอบ และไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ หันหน้ากลับไปผ่าฟืนต่ออย่างไม่สนใจนาง
อูมู่ฉินคิดในใจ มิน่าคนในหมู่บ้านต่างบอกว่าหม่าเฉวียนผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด แต่ก็ดี เขาไม่พูดจา จะได้ไม่ต้องมาถามโน่นนี่กับนาง ทำให้นางตัดเรื่องยุ่งยากออกไปได้มาก
เพื่อหลบหลีกการตามจับของตันไหวชิง นางได้ปลอมแปลงโฉมบนใบหน้า ใช้ยาแปลงโฉมเป็นสุดยอดวิชาเฉพาะตัวของหุบเขาหมื่นบุปผา ไม่เหมือนกับวิธีแปลงโฉมที่เอาสิ่งของติดบนใบหน้า ยาที่นางทาสามารถเปลี่ยนแปลงรูปหน้าและอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้า ปิดบังรูปโฉมที่งดงามของนางไว้เจ็ดส่วน เหลือความเป็นหญิงงามในหมู่ชาวบ้านอยู่สามส่วน เหมาะสมยิ่งกับการแต่งตัวเป็นหญิงชาวบ้านของนางในเวลานี้
ในเมื่อหม่าเฉวียนไม่มีข้อคิดเห็นที่นางบุกรุกเข้ามาในบ้าน นางก็จะไม่ถือเคร่งในกรอบแล้ว จึงหมุนตัวเดินไป ยามนี้นางหิวจนท้องแทบแบนติดแผ่นหลังจึงตัดสินใจเดินไปหาของกิน
นางได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาแต่ไกล จึงเดินตรงไปยังห้องครัว เปิดฝาหม้อ พบว่าในนั้นมีเส้นหมี่เหลืออยู่ จึงหยิบชามหยิบช้อนมาตักเส้นหมี่อย่างไม่เกรงใจ บนโต๊ะมีเนื้อสัตว์และผักเหลืออยู่ นางประคองชามนั่งลง กินเส้นหมี่ไปคำหนึ่ง แล้วก็คีบเนื้อเข้าปากชิ้นหนึ่ง
แหวะ…รสชาติแย่มาก!
นางเอามือปิดปาก เกือบจะคายออกมา เส้นหมี่อืดแล้วนางทนได้ แต่รสชาติของเนื้อสัตว์และผักทำให้คนไม่กล้าสรรเสริญเยินยอจริงๆ พูดหยาบหน่อย อาหารที่ให้หมูกินยังดีกว่านี้
ศิษย์พี่ใหญ่เคยบอก คนทนหิวนานเข้า อาหารง่ายๆ ก็กลายเป็นอาหารเลิศรส นางหิวมาตั้งหลายวัน แต่อาหารรสชาติแย่เหล่านี้ยังคงทำให้ความอยากอาหารของนางหายไปหมด เห็นได้ว่ารสชาติแย่เพียงใด ให้หมูกินหมูยังรังเกียจกระมัง
นางคิดไปคิดมา ในเมื่อนางนอนเตียงของผู้อื่นแล้วก็สมควรตอบแทนบ้าง คิดถึงว่าฝีมือการทำอาหารของนางอูมู่ฉินอยู่ในหุบเขาหมื่นบุปผาก็มีชื่ออยู่ในอันดับหนึ่งอันดับสอง ด้วยเพราะต้องการจะเอาใจอาจารย์จึงได้ฝึกฝนฝีมือการทำอาหารจนชำนาญ ทุกครั้งที่ทำความผิด กลัวอาจารย์จะลงโทษ นางก็จะทำอาหารรสชาติดีขึ้นมาหนึ่งมื้อให้อาจารย์คลายโทสะ เวลาอาจารย์ลงโทษนางจะได้เบามือหน่อย
นางพบว่าที่นี่วัตถุดิบในห้องครัวมีน้อยจนน่าสงสาร ก่อนจะเจอหลุมเก็บอาหาร จึงเอาเนื้อสด ผักป่าออกมาจำนวนหนึ่ง ยังมีแป้งหมี่หยาบ นางนวดแป้ง ใส่น้ำมันใส่เครื่องปรุงรส แล้วย่างเป็นแผ่นแป้งออกมา ก่อนจะเอาเครื่องเทศที่คิดขึ้นและทำเองเทลงไปบนเนื้อสัตว์แล้วหมักไว้ จากนั้นก็เอาไปผัดเร็วๆ ผักป่าก็เอาก้านที่ขมออก เหลือส่วนที่กรอบอ่อนไว้ แล้วก็ทอดไข่ใบหนึ่ง เอาแผ่นแป้งย่างห่อส่วนผสมทั้งหมดที่ทำเป็นไส้เอาไว้
นางทำออกมาสองชิ้น กินเองชิ้นหนึ่งเติมท้องให้อิ่ม อีกชิ้นหนึ่งวางไว้ในหม้อและปิดฝาเอาไว้ นางระบายลมหายใจออกมาด้วยความพอใจ ตอนหลบหนีเพื่อจะไม่ให้ตันไหวชิงพบร่องรอย กระทั่งกินอาหารก็ต้องพยายามลดน้อย เพื่อจะได้ไม่ทิ้งเบาะแสใดๆ ไว้ มีเพียงกินอาหารอยู่ในบ้านชาวนาจึงจะไม่ถูกคนสงสัย
ไป่หลี่ซีแม้จะกำลังผ่าฟืน หางตากลับคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของนางตลอดเวลา กลิ่นหอมของเนื้อสัตว์โชยมาจากห้องครัว เขาไม่ได้ขัดขวางนางทำอาหาร ถ้าหญิงผู้นี้ถูกส่งตัวมาเพื่อสอดแนมเขา เขาก็ยิ่งต้องรอบคอบระมัดระวัง ก่อนจะยืนยันให้แน่ใจ ไม่อาจแตะต้องนางชั่วคราว ทั้งนี้จะได้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น ทว่ากลิ่นหอมของเนื้อสัตว์กลับทำให้ท้องเขาร้องจ๊อกๆ ด้วยความหิว
ผ่าฟืนเสร็จแล้วเขาวางขวานลง เดินไปทางห้องครัว ในห้องครัวไม่มีคน แต่ในหม้อที่อยู่บนเตามีตัวอักษรเขียนด้วยถ่านอยู่บรรทัดหนึ่ง
‘ขอบคุณมาก มู่เอ๋อร์’