บทที่ 2
ความเยอะในระดับพอดีสำหรับซุป’ตาร์
หลังจากพาเด็กๆ ไปเที่ยวชมสวนสัตว์เปิดกันเสร็จเรียบร้อย ณชาก็เลือกพาทุกคนไปทานข้าวกลางวันที่ร้านโปรดของเธอต่อ
“อย่าบอกว่าเลือกมาร้านนี้ก็เพื่อจะตามรอยเจสกับเชอรีล วันก่อนเห็นในข่าวเขาควงกันมากินที่นี่” พสินเอ่ยขึ้นขณะที่มาร์กี้กับลีโอพากันเริ่มรับประทานอาหารด้วยความหิวโหยอย่างเอร็ดอร่อย
“พี่คะ อย่ามโน!” ณชาขึ้นเสียงอย่างเอาเรื่อง “ไม่เกี่ยวเลย นี่มันร้านโปรดที่ณชามาประจำได้สองสามปีแล้ว!”
“อ้าว…เหรอ” พสินแกล้งทำทีเหมือนไม่เชื่อเพื่อจงใจกวนอารมณ์เธอ “ขอโทษนะที่พี่เข้าใจผิด”
“แล้วจะพูดขึ้นมาให้คนอื่นเขาหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้ อุตส่าห์ไม่นึกถึงแล้วแท้ๆ รู้ไหมคะว่าณชานี่แหละที่เป็นคนพาเจสมาแนะนำให้รู้จักกับร้านนี้ แล้วเขาก็ชอบมาก ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาจะหยามหน้ากันด้วยการพาผู้หญิงคนอื่นมาทานข้าวที่นี่จนเป็นข่าวไปทั่ว!”
“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะณชา เจสไม่ได้คิดอะไรกับณชา ซึ่งเขาก็แสดงออกชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ที่บางครั้งเขาไม่ได้พูดตรงๆ ก็เพื่อถนอมน้ำใจในฐานะที่ณชาเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวเขา แล้วยังมีส่วนช่วยให้ลูกๆ เขาเข้ากันได้ดีขึ้นด้วย”
ณชาเบ้ปาก แล้วหวนนึกถึงความพยายามทุ่มเทของตัวเองที่ผ่านมา ในความเจ้ากี้เจ้าการให้เจมี่กับมาร์กี้และลีโอ ลูกๆ ของเจสที่เป็นลูกคนละแม่ สามารถเข้ากันได้ อีกทั้งยังยอมรับในตัวกันและกันได้เป็นอย่างดี รวมถึงพวกเขายังยอมเปิดใจและยอมรับในตัวพ่ออย่างเจสได้มากขึ้นด้วย
“แล้วที่เขาดีกับณชา อาจเพราะเห็นว่าณชาเป็นเพื่อนที่ดีของลูกเขา ซึ่งก็คงเป็นเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของเขาด้วย ดังนั้น มันก็ไม่ผิดที่เขาจะพาแฟนมากินข้าวร้านที่ลูกสาวช่วยแนะนำ…”
ณชามองพสินเหมือนอยากจะกรีดร้องออกมา โกรธที่เขาเข้าข้างเจสเต็มปากเต็มคำอย่างไม่เห็นแก่เธอ อีกทั้งยังมาตอกย้ำให้เธอช้ำใจอีกต่างหาก แต่หญิงสาวพยายามข่มใจและสงบเสงี่ยมเอาไว้ เพราะรู้ตัวดีว่าแค่มานั่งอยู่ตรงนี้เธอก็เป็นเป้าสายตาให้คนที่อยู่โดยรอบสะกิดกันมองและเม้าท์กันมากพออยู่แล้ว ถึงแม้ภาพลักษณ์เธอตอนนี้จะดูเละเทะในสายตาชาวบ้านอยู่บ้างบางส่วน และเธอเองก็ทำทีเป็นแสดงออกเสมือนไม่แคร์อะไร แต่ลึกๆ แล้วก็ไม่ได้อยากให้มันดูย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้
“พี่ว่านะ ณชาตื๊อไปก็เสียแรงเปล่า ยิ่งออกตัวแรงแล้วมโนเป็นตุเป็นตะแบบนี้ผู้ชายเขายิ่งกลัวแล้วถอย แล้วอย่างเจสน่ะไม่มีทางใจอ่อนแน่ เพราะเขาไม่เคยมีประวัติพัวพันกับผู้หญิงที่เด็กกว่าขนาดนี้เลยไม่ใช่เหรอ สเป็กเขาแต่ละคนรูปร่างหน้าตาบุคลิกต้องระดับท็อปโมเดลทั้งนั้น แม้แต่คุณแม่ของเจ้าสองเสือนี่…” พสินบุ้ยปากพยักพเยิดไปทางเด็กๆ ที่ทานข้าวอยู่ “ก็เป็นผู้หญิงหุ่นนางแบบโซนยุโรปผิวเข้มหน้าตาคม…ความสวยยูนีคระดับอินเตอร์ เขาคงเห็นณชาเป็นลูกสาวตัวกระเปี๊ยกมากกว่า นี่ถ้าไม่รักไม่ห่วงพี่คงไม่เตือนเธอตรงๆ แบบนี้หรอก”
“พี่พีทไม่รู้อะไรอย่ามาพูดเลยดีกว่า ถ้าเจสไม่มีใจให้สักนิด…เขาคงไม่มองณชาอย่างอ่อนโยนเสมอ ไม่รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงละมุนละไมแบบนั้น แล้วก็คงไม่ใจดีให้ของขวัญวันเกิดเป็นสิ่งที่ณชากำลังอยากได้อยู่พอดีหรอก เขาใส่ใจณชามากเลยรู้ไว้ด้วย”
“ก็บอกแล้วว่าเขาคงเอ็นดูณชาเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง”
“พอๆๆ เลิกพูดเถอะค่ะ ขี้เกียจเถียงแล้ว”
“งั้นก็เลิกมโนด้วยสิ หรือไม่ก็เพลาๆ ลงหน่อย ตัวเองเป็นผู้หญิงแท้ๆ หัดรักษาภาพลักษณ์หน่อย”
“แล้วใครเป็นคนกำหนดมิทราบคะ ว่าผู้หญิงไม่มีสิทธิ์รุกหรือตื๊อผู้ชายก่อน”
“ก็ไม่มีใครกำหนดหรอก พี่แค่เตือนเพราะเป็นห่วง”
“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ น้องดูแลตัวเองได้!” ณชากระแทกเสียงตอบกลับอย่างประชดประชัน “ถ้าไม่มั่นใจว่าเจสมีใจให้นิดๆ ณชาก็คงไม่เสียเวลาฝันหวานขนาดนี้ แต่นี่มั่นใจมากจริงๆ เพราะพอจะอ่านสายตาลึกซึ้งของเจสออก ว่าลึกๆ แล้วเขามีใจให้แน่นอน ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจนะคะ สายตาเขาโกหกณชาไม่ได้หรอกค่ะ!”
พสินฟังแล้วได้แต่มองคนขี้มโนแถมยังมั่นใจเกินร้อยด้วยอาการกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย “ยิ่งเห็นแบบนี้พี่ยิ่งต้องช่วยดึงสติ”
“แต่คำพูดแต่ละคำของพี่พีทไม่เรียกดึงนะคะ เรียกกระทืบสติเลยต่างหาก ไหนบอกว่าชอบเราไง แล้วทำไมใจร้ายกับเราขนาดนี้!”
“ก็บอกแล้วว่าทำไปเพราะเป็นห่วง เจสไม่มีทางมองณชาหรอก ลืมตาดูความจริงซะทีเถอะ”
“ใช่แล้วล่ะ แด๊ดดี้ของเลาไม่ชอบเธอหรอก แด๊ดดี้มีแฟนฉวยมาก ไม่อยากเป็นแฟนเธอชะหน่อย”
“เธอไม่รู้อะไรก็อย่าพูดมากอีกคนเลยลีโอ จริงๆ แล้วแด๊ดดี้เธอน่ะชอบพี่ที่สุด รู้ไว้ด้วย!”
“ณชา…อ่อนโยนกับเด็กหน่อย” พสินปราม แต่ไม่ทันขาดคำก็โดนคนไม่อ่อนโยนหันมาค้อนแรงจนตาคว่ำ
“ไม่จริง…แด๊ดดี้ของเลาไม่ได้ชอบเธอ เธอไม่เห็นฉวยเลย”
“ฉันไม่สวยตรงไหนยะ!”
“อือออ…เธอฉวยนิดนึงก็ด้ะ แต่มามี้ของเลาฉวยกว่าาา แฟนแด๊ดดี้ก็ฉวยกว่าเยอะมากกก”
“แต่ฉันน่ารักกว่าตั้งเยอะเลยนะ!”
“มามี้กับแฟนแด๊ดดี้น่ารักกว่าต่างหาก ใช่มะชับบบ…แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ไม่ได้ชอบพี่ชาชาซะหน่อยเนอะ!”