ท้องฟ้าสว่างแล้ว ยามที่แสงอาทิตย์ค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น บนเรือก็ยังมีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นแผ่ออกไปทั่วสารทิศซึ่งมาจากซากศพที่ถูกตากแดดเหล่านั้น
เรือยังคงแล่นต่อไปบนผืนสมุทรอย่างเงียบเชียบ บ่าวรับใช้ทั้งหมดต่างถูกคนชุดดำมาแทนที่ พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเป็นชุดของบ่าวรับใช้ มีบางส่วนเดินตรวจตราผืนน้ำอันเงียบสงบ บางส่วนรับผิดชอบในการเดินเรือ บางส่วนก็ยุ่งวุ่นวายอยู่ในเรือ กับบรรดาศพนองโลหิตที่ยังไม่จัดการให้เรียบร้อย แม้แต่คิ้วของพวกเขาก็ไม่ขมวดเลยสักนิด
ในห้องพักหรูหราที่ชั้นบนสุด หน้าต่างไม้ครึ่งวงกลมสลักลายบุปผาและนกเปิดอยู่ครึ่งบาน ลมทะเลพัดเข้ามาเบาๆ ส่วนภายในห้องก็จุดด้วยไม้กฤษณา ซึ่งช่วยขจัดกลิ่นคาวโลหิตที่ลอยเข้ามาตามลมได้ตลอดเวลา
เว่ยหลันโจวนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสง่างาม ศอกขวาวางอยู่บนโต๊ะ ส่วนมือก็เท้าคางพลางจับจ้องไปที่เด็กสาวตัวนุ่มนิ่มที่ยังคงนอนหมดสติอยู่บนเตียงตาไม่กะพริบ เด็กคนนี้ช่างไม่เชื่อฟังเสียเลย!
แล้วก็โชคดีที่การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวมากพอ ถึงทะยานร่างไปรับดาบนั้นได้ทันท่วงที มิฉะนั้นตอนนี้นางก็คงตายไปแล้ว
ที่รอบๆ โต๊ะกลมมีเด็กรับใช้อายุสิบขวบสามคนที่รูปโฉมแตกต่างกันยืนเรียงแถวอยู่ พวกเขาล้วนเป็นเด็กรับใช้ข้างกายเว่ยหลันโจว แล้วก็เป็นลูกศิษย์ตัวน้อยที่กราบไหว้เขาเป็นอาจารย์เพื่อศึกษาเล่าเรียนวิชาแพทย์
ยามนี้แววตาสนใจใคร่รู้ของพวกเขาต่างก็มองกลับไปกลับมาบนใบหน้าของฉู่ซินเถียนกับเว่ยหลันโจว
“ท่านอ๋องแย่งกินอาหารของนางกลางดึกหรือ ดูนางกลมๆ ขาวๆ ฝีมือทำอาหารก็น่าจะอร่อยเหมือนกับตัวนางใช่หรือไม่ มิฉะนั้นท่านอ๋องจะไปเยือนทุกราตรีได้อย่างไร” ผู้ที่พูดคือเฮอจื่อ เขามีใบหน้ากลม อ้วนเล็กน้อย แล้วก็เป็นผู้ที่รักการกินที่สุดในเด็กทั้งสามคน
เว่ยหลันโจวมองดูเฮอจื่อซึ่งถือเป็นลูกศิษย์ที่มีฝีมือทางการรักษาดีที่สุดในบรรดาเด็กทั้งสามคน “หลังทำงานเสร็จ ข้ารู้สึกหิวถึงได้ไปหานางเพื่อเติมเต็มท้องของตนเอง ถือว่าแย่งกินอะไรกัน”
“ใช่แล้ว ท่านอ๋องลำบากตรากตรำยิ่งนัก ออกเดินทางครั้งนี้สามารถพามาได้เพียงพวกเราสามคน วิชายุทธ์ของพวกเราเองก็ไม่ดีพอ ได้แต่ให้ท่านอ๋องเหน็ดเหนื่อยอยู่เพียงผู้เดียวแล้ว ประเดี๋ยวก็ไปอยู่ใต้ร่างโฉมงาม ประเดี๋ยวก็ไปดื่มสุราแสร้งเมา อุตส่าห์หาสถานที่เสวยของอร่อยได้คนเดียวอย่างยากเย็นแล้วแท้ๆ ต่อให้พวกเราจะหิวโหยกว่านี้ก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายเท่านั้น เข้าใจหรือไม่” ผู้ที่กล่าวคือเหลียนจื่อ เขาหน้าตาสะอาดสะอ้าน นับว่ารูปงามทีเดียว แต่ก็ถือเป็นผู้ที่พิลึกพิลั่นที่สุดในบรรดาเด็กรับใช้ทั้งสามด้วย
“ขวัญกล้าแล้วรึ ตั้งใจจะหยุดศึกษาเรื่องยาพิษแล้ว?” เว่ยหลันโจวเลิกคิ้วมองเขา
“อย่านะพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ข้าไม่กล้าพูดจาเหลวไหลแล้ว” เหลียนจื่อรีบปิดปากแน่น ตลอดสามปีกว่าที่ติดตามศึกษาวิชาแพทย์กับเว่ยหลันโจว สิ่งที่เขารักที่สุดก็คือการปรุงยาพิษ หากให้เขาหยุดศึกษาเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าต้องการชีวิตเขาหรอกหรือ
เฮอจื่อกับจือจื่อต่างก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกัน ผู้เป็นนายใช่คนที่จะกล่าววาจาหยอกล้อได้ที่ไหนกัน กระนั้นพวกเขาก็นับถือความกล้าของเหลียนจื่อมากจริงๆ ต่อให้ท้ายที่สุดจะถูกคำพูดประโยคเดียวของท่านอ๋องปิดปากเสียทุกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังกล้าพูดยิ่งนัก
จือจื่อเห็นแววตาของเว่ยหลันโจวกลับไปหยุดอยู่ที่ร่างบนเตียงอีกครั้ง เขาจึงเอ่ย “พวกเราออกไปกันเถอะ ให้ท่านอ๋องได้พักผ่อนดีๆ”
จือจื่อผู้ที่เป็นคนซื่อตรงมักเป็นผู้ออกคำสั่งในบรรดาบ่าวรับใช้ทั้งสามตลอดมา นับว่าเป็นคนที่มีไหวพริบไม่น้อย ในสายตาของเว่ยหลันโจวแล้ว จือจื่อถือเป็นผู้ที่น่าไว้ใจที่สุดผู้หนึ่ง