ทว่าตลอดมาฉู่ซินเถียนไม่ใช่คนละโมบ ยิ่งไปกว่านั้นแค่ขยับปากพูดก็ไม่ได้เปลืองเรี่ยวแรงอะไร เพียงแต่มีบางอย่างที่ต้องพูดกันให้กระจ่างชัดก่อนเท่านั้น “คำพูดตรงไปตรงมามักจะไม่น่าฟังเสมอ และการพูดปากเปล่านั้นไร้หลักฐาน ขอเชิญท่านอ๋องเขียนสัญญาฉบับหนึ่งด้วยเพคะ อ้อ หม่อมฉันอ่านตัวหนังสือออก ท่านอ๋องอย่าได้คิดตบตาหม่อมฉันเป็นอันขาด”
เด็กรับใช้ทั้งสามเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ สาวน้อยผู้นี้สมองไม่ได้มีปัญหาใช่หรือไม่ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเสนอข้อเรียกร้องเช่นนี้ออกมา แต่ที่ทำให้พวกเขายิ่งตกตะลึงก็คือท่านอ๋องกลับยิ้มรับคำแล้วสั่งให้พวกเขาไปเอากล่องเครื่องเขียนมา ก่อนลงจากเตียงแล้วเขียนสัญญา ‘คำพูดตามตรงไร้โทษ’ แผ่นหนึ่งอย่างตั้งใจ ทั้งยังเขียนว่าสามารถได้รับเงินจำนวนหนึ่งลงไปด้วย สุดท้ายเมื่อเขียนวันที่วันนี้ลงไปแล้วเขาถึงได้มอบให้นาง
เว่ยหลันโจวนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มกว้าง มองดูฉู่ซินเถียนซึ่งอ่านยันต์คุ้มครองชีวิตแผ่นนั้นอย่างระมัดระวังยิ่ง ก่อนเห็นนางเป่าน้ำหมึกให้แห้ง จากนั้นจึงพับอย่างเรียบร้อยแล้วเก็บเข้าไปในชายแขนเสื้อ
“อ่านเข้าใจจริงๆ หรือ หากเจ้าไม่เข้าใจก็สามารถถามได้” เว่ยหลันโจวปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่งเช่นนี้เสมอ
แต่ฉู่ซินเถียนกลับไม่คิดเช่นนั้น นางเพียงคิดว่าเขากำลังดูถูก “หม่อมฉันรู้ว่าผู้คนมากมายต่างคิดไปว่าคนเป็นบ่าวจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้หนังสือ แต่หม่อมฉันไม่เหมือนกัน หม่อมฉันใช้ทุกโอกาสที่มีในการลอบเรียนรู้ด้วยตนเอง” นี่ก็เป็นคำพูดที่นางบอกกล่าวแก่ภายนอก มิฉะนั้นย่อมมีผู้ที่สงสัยว่าเหตุใดนางจึงรู้หนังสือมากนัก
เว่ยหลันโจวเผยสีหน้าชื่นชม “ไม่เลว เจ้ามีความก้าวหน้ายิ่งนัก ตอนนี้เจ้าได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือแล้ว สามารถพูดสิ่งที่อยู่ในใจเมื่อครู่นี้ออกมาได้แล้วใช่หรือไม่”
“เมื่อครู่หม่อมฉันกำลังคิดว่าวิชาแพทย์ของท่านอ๋องดูเหมือนจะแค่พอไหวเท่านั้น ทว่ากลับรับเหลียนจื่อ เฮอจื่อ จือจื่อมาอยู่ข้างกายเช่นนี้ การสอนสั่งวิชาแพทย์คงจะเป็นเรื่องโกหก ปรนนิบัติรับใช้ต่างหากจึงเป็นเรื่องจริง” ฉู่ซินเถียนกลืนน้ำลาย พลางมองตรงไปที่ใบหน้าอมยิ้มของเว่ยหลันโจว นี่กำลังให้กำลังใจข้าพูดต่อไปหรือ “จากนั้น หม่อมฉันก็นึกถึงพิษเหมันต์บนร่างของหม่อมฉันขึ้นมาได้ ในเมื่อท่านอ๋องวินิจฉัยโรคออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าท่านก็พอมีฝีมืออยู่เช่นกัน แต่พอนึกไปถึงเรื่องที่ท่านอ๋องมีบัญชาให้ลูกน้องสังหารคนโดยตาไม่กะพริบก็รู้ได้ว่า…คนอย่างท่านอ๋องช่างเก็บงำตัวตนลึกล้ำยิ่งนัก วันหน้าหม่อมฉันจะต้องคอยรับใช้อย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงไม่ให้เผลอไปล่วงเกินเข้าจนตายไม่รู้ตัวเพคะ”
เด็กรับใช้ทั้งสามกะพริบตาปริบๆ เด็กสาวผู้นี้ออกจะซื่อตรงเกินไปแล้ว อนุญาตให้นางพูดตรงไปตรงมาได้ นางก็พูดออกมาทั้งหมดจริงๆ หรือ
เว่ยหลันโจวกลับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับวาจาเหล่านี้ของนางเท่าไรนัก “แล้วอย่างไรต่อ”
เขาหันไปมองจือจื่อคราหนึ่ง จือจื่อนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนหยิบถุงเงินออกมาจากในสาบเสื้ออย่างเข้าใจ แล้วหยิบเงินหนึ่งตำลึงในนั้นออกมามอบให้ฉู่ซินเถียน
ฉู่ซินเถียนรับเงินไปด้วยดวงตาที่แฝงรอยยิ้ม ก่อนจะใส่เข้าไปในช่องลับของชายเสื้อ “หม่อมฉันรู้สึกว่าท่านอ๋องก็หาใช่คนที่เลวร้ายเกินไปนัก หากมีวิชาแพทย์ยอดเยี่ยมจริงๆ ก็สามารถเปิดเผยให้คนนอกรู้ได้ว่าท่านมีความสามารถเช่นนี้ ท่านสามารถช่วยเหลือผู้อื่น ตรวจรักษาให้กับชาวบ้านที่ต้องการ สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อเสียงเลวร้ายของท่านได้ด้วย”
“ข้ามีฐานะสูงส่ง เดิมทีก็ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างอิสรเสรี เหตุใดจึงต้องลดตัวไปช่วยเหลือผู้อื่นด้วยเล่า แค่คิดก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่สนใจความคิดของผู้อื่นมาแต่แรกแล้ว”
ฉู่ซินเถียนพลันหุบยิ้มลง