เว่ยหลันโจวถูกการกระทำของฉู่ซินเถียนทำให้ขบขันแล้ว “เจ้าไม่เข้าใจ นับแต่โบราณมาวีรบุรุษค่อนข้างโดดเดี่ยว หากไม่มีสตรีโฉมงามอยู่ข้างกาย ชีวิตมนุษย์จะไปมีความรื่นเริงอันใดอีก พอเสียที ข้าหิวแล้ว”
ฉู่ซินเถียนปิดปากพลางผงกศีรษะ นางหยิบตะเกียบขึ้นมา ถือเสียว่าป้อนอาหารเด็กน้อยแล้วกัน คิดเช่นนี้แล้วหัวใจที่แกว่งไกวของนางก็สามารถสงบลงได้บ้าง นางคีบแป้งไข่ทอดกรอบชิ้นเล็กขึ้นมาชิ้นหนึ่ง “อ้าปาก อ้า…”
เขาเลิกคิ้วมองนาง “ประโยคต่อไปของเจ้าจะพูดว่า ‘เด็กดี’?”
นางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ฮ่าๆ แน่นอนว่าไม่ใช่เพคะ”
เว่ยหลันโจวอ้าปากกินลงไป ดวงตาเขาพลันสว่างไสว หลังเคี้ยวอย่างมีความสุขแล้ว ยามที่บอกให้นางคีบขึ้นมาอีกชิ้น เสียงท้องร้อง ‘โครกคราก’ ก็ดังขึ้น
ใบหน้าฉู่ซินเถียนแดงก่ำ นางคิดเพียงอยากหาหลุมแล้วกระโดดลงไป
สำหรับการขายขี้หน้าของฉู่ซินเถียนนี้ เว่ยหลันโจวถึงขั้นตบตักหัวเราะเสียงดัง กระทั่งหยดน้ำยังสาดกระเซ็นออกมาส่วนหนึ่ง “ฮ่าๆๆ…เสี่ยวฉู่ฉู่ ชีวิตของข้านับตั้งแต่มีเจ้าแล้วก็มีความสุขมากจริงๆ มาเถอะ มีให้ก็ย่อมมีรับ ข้าป้อนซาลาเปาไส้น้ำแกงให้เจ้ากินลูกหนึ่ง ถือเสียว่าให้รางวัลเจ้า” เขาหยิบตะเกียบในมือนางมาด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วคีบซาลาเปาไส้น้ำแกงลูกหนึ่งขึ้นมารอที่ข้างริมฝีปากนาง
“หม่อมฉันก็มีมือเพคะ” ฉู่ซินเถียนโพล่งปากพูดออกมา
ดวงตาของเขาหรี่ลงทันควัน “เมื่อครู่ในใจเจ้าเอาแต่ตำหนิข้าว่าไม่มีมือ กินเองไม่ได้ใช่หรือไม่”
ฉู่ซินเถียนส่ายศีรษะอย่างร้อนรน “ไม่ใช่ เปล่านะเพคะ ไม่ใช่จริงๆ”
“ได้ เช่นนั้นก็อ้าปาก” ตะเกียบในมือเว่ยหลันโจวประชิดใกล้ริมฝีปากนางอีกครั้ง
ฉู่ซินเถียนได้แต่อ้าปากอย่างยอมรับชะตากรรม
เขายิ้มหวาน “อ้า…อ้าให้กว้างกว่านี้หน่อย” เขาเคลื่อนตะเกียบขึ้นไปเหนือริมฝีปากที่อ้าออกของนาง
นางสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วอ้ากว้างกว่าเดิมเล็กน้อย…
ทว่าเสี้ยวเวลาต่อมา เขาถึงกับหัวไหล่สั่นระริก โยนตะเกียบกับซาลาเปาไส้น้ำแกงกลับลงไปในจานกระเบื้องเคลือบ แล้วกุมท้องหัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้ง “ฮ่าๆๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสตรีอ้าปากกว้างเพียงนั้นต่อหน้าข้า แทบจะมองเห็นลำคออยู่แล้ว ฮ่าๆๆ ปวดท้องยิ่งนัก ข้าหัวเราะจนปวดไปหมดแล้ว”
ฉู่ซินเถียนใบหน้าดำทะมึน นางโกรธจนกัดฟันกรอด ทำเกินไปแล้วจริงๆ!
นางยกถาดแล้วลุกขึ้นยืนประดุจฟ้าผ่า พลางถลึงตาใส่เว่ยหลันโจวที่หัวเราะจนแทบนอนราบไปในสระแล้ว เหตุใดจึงไม่จมน้ำตายไปเสียเลยเล่า! ฉู่ซินเถียนกล่าวด้วยความโมโห “ในเมื่อเสี่ยวฉู่ฉู่ให้ความรื่นเริงแก่ท่านอ๋องแล้ว จึงบังอาจขออาหารถาดนี้เป็นรางวัลจากท่านอ๋องเสียเลยแล้วกัน ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็หัวเราะจนปวดท้อง จะยังกินอาหารลงไปอีกได้อย่างไร”
กล่าวจบก็ไม่สนใจว่าเว่ยหลันโจวจะอนุญาตหรือไม่ ฉู่ซินเถียนหันตัวเตรียมจากไปทันที
แต่ไม่รู้ว่าจู่ๆ ขานางเกิดอ่อนแรง ลื่น หรือว่าด้านหลังมีแรงดึงบางอย่างเพิ่มขึ้นมากันแน่ ร่างกายของนางจึงเอนไปข้างหลังอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ต่อมาเสียงตู้มก็ดังขึ้น ทั้งร่างพลันตกลงไปในสระกลีบดอกกุหลาบ ของทุกอย่างตั้งแต่ถาดเคลือบเงา ซาลาเปาไส้น้ำแกง ตะเกียบ แม้แต่ผ้าเช็ดมือต่างก็ลอยอยู่บนผิวน้ำ
“พรูด แค่ก…พรูด แค่กๆๆ” ฉู่ซินเถียนยังโชคร้ายสำลักน้ำอีก เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็เห็นเว่ยหลันโจวยืนอยู่บนขอบสระแล้ว ทั้งยังเปลือยไปทั้งตัว!
ฉู่ซินเถียนรีบเช็ดน้ำบนใบหน้าออก ก่อนกะพริบตาอีกครั้ง สายตากลับมามองเห็นได้ชัดเจน แต่เขากลับหันหลังให้นางได้ชื่นชมกล้ามเนื้อหลัง ก้น และต้นขาอันไร้ที่ติประดุจรูปสลักเทพเจ้าอะพอลโลของเขา…
หัวใจฉู่ซินเถียนเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาไม่แม้แต่จะตัดใจกะพริบได้ลง
ติดตามต่อไปในเล่ม