“ยายไหม!”
เสียงคุ้นหูที่ตวาดมาจากประตูทำให้หัวใจเหมือนไหมแทบจะหยุดเต้น วินาทีนั้นน้ำตาที่เคยสะกดกลั้นเอาไว้ไหลพรากลงมาทันที หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะก็ไม่ปาน
“แม่!!!”
เหมือนไหมตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกับผู้เป็นมารดาที่เหมือนจะช็อกไปแล้วเพราะท่านไม่คิดเลยว่าลูกสาวผู้เรียบร้อยอ่อนหวานที่ท่านเฝ้าอบรมสั่งสอนจะอยู่บนเตียงกับผู้ชายในสภาพร่างกายเกือบเปล่าเปลือยเช่นนี้ ไม่ต้องบอกท่านก็รู้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นบนเตียงนี้บ้าง
“ยายไหม! ทำไมทำตัวแบบนี้!”
มธุรินตะโกนอย่างสุดกลั้นหลังจากพยายามปรับสภาพอารมณ์ให้เย็นลงแล้ว แต่ยิ่งพยายามทำใจให้สงบมันก็ยิ่งกดดันจนในที่สุดท่านก็ต้องระเบิดมันออกมา แล้วตรงเข้าไปหาลูกสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง แต่จะไม่ให้ท่านโกรธได้ยังไงไหวในเมื่อลูกสาวคนเล็กทำตัวไร้ยางอายเช่นนี้
ความจริงมธุรินอยากมาตามเหมือนไหมตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเพราะอีกฝ่ายยังไม่กลับบ้าน แต่ ‘เหมือนแพร’ ลูกสาวคนโตห้ามไว้ อีกทั้งยังบอกอีกว่าเหมือนไหมโตแล้ว ควรให้น้องได้เรียนรู้ชีวิต และเธอก็เชื่อว่าเหมือนไหมจะดูแลตัวเองได้ หากตอนเช้าเหมือนไหมยังไม่กลับบ้านค่อยไปตามหาจะดีกว่า
มธุรินอดทนรออย่างร้อนรน กระทั่งตอนเช้าท่านก็ยังไม่เห็นลูกสาวกลับบ้าน ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นรูปถ่ายของลูกสาวกับปฏิภาณนอนกอดกันอยู่บนเตียงในสภาพล่อแหลมซึ่งถูกส่งมาจากเบอร์โทรศัพท์ปริศนา มธุรินไม่ลังเลใจที่จะบุกไปตามถึงคฤหาสน์จิรภาคินทร์เพราะคิดว่าทั้งสองอยู่ที่นั่น
แต่คนบ้านนั้นบอกว่าปฏิภาณยังไม่กลับ ดูจากสภาพห้องนอนในภาพแล้วน่าจะเป็นห้องนอนที่บริษัท จากนั้นผู้ใหญ่ของบ้านจิรภาคินทร์ มธุริน และเหมือนแพรก็ยกโขยงกันมาที่นี่อย่างไม่รอช้า เพราะถ้าไม่มาก็กลัวว่ามธุรินซึ่งกำลังใจร้อนราวกับไฟจะมาพังบริษัทของปฏิภาณจนราบเป็นหน้ากลองข้อหาที่เขาล่วงเกินเหมือนไหม และทุกคนแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมาพบกับเหตุการณ์นี้เข้าจริงๆ
แม้จะทำใจมาล่วงหน้า แต่มธุรินก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้อยู่ดี
“แม่ให้แกมาทำงานนะ ไม่ใช่ให้มานอนกับผู้ชายอย่างนี้!”
มธุรินยังไม่ทันได้กระชากตัวลูกสาว ปฏิภาณก็ขยับมาขวางไว้เพราะสงสารเหมือนไหมและกลัวว่าท่านจะโกรธจนทำร้ายเธอทั้งๆ ที่เขาก็ยังตกตะลึงและงุนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้มาก
“พอเถอะค่ะแม่ อย่าเพิ่งโวยวายเลยนะคะ”
เหมือนแพรรีบเข้ามาห้ามมารดาเพราะเสียงโวยวายของท่านทำให้พนักงานแห่มายืนดูอยู่หน้าประตูห้องแล้วซุบซิบไปต่างๆ นานา เธอสงสารน้องที่กำลังตกเป็นขี้ปากชาวบ้านจนไม่รู้ว่าต่อไปจะทำงานที่นี่ได้อีกหรือไม่ และเพียงแค่นี้อีกฝ่ายก็อับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
“พนักงานมามุงกันเต็มแล้วค่ะแม่ แค่นี้ก็ขายหน้าจะแย่แล้วค่ะ” เหมือนแพรกระซิบมธุรินทำให้ท่านมองไปที่ประตูแล้วเห็นว่าพนักงานกำลังมองเข้ามาในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นจริงๆ
เท่านั้นแหละ! มธุรินก็พยายามข่มอารมณ์ไว้อย่างยิ่ง แต่ดวงตาวาวโรจน์ยังมองปฏิภาณเหมือนอยากจะงับหัวเขา ส่วนเหมือนไหมที่กำลังหลบอยู่ด้านหลังชายหนุ่มก็ถึงกับน้ำตาไหลพราก เธออับอายจนไม่อยากโผล่หน้าออกไปพบเจอผู้คน เพราะรู้ว่าจะต้องถูกนินทาจนไม่มีชิ้นดีเป็นแน่
ส่วนปฏิภาณเองก็เริ่มจะตระหนักแล้วว่าหลังจากนี้…เรื่องคงไม่จบง่ายๆ ลำพังตัวเขาเองคงไม่เท่าไหร่เพราะเขาเป็นผู้ชาย อีกทั้งยังเคยรับมือกับเสียงซุบซิบนินทามาจนเคยชินแล้ว แต่เหมือนไหมเป็นผู้หญิง เธอดูจะเสียหายมากกว่าเขา แล้วไหนจะต้องถูกมารดาต่อว่าอย่างหนักอีก
“ผมว่าเราค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่านะครับ” ประวันวิทย์ออกโรงเจรจาบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้สอบถามความเป็นมาสักที อีกฝ่ายได้ฟังจึงพยายามรวบรวมสติแล้วปรับอารมณ์ให้เย็นลง
“ค่ะ ฉันคิดว่าพวกเราคงต้องคุยเรื่องนี้กันอีกยาวแน่”
มธุรินบอกอย่างพยายามสะกดความโกรธไว้ก่อนจะมองหน้าเหมือนไหมและปฏิภาณด้วยสายตาเอาเรื่อง ในฐานะคนเป็นแม่…ท่านจะไม่ยอมให้ลูกสาวเสียหายหรือถูกใครครหานินทาแน่
ปฏิภาณทำอะไรกับลูกสาวของท่านไว้ก็ต้องรับผิดชอบ!
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 26 มีนาคม)