เห็นหลี่เมิ่งซีรับผ้าที่มีไอร้อนจากจือซย่านำมาเปลี่ยนกับผ้าที่เย็นแล้วบนขาเซียวจวิ้นอย่างระมัดระวัง เอาแต่ทำงานของตนโดยไม่พูดอะไร ไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปากขึ้นมาก่อน หวังอี๋เหนียงจึงอดพูดไม่ได้ “ความรู้สึกที่คุณชายรองมีต่อสะใภ้รองอนุเห็นอยู่เต็มตา ตามหลักแล้วคำพูดนี้อนุไม่ควรพูด…”
หวังอี๋เหนียงพูดถึงตรงนี้ก็หยุดและมองหลี่เมิ่งซี เห็นนางยังคงทำงานในมืออย่างไม่เร็วไม่ช้า ทั้งไม่เงยหน้า ยิ่งไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไร นางจึงพูดต่อว่า “สะใภ้รองเป็นคนจิตใจดี สองปีมานี้อนุเห็นมาตลอดจึงหวังว่าท่านกับคุณชายรองจะลงเอยกันด้วยดี ช่วงก่อนหน้านี้เห็นคุณชายรองตามใจท่านทุกอย่าง อนุก็ดีใจแทน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าสะใภ้รองจะเป็น เป็น…อนุเกรงว่าต่อให้คุณชายรองรักใคร่ท่านเพียงใดก็ขัดเหล่าไท่จวินไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นสะใภ้รองควรรีบตัดสินใจเถอะเจ้าค่ะ”
หลี่เมิ่งซีเงยหน้าในที่สุด นางมองหวังอี๋เหนียง
หวังอี๋เหนียงพูดต่อ “อนุเข้าคฤหาสน์มาก่อนสะใภ้รองย่อมรู้อะไรมากกว่า สะใภ้รองอาจไม่รู้ว่าสมัยเป็นหนุ่มนายท่านใหญ่กับจางอี๋ไท่เป็นเพื่อนเล่นวัยเยาว์ที่รักกันมาแต่เด็ก ภายหลังเพราะคำสอนของบรรพบุรุษ จางอี๋ไท่จึงไม่อาจเป็นภรรยาเอกได้ นายท่านใหญ่เคยอาละวาดจะเป็นจะตายมาก่อน ได้ยินว่ายังหนีออกจากคฤหาสน์ไปนานถึงครึ่งปี ถูกเหล่าไท่จวินตัดความช่วยเหลือด้านการเงิน สุดท้ายจึงซมซานกลับมา ยอมทำตามคำสั่งของเหล่าไท่จวินด้วยการแต่งนายหญิงใหญ่ จางอี๋ไท่ทั้งที่มีชาติสกุลและภูมิหลังเช่นนั้น แต่เพื่อให้ได้อยู่กับนายท่านใหญ่แล้วถึงกับต้องลดศักดิ์ศรีของตนเองมาเป็นอนุ เกรงว่าด้วยภูมิหลังของสะใภ้รองคงยิ่งมิอาจเอาชนะคำสอนของบรรพบุรุษได้”
หวังอี๋เหนียงเกรงว่าหลี่เมิ่งซีจะหลงเชื่อคำพูดของเหล่าไท่จวิน นึกว่าตนเองโชคดีไม่ถูกหย่าแล้ว แต่สุดท้ายอาจถูกเหล่าไท่จวินจู่โจมโดยตั้งตัวไม่ทันก็ได้ นางจึงเตือนด้วยความหวังดี ทั้งยังเล่าถึงอดีตของนายท่านใหญ่ นางเอาแต่เล่าโดยไม่ทันสังเกตว่าตอนที่หลี่เมิ่งซีได้ยินนางบอกว่าจางอี๋ไท่เป็นเพื่อนเล่นวัยเยาว์ของนายท่านใหญ่ มือที่กำลังถอนเข็มก็สั่นไปครู่หนึ่ง
เรื่องนี้ทำให้หลี่เมิ่งซีคิดถึงเหตุการณ์ที่เซียวจวิ้นถูกวางยาพิษเมื่อสองปีก่อน นางแน่ใจนานแล้วว่าเป็นฝีมือของจางอี๋ไท่ แต่เพราะนางไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นคนสกุลเซียว ดังนั้นสองปีมานี้จึงไม่คิดจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้เซียวจวิ้นมาก่อน จางอี๋ไท่ก็ระแวดระวังนาง ทั้งสองปะทะกันทั้งต่อหน้าและลับหลังหลายครั้ง จนกระทั่งจางอี๋ไท่หวาดกลัวถึงได้เลิกราไป
บัดนี้ได้ยินว่านางเป็นเพื่อนเล่นวัยเยาว์ของนายท่านใหญ่ มองสองคนที่เคยรักกันจะเป็นจะตายในอดีต คิดถึงความรักของพวกเขาที่ขอเพียงได้ครองคู่ก็ไม่สนใจฐานะใด แต่สุดท้ายกลับถูกวันเวลาที่ไม่ปรานีและชีวิตในคฤหาสน์หลังใหญ่อันโหดร้ายกลืนกินจนจิตใจบิดเบี้ยว สุดท้ายถึงขั้นปองร้ายลูกของคนที่ตนรักด้วยมือตนเอง! ทำให้หลี่เมิ่งซีอดรู้สึกสลดใจไม่ได้
คฤหาสน์ของสกุลสูงศักดิ์เช่นนี้ สิ่งที่ไม่ควรมีมากที่สุดก็คือ ‘รักแท้’ นางเงยหน้ามองเซียวจวิ้นที่ยังหมดสติอยู่ ทั้งที่รู้ดีว่านี่เป็นวาสนาที่ไม่พึงมี แต่เขากลับมอบรักแท้ให้นาง หลี่เมิ่งซีใจลอยไปชั่วขณะ
“สะใภ้รอง…”
เสียงของหวังอี๋เหนียงเหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ ดึงความคิดอันล่องลอยของหลี่เมิ่งซีกลับคืนมา นางแอบชำเลืองมองหวังอี๋เหนียงแวบหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายยังพูดไม่หยุดจึงตั้งสติอีกครั้ง นางถอนเข็มเงินออกมาอย่างมั่นคงพลางฟังหวังอี๋เหนียงพูด
“…สะใภ้รอง อนุรู้ว่าปกติเหล่าไท่จวินเอ็นดูท่านมากที่สุด ตามหลักแล้วก็ไม่ควรพูดเช่นนี้ เพียงแต่อนุไม่อยากเห็นท่านลำบากจริงๆ อนุอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้มานานกว่าท่าน บางเรื่องก็ปลงได้แล้ว สะใภ้รองท่านอย่าเห็นว่าปกติเหล่าไท่จวินเป็นคนเมตตาอารีเป็นอันขาด เวลาที่จัดการเรื่องใดขึ้นมาจริงๆ ไม่เคยเลอะเลือนแม้แต่น้อย ความเฉียบขาดของเหล่าไท่จวินนั้น ในคฤหาสน์สกุลเซียวแห่งนี้ไม่มีใครเทียบได้แล้ว”