ยามนี้ขอร้องให้คุณชายสามรายงานเหล่าไท่จวิน ให้หวังอี๋เหนียงส่งอาหารมาให้นางเป็นเรื่องเล็ก คิดว่าเหล่าไท่จวินคงไม่ปฏิเสธ เรื่องอาหารการกินแก้ไขได้แล้ว ทั้งยังมีนกพิราบไว้ติดต่อกับคนข้างนอก แผนการที่นายหญิงใหญ่วางไว้อย่างยากลำบากย่อมไร้ประโยชน์ ขอเพียงนางอดทนรออีกสักพัก เมื่อเซียวจวิ้นหายดีย่อมเป็นวันที่นางจะได้รับอิสระ
ฟังหลี่เมิ่งซีพูดแล้ว เซียวอวิ้นรู้สึกมีเหตุผลเช่นกัน คำพูดเมื่อครู่นี้ก็เพื่อขู่ข้ารับใช้เหล่านี้เท่านั้น ทำให้พวกนางรู้จักกลัวเสียบ้าง วันหน้าจะได้ไม่กล้ารังแกพี่สะใภ้รองอีก
ครั้นเห็นว่าพอสมควรแล้วจึงพูดกับข้ารับใช้ที่คุกเข่าอยู่ “เห็นแก่ที่พวกเจ้าสำนึกผิดอย่างจริงใจ อีกทั้งสะใภ้รองยังมีจิตใจเมตตา ช่วยขอความเมตตาแทนพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าไม่เอาความ แต่พวกเจ้าจงจำไว้ว่าถ้ากล้ารังแกสะใภ้รองอีก ข้าจะคิดบัญชีกับพวกเจ้าทั้งเก่าและใหม่ ไม่ว่าพวกเจ้ารับคำสั่งใครมา วันนี้ข้าขอพูดให้ชัดเจนว่าหากสะใภ้รองเป็นอะไรไปในอารามแห่งนี้หรือขนหลุดไปแม้แต่เส้นเดียว ข้าจะเอาเรื่องพวกเจ้าทุกคน ใครก็อย่าคิดจะมีชีวิตรอดออกไปจากประตูบานนี้!”
คำพูดประโยคสุดท้ายของเซียวอวิ้นแทบจะเป็นการตวาดออกมา ราวสายฟ้าที่ฟาดลงมาตอนกลางวันแสกๆ ทำเอาข้ารับใช้ทั้งหลายหูอื้อ ทรุดลงบนพื้นทันที
หลี่เมิ่งซีคาดเดาไม่ผิด พอเซียวอวิ้นพาจือซย่า จือตงและหงจูออกจากอารามชิงซิน พวกนางก็เห็นเป่าจูกับชิงเอ๋อร์ที่เป็นสาวใช้ประจำตัวของจางอี๋ไท่ดักรออยู่ไกลๆ แล้ว
ทั้งสองเห็นคุณชายสามออกจากประตูมาจึงรีบก้าวเข้าไปต้อนรับ พอถึงตรงหน้าก็คารวะ เป่าจูพูดว่า “คุณชายสาม นายหญิงใหญ่จัดงานเลี้ยงต้อนรับท่านในเรือนหยั่งซิน คิดไม่ถึงว่าบ่าวไปเชิญคุณชายสามแต่เช้า ถึงได้รู้ว่าคุณชายสามมาอารามชิงซิน ตอนนี้สายมากแล้ว คุณชายสามรีบตามบ่าวกลับไปเถอะเจ้าค่ะ จางอี๋ไท่ก็อยู่ที่นั่น ป่านนี้นายหญิงใหญ่กับจางอี๋ไท่คงรอจนร้อนใจแล้ว”
เป่าจูพูดจบ ชิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็ผงกศีรษะพูดว่า “คุณชายสาม จางอี๋ไท่ถูกนายหญิงใหญ่เรียกตัวไปเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับท่านตั้งแต่เช้าแล้ว คิดไม่ถึงว่าท่านจะมาที่นี่ เสียเวลาอยู่นานถึงเพียงนี้หากไม่เพราะนายหญิงใหญ่สั่งว่าไม่ให้รบกวนท่าน บ่าวคงจะเข้าไปตามท่านนานแล้ว คุณชายสามรีบตามบ่าวมาเถอะเจ้าค่ะ”
ฟังคำพูดนี้แล้ว เซียวอวิ้นลอบอุทานในใจ โชคดีที่พี่สะใภ้รองคิดการณ์รอบคอบ หาไม่แล้วถ้าเขาออกมาด้วยความโมโห นายหญิงใหญ่ยกเอาจางอี๋ไท่มาขู่ล่ะก็ เขาย่อมไปหาเหล่าไท่จวินไม่ได้จริงๆ คิดแล้วจึงผงกศีรษะตอบว่า “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ บอกมารดากับจางอี๋ไท่ว่าให้พวกนางกินไปก่อน ข้าจะไปเอาของที่เรือนพี่รอง เสร็จแล้วจะตามไปทันที”
เป่าจูฟังแล้วเอ่ยว่า “คุณชายสาม ตอนนี้เลยเวลากินอาหารมาแล้ว ป่านนี้นายหญิงใหญ่กับจางอี๋ไท่จะต้องรอจนร้อนใจแล้วแน่ๆ ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ใหญ่ คุณชายสามรีบไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ คุณชายสามต้องการของอะไร บ่าวยินดีไปจัดการแทนท่านเอง”
เซียวอวิ้นเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ สายมากแล้วจริงๆ ปล่อยให้มารดากับจางอี๋ไท่รอตนกินอาหารเป็นการกระทำที่อกตัญญู เซียวอวิ้นอดลังเลไม่ได้ หันกลับไปหมายจะบอกพวกจือซย่าว่าให้พวกนางไปเอาของก่อน แต่เห็นสายตาคาดหวังของพวกนางแล้ว พลันนึกขึ้นได้ว่าพี่สะใภ้รองบอกเขาว่าต้องพาสาวใช้สองคนกลับมาส่งให้ได้ เกรงว่าหากตนไม่ตามไปด้วย ของย่อมนำเข้าไปในอารามชิงซินไม่ได้แน่ คิดถึงอาหารกลางวันที่ไม่ต่างจากอาหารหมูนั่นแล้ว เรื่องนี้พูดได้ยากจริงๆ
คิดแล้วจึงพูดกับเป่าจู “พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ บอกมารดากับจางอี๋ไท่ว่าข้ายังมีธุระอีกเล็กน้อย ประเดี๋ยวค่อยตามไป” เซียวอวิ้นพูดจบก็ไม่รอทั้งสองตอบ ส่งสายตาให้พวกจือซย่าสามคนตามเขามา ไม่สนใจเสียงร้องเรียกดังลั่นของเป่าจูกับชิงเอ๋อร์ข้างหลัง เขาก้าวยาวๆ ไปที่รถม้า
ตอนเป่าจูมาที่นี่ก็เพราะนายหญิงใหญ่สั่งไว้ว่าห้ามคุณชายสามไปหาเหล่าไท่จวินเป็นอันขาด ครั้นเห็นว่าร้องเรียกคุณชายสามเอาไว้ไม่ได้แล้ว ไหนเลยจะกล้าไปรายงานนายหญิงใหญ่อีก ถึงอย่างไรคุณชายสามก็ไม่ได้ไปเรือนโซ่วสี่ มิสู้ตามเขาไปด้วย คิดเช่นนี้จึงเหลือบมองชิงเอ๋อร์แวบหนึ่ง ก้าวเท้าจะตามคุณชายสามไป