ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 3 ตอนที่ 1
หลี่เมิ่งซีมองสาวใช้สองคนนี้แล้วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ระหว่างโต้เถียงกันอยู่นั้น รถม้าก็หยุดลง ทั้งสามมองออกไปข้างนอก พบว่ารถม้าผ่านประตูหลักมาแล้ว ตอนนี้อยู่ตรงหน้าซุ้มประตู
ตามหลักผู้ที่มาสักการะ เพื่อแสดงถึงความจริงใจแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนลงจากรถที่ประตูหลักและเดินเข้ามา ประจวบเหมาะที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าจึงถือเป็นการเดินตลาดไปด้วย ไม่นานก็มาถึงซุ้มประตู แต่เซียวจวิ้นที่ขี่ม้าเห็นว่าสุขภาพของหลี่เมิ่งซีอ่อนแอเกินไป เดินไกลขนาดนั้นร่างกายจะรับไม่ไหว เขาจึงสั่งให้รถม้าแล่นผ่านประตูหลักไปจนถึงหน้าซุ้มประตูแล้วค่อยหยุด
ข้างนอกบ่าวชายเลิกม่านขึ้นแล้ว จือชิวกับจือชุนลงจากรถม้าก่อนจะหันไปประคองหลี่เมิ่งซีลงมา พอทั้งสามลงจากรถม้า ดวงตาก็ไม่พอให้ใช้เสียแล้ว จือชุนกับจือชิวต่างก็ลืมการโต้แย้งเมื่อครู่นี้ไปโดยสิ้นเชิง พวกนางชี้มือชี้ไม้แล้วพูดคุยเจี๊ยวจ๊าว
หลี่เมิ่งซีทอดสายตามองไป นางเห็นเทือกเขาที่อยู่ไกลออกไปกับต้นสนใกล้ๆ สอดรับกับวิหารและระเบียงศาลาเบื้องหน้าได้เป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกอบอุ่นคลุมเครือ ทั้งสงบเงียบปรองดอง
ซุ้มประตูแห่งหนึ่งกั้นขวางความครึกครื้นของตลาดที่อยู่เบื้องนอกกับความเงียบสงบของวัดออกจากกัน ในประตูกับนอกประตูราวกับคนละโลก เมื่อมีความคึกคักข้างนอกเป็นตัวเปรียบเทียบ บรรยากาศด้านในประตูจึงเคร่งขรึมจริงจังมากยิ่งขึ้น ในประตูมีผู้เดินทางมาสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทว่าทุกคนต่างเงียบเสียงเองโดยไม่ต้องบอก
หลี่เมิ่งซีอุทานในใจอย่างอดไม่ได้ คนโบราณช่างเคารพนับถือเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
คนยุคปัจจุบันเทียบไม่ติดเลย วัดในความทรงจำพวกนั้นล้วนถูกใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งสิ้น แม้จะอยู่หน้าประตูพระอุโบสถก็ยังได้ยินเสียงมัคคุเทศก์ถือโทรโข่งอธิบายประวัติความเป็นมา ไหนเลยจะได้สัมผัสกับความสงบเคร่งขรึมที่แท้จริงเช่นนี้
“สะใภ้รองเข้าไปก่อนเถอะขอรับ คุณชายรองรออยู่” เซียวซย่าเห็นทั้งสามไม่สนใจเซียวจวิ้นที่ยืนรออยู่ด้านข้าง เอาแต่มองซ้ายมองขวาจึงรีบเตือนเสียงค่อย
ได้ยินคำพูดของเซียวซย่าแล้ว ทั้งสามจึงนึกขึ้นได้ว่าพวกนางไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่น แต่มาขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จือชิว จือชุนจึงรีบหุบปาก แอบเหลือบมองคุณชายรองก็เห็นว่าคุณชายรองลงจากม้าแล้ว กำลังยืนไพล่มือไว้ข้างหลังมองพวกนางด้วยสีหน้าเย็นชา โดยไม่พูดอะไร
จือชิวแอบแลบลิ้นใส่เซียวจวิ้น แล้วเข้าไปประคองหลี่เมิ่งซีอย่างระวัง พาเดินไปที่ข้างกายคุณชายรองช้าๆ
หลี่เมิ่งซีย่อกายนิดๆ ก่อนจะร้องเรียกเสียงค่อย “คุณชายรอง”
“อืม” เซียวจวิ้นเห็นพวกนางดูสถานที่จนพอใจในที่สุดจึงเดินเข้ามา เขาไม่พูดอะไร เพียงรับคำด้วยเสียงขึ้นจมูก พยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในวิหาร
เข้าซุ้มประตูมาแล้วก็เห็นต้นโพขนาดใหญ่โตโอฬารหลายต้น แม้จะเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่พวกมันยังคงยืนหยัดอย่างเขียวชอุ่ม ซ้ายขวาแบ่งเป็นหอระฆังกับหอกลอง ตรงหน้าเป็นวิหารพระเมตไตรย เซียวจวิ้นไม่ได้หยุดชื่นชม แต่ก้าวเข้าไปในวิหารพระเมตไตรยทันที จากนั้นจึงเลี้ยวขวาออกไปทางประตูหลัง มุ่งหน้าไปยังพระอุโบสถ
จือชิวประคองหลี่เมิ่งซีแล้วพูดเสียงค่อย “ได้ยินว่าเซียมซีที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก ประเดี๋ยวไหว้พระเสร็จ พวกเราไปเสี่ยงเซียมซีกันเถอะเจ้าค่ะ!”
ถึงอย่างไรก็เป็นคนยุคปัจจุบัน แต่ไรมาหลี่เมิ่งซีไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่เห็นจือชิวมีสีหน้าใฝ่ฝัน ก็ไม่อยากทำให้นางหมดสนุก จึงผงกศีรษะรับคำ
หลี่เมิ่งซีให้จือชิวประคองก้าวขึ้นบันไดหินทีละก้าว พอเดินถึงข้างกระถางธูปหน้าประตูพระอุโบสถ นางก็อดลอบถอนหายใจไม่ได้ว่าร่างกายนี้ช่างอ่อนแอนัก จากซุ้มประตูถึงพระอุโบสถเป็นระยะทางไม่เท่าไรแท้ๆ ทว่านางขึ้นบันไดเพียงไม่กี่ขั้นก็หอบหายใจเสียแล้ว เห็นทีต่อไปต้องออกกำลังกายให้มากกว่านี้
ช้อนตาขึ้นก็เห็นเซียวจวิ้นรออยู่ข้างกระถางธูป มือถือธูปที่จุดแล้ว กำลังมองนางที่หอบแฮกๆ เขาก็ขมวดคิ้ว ด้วยเห็นท่าทีเช่นนี้ของเขาจนชิน หลี่เมิ่งซีจึงไม่ใส่ใจ
จือชิวทำปากยื่นสูง หากมิใช่เพราะคุณชายรองเป็นเจ้านายที่นางล่วงเกินไม่ได้ นางคงเข้าไปสั่งสอนคุณชายรองนานแล้ว ลอบด่าเขาในใจ ขมวดคิ้วอะไรนักหนา ร่างกายของสะใภ้รองอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทั้งยังเป็นสตรีด้วย จะไปเหมือนท่านได้อย่างไรที่ก้าวยาวๆ แค่ไม่กี่ก้าวก็มาถึง ถ้าคิดว่าช้านักก็ไหว้ก่อนเสียเลยสิ ไม่ได้ขอให้ท่านรอสักหน่อย!
เซียวจวิ้นเห็นหลี่เมิ่งซีก้าวเข้ามาจึงยื่นธูปที่จุดแล้วในมือให้ หลี่เมิ่งซีอึ้งไปเล็กน้อย มีธรรมเนียมเช่นนี้ด้วยหรือ ให้นางไหว้ก่อน นางเป็นหญิงนะ มิใช่ชายเป็นใหญ่หญิงต่ำต้อยหรอกหรือ
นางยื่นมือไปรับอย่างสงบเสงี่ยม กำลังจะก้าวขึ้นไปไหว้ก็เห็นเซียวจวิ้นเหลือบมองนางแวบหนึ่ง จากนั้นเขาจึงหยิบธูปขึ้นมาอีกสามดอก จุดแล้วค่อยพยักหน้าให้นาง
ให้ตายเถอะ ต้องไหว้พร้อมกัน! ไม่พูดแล้วใครจะรู้เล่า เป็นใบ้หรือไร! หลี่เมิ่งซีลอบด่าในใจคำหนึ่ง ทำให้นางหลงดีใจอยู่ตั้งนาน คิดว่าเขาเปลี่ยนนิสัย หันมาเคารพสิทธิ์ของสตรีแล้วเสียอีก!
ทั้งสองไหว้พร้อมกันสามครั้ง แล้วปักธูปลงในกระถางธูปพร้อมกัน ก่อนจะหมุนตัวก้าวเข้าไปในพระอุโบสถ ครั้งนี้เซียวจวิ้นจงใจผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อให้หลี่เมิ่งซีตามมาทัน พวกเขาก้าวตามกันเข้าไป หลี่เมิ่งซีมองเบาะรองตรงหน้าและเหลือบมองเซียวจวิ้นที่เงียบราวกับคนใบ้ คงมิใช่ต้องโขกศีรษะด้วยกันกระมัง ดูเหมือนเบาะรองนี้จะใหญ่ไม่พอ
ระหว่างที่นางคิด เซียวจวิ้นก็คุกเข่าลงแล้ว สีหน้าเลื่อมใสจริงใจอย่างมาก ปากท่องคำพูดหลายคำ ก่อนจะกราบลงไปอย่างเคารพนอบน้อม
หลี่เมิ่งซีมีชีวิตมาสองชาติแล้ว ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่าอะไรคือห้าส่วนจรดพื้น เห็นความศรัทธาของเซียวจวิ้นตอนนี้แล้วนางกลับไม่รู้สึกขบขันแม้แต่น้อย ในใจพลันเกิดความเลื่อมใสตาม ความไม่เชื่อถือก่อนหน้านี้หายไปสิ้น
มนุษย์เราควรมีความศรัทธา เพราะนั่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจอย่างหนึ่ง ยามสิ้นหวังยังสามารถประคับประคองตนเองให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หลายวันนี้นางนอนเป็นศพอยู่บนเตียง รู้สึกเหมือนตนเองเป็นศพเดินได้ ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย เป็นเพราะนางไม่เชื่อถืออะไรเลยใช่หรือไม่ ในช่วงเวลาที่สับสนถึงได้ท้อใจไปหมด
ระหว่างขบคิด หลี่เมิ่งซีก็ได้ยินเซียวจวิ้นกระแอมไอ นางดึงสติกลับมา พบว่าเขาไหว้เสร็จแล้ว กำลังมองนางอยู่ หลี่เมิ่งซีจึงรีบเข้าไปคุกเข่าบนเบาะรอง กราบไหว้ด้วยความศรัทธาจากใจจริง ปากสวดอธิษฐานในใจ พระโพธิสัตว์ผู้เมตตาและช่วยปัดเป่าทุกข์ให้มวลมนุษย์ เห็นแก่ที่ข้าน้อยกราบไหว้บูชาท่านอย่างจริงใจ จะช่วยชี้แนะหนทางให้ข้าน้อย ช่วยให้ข้าน้อยหลุดพ้นจากทะเลทุกข์ในเร็ววันได้หรือไม่
ท่องจบก็ทำตามเซียวจวิ้น กราบไหว้โดยให้ห้าส่วนจรดพื้น กราบไหว้ครบสามครั้งแล้วจึงจับมือจือชิวที่ยื่นเข้ามาประคอง ก่อนจะลุกขึ้น
( ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 เม.ย 62 )