คิดถึงตรงนี้ก็บังเกิดความดูแคลน ทั้งเห็นว่าหยกประดับชิ้นนี้ได้กำไรไม่มากนัก หลงจู๊จึงขึ้นเสียงสูงทันใด แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “อะไรกัน! ลูกค้า ถ้าท่านไม่มีเงินก็บอกมาแต่แรกสิ! ให้ข้าน้อยปรนนิบัติท่านเลือกของอยู่ตั้งนาน สุดท้ายท่านกลับไม่มีเงินจะซื้อของเสียได้ ท่านไม่มีเงินซื้อหยกประดับนี้ ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอาจถูกคนอื่นเลือกไปก็ได้ หากลูกค้าทุกคนเป็นเหมือนท่านหมด พวกเราคงไม่ต้องทำการค้าแล้ว!”
เสียงเอะอะโวยวายของหลงจู๊ทำให้คนในร้านต่างชะงักและหันมามอง เซียวจวิ้นที่กำลังดื่มชาได้ยินคำพูดนี้แล้วใบหน้าพลันบึ้งตึงทันที เขาวางถ้วยชากำลังจะลุกขึ้นกลับได้ยินจือชิวพูดขึ้นมาว่า “หลงจู๊ เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ใช่ว่าพวกเราไม่มีเงินจริงๆ เสียหน่อย แค่บังเอิญวันนี้ไม่ได้นำติดตัวมาด้วยเท่านั้น ดวงตาสุนัขของเจ้าอย่าได้ดูถูกผู้อื่นเช่นนี้อีก หากโมโหขึ้นมาจริงๆ ร้านเล็กๆ ของเจ้าแห่งนี้ข้าก็ซื้อได้!”
จือชิวเห็นหลงจู๊เปลี่ยนสีหน้าไปทันทีเมื่อได้ยินว่าพวกนางไม่มีเงิน ทั้งยังเห็นลูกค้าในร้านมองมา นางจึงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ลืมไปแล้วว่าตนอยู่ที่ใด รีบอ้าปากโต้กลับไปทันที
เซียวจวิ้นฟังคำพูดของจือชิวแล้วก็สงบลง เขายกถ้วยชาขึ้นดื่ม แล้วเฝ้าดูความครึกครื้นต่อ
หลงจู๊คิดไม่ถึงว่าจะเจอคนร้ายกาจเช่นนี้ ถูกย้อนจนใบหน้าแดงก่ำ อึกอักอยู่นาน ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “ท่านลูกค้าเป็นเทพเจ้าแห่งเงินทอง ร้านเล็กๆ ของข้าต้อนรับไม่ไหวหรอก เชิญท่านไปที่อื่นเถอะ ที่นี่คับแคบต่ำต้อย อย่าทำให้เสียสายตาของท่านเลย” หลงจู๊ไล่คนด้วยคำพูดประโยคเดียว
จือชุนเห็นว่าหลี่เมิ่งซีชอบหยกประดับชิ้นนี้จริงๆ นางจึงลอบตำหนิจือชิวว่าปากไว แอบสะกิดแขนเสื้อหลี่เมิ่งซีแล้วพูดเสียงค่อย “ในเมื่อสะใภ้รองชอบ ทั้งยังเป็นเงินไม่เท่าไร บ่าวจะไปขอให้คุณชายรองจ่ายเงินให้เจ้าค่ะ” จือชุนพูดพลางหมุนตัวจะเดินไป ทว่านางถูกจือชิวคว้าตัวไว้แล้วถลึงตาใส่
หลี่เมิ่งซีเห็นคนในร้านต่างมองมา ใบหน้าจึงอดร้อนผ่าวไม่ได้ ในใจโมโหหลงจู๊ที่ดูถูกผู้อื่น แต่อย่างไรตนเองก็ไม่ได้พกเงินออกมาจริงๆ นับว่าเป็นฝ่ายผิดก่อน ขืนโต้แย้งกันต่อไปก็มีแต่จะขายหน้า
มองหยกประดับในมือพลางคิดในใจ ช่างเถอะ ต่อให้ซื้อกลับมาก็ย้อนกลับไปในชาติก่อนไม่ได้ วางไว้ข้างกายก็ทำให้เสียใจเปล่าๆ หลี่เมิ่งซีคิดแล้วจึงวางหยกประดับลงบนโต๊ะคิดเงิน “พวกเราไปกันเถอะ!” พูดจบก็ให้จือชิวประคองเดินออกไปข้างนอก
จือชิวยังคงไม่หายโมโห นางหันกลับมาพูดกับหลงจู๊ “หลงจู๊ ทางที่ดีเจ้ารีบตรวจนับสินค้าตั้งแต่คืนนี้เถอะ พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนมาซื้อร้านของเจ้า!”
เซียวจวิ้นที่นั่งดื่มชาอยู่ด้านข้างตะลึงงัน จากไปเช่นนี้เลยหรือ
เห็นหลงจู๊เสียมารยาทกับหลี่เมิ่งซี เดิมทีเขาก็อยากจะเข้าไปสั่งสอน แต่เห็นท่าทางร้ายกาจของจือชิวแล้ว พอคิดว่านางชอบขัดขวางเขาไม่ให้ใกล้ชิดกับหลี่เมิ่งซีอยู่เรื่อยในใจจึงมีโทสะ คิดจะกำราบนางเสียบ้าง คิดว่าหากนางทนไม่ไหวจะต้องมาขอร้องเขาแน่
ระหว่างที่รอก็เห็นว่าทั้งสามราวกับหลงลืมเขาแล้วเดินตรงออกจากร้านไป ใบหน้าพลันดำทะมึน นางไม่รู้หรือว่าเขาสามารถแบกท้องฟ้าแทนนางได้
ไฉนเวลาสำคัญจึงไม่คิดว่ามีเขาอยู่ข้างหลังนางเล่า ในใจโมโห แต่ก็ห่วงว่าสามคนจะเดินออกไปไกลจนเป็นอันตราย เขาจึงส่งสายตากับเซียวซย่า ส่วนตนเองก็ลุกขึ้นตามไป
พวกหลี่เมิ่งซีเดินออกมาด้วยความโมโห จือชุนเดินไปพลางบ่นจือชิวไปด้วย “เป็นเพราะเจ้าคนเดียว ไม่ให้ข้าไปหาคุณชายรอง ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย พวกเราจึงต้องอับอายขายหน้าเช่นนั้น หายากที่สะใภ้รองจะมีของที่ถูกใจ พลาดไปช่างน่าเสียดายจริงๆ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเงินจริงๆ สักหน่อย”
“ถ้าคุณชายรองจะจ่ายเงิน ป่านนี้คงจ่ายไปนานแล้ว ยังจะนั่งจิบน้ำชาดูพวกเราถูกคนอื่นรังแกอยู่เฉยๆ เช่นนี้รึ! ให้ฝากความหวังไว้ที่เขา หวงฮวาไช่เย็นหมดแล้วกระมัง!”
“เช่นนั้นก็ไม่ควรพูดว่าพรุ่งนี้จะมาซื้อร้านสิ พวกเราจะเอาอะไรมาซื้อหรือ จะว่าไปต่อให้มีเงิน ผู้อื่นเปิดร้านมาตั้งนานก็ย่อมมีภูมิหลังอยู่บ้าง ให้เงินเท่าไรก็ไม่ขายหรอก เจ้าจะทำอันใดได้”
“ซุนเฉิงองครักษ์ของรัชทายาทเคยบอกพี่ชายว่าอยู่ในผิงหยางหากพวกเรามีเรื่องอะไรขอให้บอกเขา สะใภ้รอง บ่าวไม่ชอบท่าทีของคุณชายรองที่ไม่สนใจไยดีท่าน เห็นท่านถูกรังแกแล้วยังไม่ก้าวออกมา พรุ่งนี้บ่าวจะให้พี่ชายไปขอร้องรัชทายาทให้ซื้อร้านเครื่องหยกนี้เสีย ไม่เชื่อหรอกว่าขาดคนไม่เอาไหนอย่างคุณชายรองไปจะซื้อร้านหยกไม่ได้!”
“รัชทายาท?! สะใภ้รอง พวกท่านไปรู้จักรัชทายาทตั้งแต่เมื่อไรเจ้าคะ”
หลี่เมิ่งซีไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่ตนสาบานเป็นพี่น้องกับรัชทายาท เพราะไม่อยากมีปัญหา ที่ผ่านมาจึงไม่ได้เล่าให้จือชุนฟัง เห็นนางถามถึง จือชิวตอบไม่ถูก ได้แต่มองหลี่เมิ่งซีด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ