บทที่สี่
รัชศกวั่นลี่ปีที่สี่สิบแปด ห่างจากวันที่ฮ่องเต้กวงจงสวรรคตมาแล้วเดือนกว่า ว่ากันว่าฮ่องเต้กวงจงสวรรคตเพราะเสวยลูกกลอนแดง กล่าวกันอีกว่าลูกกลอนแดงนี้หลี่เข่อจั๋วขุนนางผู้ช่วยของศาลสถิตยุติธรรมเป็นคนถวาย ทว่าตามคำเล่าลือฉบับใหม่ล่าสุดของวังหลวง ลูกกลอนแดงที่หลี่เข่อจั๋วถวายนั้น เฉียวเหยี่ยนแห่งสำนักแพทย์หลวงเป็นคนให้มา ข่าวลือนี้ถูกยืนยันความจริงในวันที่สามเดือนสิบรัชศกวั่นลี่ปีที่สี่สิบแปด วันที่สามเดือนสิบฮ่องเต้พระองค์ใหม่ทรงมีรับสั่งให้จับกุมหมอหลวงเฉียวเหยี่ยนและพวกทั้งสิบเอ็ดคน ไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนถูกจับเข้าคุกหลวงทั้งหมด ราวเที่ยงตรงองครักษ์เสื้อแพร** สามสิบคนภายใต้การนำของเจ้าเมืองนครหลวงก็วิ่งมาถึงบ้านสกุลเฉียว ก่อนล้อมรอบบ้านสกุลเฉียวเอาไว้
โรงแพทย์สกุลเฉียวมีนามว่าโรงแพทย์จิงเฉิง ว่ากันว่าสืบทอดมากว่าเจ็ดชั่วอายุคน สร้างหมอเลื่องชื่อออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า รัชศกจยาจิ้งโรงแพทย์จิงเฉิงยังสร้างหมอหลวงออกมาอีกสามคน ในระยะเวลาอันสั้นวิชาแพทย์ของโรงแพทย์จิงเฉิงก็เลื่องลือไปทั่วสารทิศ หลังรัชศกจยาจิ้งหมอในโรงแพทย์จิงเฉิงยังได้รับสืบทอดตำแหน่งหมอหลวง จนมาถึงเฉียวเหยี่ยนก็สืบทอดมาเป็นรุ่นที่สามแล้ว เฉียวเหยี่ยนวิชาแพทย์ล้ำเลิศ ประพฤติตนระมัดระวังตลอดมา ปฏิบัติต่อผู้อื่นก็สุภาพอ่อนโยนยิ่ง ทั้งยังสนิทสนมกับราชเลขาธิการฟางฉงเจ๋อ จึงเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน ลูกคนรองของเขาเฉียวจือเยวี่ยติดตามเขามาร่ำเรียนอยู่ในสำนักแพทย์หลวง บุตรคนโตเฉียวจือซูเมื่ออายุสิบเจ็ดก็รับช่วงต่อเป็นหมอออกตรวจประจำโรงแพทย์จิงเฉิง รักษาโรคอย่างเมตตาเสมอภาคไม่ว่ายากดีมีจน คนในเมืองหลวงต่างขนานนามเขาว่า ‘หมอคุณธรรม’
ด้วยเหตุนี้เมื่อองครักษ์เสื้อแพรมาล้อมรอบโรงแพทย์จิงเฉิงเอาไว้ ราษฎรที่เคยติดหนี้บุญคุณเฉียวจือซูจึงหลั่งไหลมารวมตัวกันอยู่รอบบริเวณ ส่งผลให้ตรอกเล็กหน้าประตูโรงแพทย์จิงเฉิงแน่นขนัดจนแม้แต่น้ำยังระบายออกไม่ได้ อ้ายจื่อจินถือร่มยืนเบียดเสียดอยู่ในกลุ่มคน ฝนแห่งฤดูใบไม้ร่วงตกไม่ขาดสาย มองผ่านกลุ่มคนเนืองแน่นและม่านพิรุณโปรยปราย นางเห็นเฉียวจือเยวี่ยกับน้องสาวเฉียวจือมั่นถูกคนใช้ทวนพู่สีแดงคุมตัวออกมา
ทันทีที่เฉียวจือซูซึ่งถูกมัดด้วยเชือกปรากฏตัวขึ้นที่ประตู ฝูงชนซึ่งห้อมล้อมอยู่ในตรอกเล็กก็แตกตื่นโดยพลัน ศีรษะนับไม่ถ้วนประหนึ่งคลื่นซัดสาดไปข้างหน้า ‘ห้ามจับท่านหมอเฉียว! ท่านหมอเฉียวมีโทษอะไรกัน พวกเจ้ามาจับคนส่งเดชเช่นนี้ได้อย่างไร!’
ฝูงชนทั้งดันทั้งผลักเอะอะกันวุ่นวาย องครักษ์เสื้อแพรเห็นสถานการณ์นี้คล้ายมึนงงอยู่บ้าง พากันชะงักงันราวกับถูกสกัดจุด ยามนี้เองชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งก็เข้ามาผลักองครักษ์เสื้อแพรที่กดไหล่เฉียวจือซูออกไป คุ้มกันเฉียวจือซูไว้ที่ด้านหลังตนเอง
‘ชาวบ้านดื้อด้าน บังอาจนัก! กล้า…’ เจ้าเมืองนครหลวงถึงได้หลุดจากภวังค์ ทว่ายังไม่ทันขาดคำราษฎรที่ถูกปลุกปั่นก็พุ่งเข้ามาทันที ผลักเขาลงไปกับพื้น
‘ท่านหมอเฉียวจิตใจเมตตายิ่งกว่าพระโพธิสัตว์ ช่วยดึงภรรยาข้ากลับจากประตูนรก แม้แต่อีแปะเดียวก็ไม่เก็บ เขาจะทำร้ายคนได้อย่างไร พวกเจ้ามันขุนนางสุนัขใช้อำนาจข่มเหงผู้คน!’
‘จริงด้วย อีสุกอีใสของเหล่าเยาบ้านข้าก็ได้หมอเฉียวช่วยรักษาจนหาย!’
‘ห้ามจับท่านหมอเฉียว!’
‘เข้าไป! จัดการเจ้าหน้าที่สุนัขพวกนี้ให้ราบคาบ!’
‘…’