ทั้งสามคนหันหน้าไปพร้อมกัน เห็นถังเหอประคองฮูหยินผู้เฒ่าถังข้ามธรณีประตูเข้ามา ส่วนเหล่าถังก้มศีรษะอย่างนบนอบอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งคู่ คาดว่าเหล่าถังได้รายงานสถานการณ์ที่นี่ต่อคนทั้งสองแล้ว
เจิ้งหนานชิงเรียกขาน “ท่านแม่” อย่างเคารพคำหนึ่ง ก่อนถอยไปอีกด้าน และไม่กล่าวอีกแม้แต่ประโยคเดียว
ถังเหอมองเจิ้งหนานชิงแวบหนึ่ง ก่อนมองดูเฉียวจือซู แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าถังกลับเดินตรงไปข้างเตียง สิ่งแรกที่ทำคือจับมือเลี่ยวชิงเหยียนพลางปาดน้ำตาสองสามหน แล้วเงยหน้าขึ้นมองหาเฉียวจือซู “เจ้าก็คือหมอซูผู้นั้น?”
“เป็นผู้น้อยขอรับ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าพิจารณาเขาจากหัวจรดเท้ารอบหนึ่ง “ได้ยินว่าเจ้าช่วยชีวิตข้า”
น้ำเสียงนางไม่ลดความยโสลงเลย ราวกับการที่เฉียวจือซูช่วยนางไว้นั้นเป็นเรื่องที่ชอบด้วยเหตุผล แม้แต่เจิ้งหนานชิงได้ยินยังรู้สึกกระอักกระอ่วน ทว่าเฉียวจือซูกลับนิ่งสบายเป็นธรรมชาติยิ่ง “หากพบขอทานคนหนึ่งตกอยู่ในอันตราย ผู้แซ่ซูย่อมเข้าช่วยเช่นกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่าถังคิดไม่ถึงว่าหมอต่ำต้อยไร้ชื่อเสียงจะเปรียบตนเองกับขอทาน นางโมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำ
เจิ้งหนานชิงรีบร้อนคลี่คลายสถานการณ์ “ท่านแม่ เมื่อครู่ผู้มีพระคุณบอกว่าโรคของพี่หญิงรักษาหายขาดได้เจ้าค่ะ”
เฉียวจือซูยิ้มน้อยๆ “แน่นอนว่าได้”
“อ้อ โรคที่แม้แต่หมอหลินยังรักษาไม่ได้ ทว่าหมอซูกลับรักษาได้! ข้านั้นอยากจะชมดูเสียหน่อย” น้ำเสียงแปลกพิกลเสียงหนึ่งดังลอยมา ทุกคนหันมองออกไปด้านนอก ไม่รู้ฮูหยินสามเฮ่อหลันซีเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อใด ซ้ำยังไปยืนด้านหลังฮูหยินผู้เฒ่าอย่างรู้ทัน ทีแรกฮูหยินผู้เฒ่ายังพอเชื่อเฉียวจือซูอยู่บ้างเล็กน้อย พอได้ยินเฮ่อหลันซีกล่าวเช่นนี้ ใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าระแวงขึ้นมา
ถังเหอเห็นว่าพายุหอบหนึ่งตั้งท่าก่อตัวจึงชิงถาม “เจ้าพูดจริงหรือว่าสามารถรักษานางให้หายได้”
เฉียวจือซูยิ้มเอ่ย “ไม่เพียงรักษาให้หาย ยังตอบข้อสงสัยของใต้เท้าถังได้อีกด้วย”
ถังเหอย่อมรู้ว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร ไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าตอบสนองก็โพล่งขึ้นมาว่า “ดี! ข้าให้โอกาสนี้แก่เจ้า!”
ฮูหยินผู้เฒ่าถังเห็นถังเหอประกาศเช่นนี้แล้ว ในใจก็รู้ว่าไม่อาจหักหน้าเขาต่อหน้าคนหมู่มากได้ จำต้องข่มกลั้นโทสะในใจ ขึงตาเหี้ยมให้เฉียวจือซูปราดหนึ่ง แล้วมองไปยังเจิ้งหนานชิงอย่างตักเตือน เฮ่อหลันซีเห็นฮูหยินผู้เฒ่าทวีความรังเกียจเจิ้งหนานชิงก็ยิ่งรู้สึกได้ใจอย่างยิ่ง
เฉียวจือซูจับตามองท่าทางของทุกคนไว้โดยไม่แสดงความรู้สึกใด เขาหันหน้าทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ภายนอกดำทะมึน เพิ่งฟ้าใสได้วันเดียวก็เริ่มครึ้มฝนอีกแล้ว