“หากข้าทำให้ฮูหยินใหญ่ตื่นขึ้นในเวลาสี่กำนธูปได้ ก็จะพิสูจน์ว่าคำพูดของข้าเป็นความจริง และคนที่ทำร้ายฮูหยินใหญ่คือผู้อื่น”
“ท่านแม่ อย่าฟังเขา…”
“แค่เวลาสี่ก้านธูปก็ตรวจสอบได้ว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือเป็นเท็จ ฮูหยินสามไม่กล้าหรือขอรับ”
“เจ้าอย่ามาใส่ร้ายยุยง! ท่านแม่ ท่านอย่าเชื่อเขา!”
“หากภายในชั่วสี่ก้านธูปฮูหยินใหญ่ไม่ฟื้น ข้ายอมให้จัดการได้ตามต้องการ ฮูหยินผู้เฒ่า ยามนี้ทำร้ายฮูหยินใหญ่ไปก็หาได้มีประโยชน์อะไรกับข้า แต่หากยังไม่ลงมือช่วยอีก เกรงว่าถึงหวาถัว กลับมาเกิดก็คงไร้กำลังเปลี่ยนลิขิตฟ้า หรือท่านต้องการเห็นฮูหยินใหญ่จากไปกับตาจริงๆ เล่าขอรับ”
เฮ่อหลันซีเห็นฮูหยินผู้เฒ่าถังลังเลพลันร้อนใจ “ท่านแม่ พวกเรายังไปเชิญ…”
“ตกลงตามนี้!” ถังเหอโพล่งขึ้น มองเฉียวจือซูอย่างเฉียบขาด “ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย มิเช่นนั้น หลังจากวันนี้ใต้หล้านี้จะไม่มีเจ้าอยู่อีก!”
เจิ้งหนานชิงใจเต้นกระตุก อดเงยหน้าขึ้นมองเฉียวจือซูอย่างเป็นกังวลไม่ได้ อีกฝ่ายกลับอมยิ้มดุจมั่นอกมั่นใจ “ได้!”
เฉียวจือซูเพียงขอน้ำแกงหัวไชเท้าที่ไม่ใส่เครื่องปรุงใดเลยหนึ่งชาม น้ำแกงหัวไชเท้าช่วยระบายลม เขาเห็นว่าเลี่ยวชิงเหยียนสลบไม่ฟื้นเป็นเพราะถูกคนใช้โสมบำรุงลมปราณแบบผิดๆ
ควันเบาบางลอยวนขึ้น เปลวไฟเผาไหม้ลงด้านล่างทีละน้อย เปลี่ยนธูปไปก้านหนึ่งและอีกก้าน สามก้านธูปผ่านไป นี่เป็นธูปก้านสุดท้ายแล้ว ขี้ธูปลอยร่วงลงไปในกระถางธูป คนที่นอนบนเตียงกลับไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย
ถังเหอพลันนึกถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างเจิ้งหนานชิงกับเฉียวจือซู ย่ำเท้าไปมาในห้องอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน อีกด้านฮูหยินผู้เฒ่าถังยิ่งรอจนร้อนใจ และใช้ไม้เท้าเคาะพื้นห้อง ฮูหยินสามกลับรับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าถังอย่างระแวดระวัง พลางลอบย่ามใจอย่างอดไม่อยู่เมื่อเห็นเวลาใกล้จะหมดลง สี่คนในห้องมีเพียงเฉียวจือซูที่สงบนิ่งที่สุด เขาคุกเข่าข้างหนึ่งข้างเตียง ปั่นเข็มเบาๆ อย่างพิถีพิถันลงบนจุดเสินเหมินของฮูหยินใหญ่ถัง ใช้นิ้วโป้งดีดเข็มอย่างรวดเร็ว ก่อนจับตัวเข็มไว้ก่อนจะออกแรงดึงขึ้น ถอนเข็มออกจากผิวหนังอย่างว่องไว จากนั้นเขาจึงฝังเข็มเพิ่มที่จุดเหอกู่ จุดจู๋ซานหลี่ และจุดอื่นๆ ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับตัวเข็มแน่น ปั่นไปทางขวาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการใช้วิธีฝังเข็มแบบระบาย
เมื่อถอนเข็มสุดท้ายก็พอดีกับที่ไฟธูปดับมอดลง เถ้าก้อนเล็กก้อนสุดท้ายร่วงลงมา
เฮ่อหลันซีโพล่งขึ้นอย่างฮึกเหิม “เวลาสี่ก้านธูปหมดแล้ว!”
ขาดคำ จู่ๆ บนเตียงก็มีเสียงผายลมดังขึ้นเสียงหนึ่ง ต่อด้วยกลิ่นเหม็นเน่าระบายออกมาติดต่อกัน คนในห้องพากันย่นคิ้วปิดจมูก ทันใดนั้นเสียงครวญครางเบาบางราวกับไม่มีอยู่จริงก็เปล่งออกมาจากริมฝีปากของเลี่ยวชิงเหยียน คนทั้งหมดตะลึงพรึงเพริด หันศีรษะไปพร้อมกัน คนอ่อนแรงสลบไสลอยู่บนเตียงผู้นั้นเริ่มขยับเขยื้อนแล้ว