วันที่สอง ฝนที่ตกๆ หยุดๆ ติดต่อกันมาสิบวัน ในที่สุดก็ถึงคราวที่ฟ้าปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์สายหนึ่งสะท้อนเงาไม้ลงบนผิวน้ำในบ่อ บางครั้งก็จะมีแมลงปอโฉบแตะแผ่วเบาบนใบบัวเหนือผิวน้ำ บินต่ำฉวัดเฉวียน สาวใช้ชุดสีเขียวคนหนึ่งสะพายตะกร้าผักเดินอยู่ข้างบ่อน้ำ เป็นอาเม่ยสาวใช้ในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าถัง
ฮูหยินผู้เฒ่าถังชอบกินผักอวิ๋นไถที่สุด ผักอวิ๋นไถในจวนล้วนได้อาเม่ยเป็นคนเลือกสรรด้วยตนเอง ในตะกร้าผักของนางบรรจุผักอวิ๋นไถที่มีหยดน้ำเกาะอยู่เต็มไปหมด ทว่าอาเม่ยมิได้เดินไปทางห้องครัว ทั้งไม่ได้เดินไปทางเรือนใหญ่ของฮูหยินผู้เฒ่า ตรงกันข้ามกลับเดินไปทางเรือนหลันซี ด้านในเรือนหลันซีเป็นที่พำนักของฮูหยินสามสกุลถัง…เฮ่อหลันซี
ขณะที่อาเม่ยเดินอยู่นั้น ทันใดก็รู้สึกว่าบริเวณใต้เข่าลงไปสามชุ่นคล้ายถูกอะไรตีเข้าทีหนึ่ง ทั้งขาพลันชาหนึบ ร่างกายพลันเซโน้มไปด้านหน้า เคราะห์ยังดีที่ได้แขนมีกำลังข้างหนึ่งประคองไว้ได้ทันเวลา นางเบิกตากลมอย่างหวาดหวั่น ที่ปรากฏในสายตาเป็นสิ่งแรกก็คือเส้นผมสีเทาขาวทั่วศีรษะ ต่อมาคือนัยน์ตาลุ่มลึกดังมหาสมุทรคู่หนึ่ง สุดท้ายจึงเป็นสันจมูกอันสูงโด่ง อาเม่ยพลันหน้าแดงเรื่อ ถอยหลังอย่างลนลานไปหลายก้าว แล้วเอ่ยอย่างเขินอาย “ขอบคุณท่านหมอซู”
หลังเฉียวจือซูเข้ามาอาศัยที่จวนสกุลถังในฐานะแขก ผมสีเทาขาวประหลาดทั่วศีรษะของเขาก็กลายเป็นเรื่องที่คนในจวนสกุลถังถกกันบ่อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ อาเม่ยจึงไม่เห็นว่าเขาแปลกหน้าแต่อย่างใด
เฉียวจือซูยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเหลือบมองตะกร้าผักในมืออาเม่ย ท่าทีเรื่อยเฉื่อยยิ่ง “ไฉนจึงซื้อผักอวิ๋นไถมามากมายเช่นนี้”
อาเม่ยยิ้มเอ่ย “นี่ไม่นับว่ามากมายอะไร ครั้งก่อนฮูหยินสามยังขอไปถึงห้าชั่ง เชียวนะเจ้าคะ!”
เฉียวจือซูเผยสีหน้าตกตะลึง “ข้าได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่ากินมังสวิรัติมานานปี ทุกมื้อล้วนต้องมีผักอวิ๋นไถ ที่แท้ฮูหยินสามก็ชอบกินเช่นเดียวกันหรอกหรือนี่!”
“ยามที่ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการจะกิน ล้วนได้ฮูหยินสามเป็นผู้ลงครัวด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
“ผักอวิ๋นไถมากมายเพียงนี้เกรงว่าคงทำได้หลายมื้อกระมัง”
“ไม่เจ้าค่ะๆ ทุกครั้งฮูหยินสามจะคัดก้านกับเมล็ดออก ทั้งยังเลือกแต่ส่วนที่อ่อนที่สุด เห็นอยู่เต็มตะกร้าเช่นนี้ อย่างมากก็ทำได้แค่อาหารหนึ่งมื้อเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ฮูหยินสามมีน้ำใจโดยแท้”
“ท่านหมอซู ฮูหยินสามต้องการผักเหล่านี้โดยเร็ว ข้าขอตัวก่อน”
อาเม่ยเดินไปไกลแล้ว เฉียวจือซูยังคงก้มหน้าใคร่ครวญ เมื่อครู่หินที่เขาใช้ปาจุดจู๋ซานหลี่ของสาวใช้วางราบอยู่กลางหญ้าอ่อนที่เพิ่งแตกหน่อ เสมือนมันอยู่ที่นั่นเสมอมา เขาเก็บหินขึ้นมาขัดถูอย่างเชื่องช้าก่อนเขวี้ยงออกไป หินลอยเป็นเส้นโค้งงดงามกลางอากาศ มุมปากเฉียวจือซูยกยิ้มเป็นเส้นโค้งน่าชมเช่นเดียวกัน ได้ยินเพียงเสียงจ๋อม ในบ่อน้ำมีคลื่นน้ำแผ่ออกเป็นวงชั้นแล้วชั้นเล่า
เฉียวจือซูเดินไปทางเรือนหลันซีเช่นเดียวกัน แต่เดินโดยใช้อีกทางหนึ่ง ทางสายนี้ตรงไปยังด้านหลังของเรือนหลันซี ประตูหลังเรือนหลังนี้ปิดสนิทแน่นหนา เฉียวจือซูทะยานขึ้นไปบนกำแพงอย่างแผ่วเบา ยามนี้อาเม่ยกำลังยื่นตะกร้าใส่ผักอวิ๋นไถอยู่เต็มให้สาวใช้นางหนึ่ง