เห็นดังนี้ ชุนหลันก็นำเหล่าบ่าวไพร่คารวะก่อนถอยออกจากห้องทั้งหมด
ครั้นในห้องเหลือเพียงนางกับเฝิงหมัวมัว สะใภ้ใหญ่จั่นถึงได้ถอนหายใจหนักๆ “หมัวมัว เมื่อคืนท่านใหญ่เปรยเรื่องรับอนุกับข้า”
“เขากล้า! เขาเป็นเพียงบุตรชายสายรองของตระกูลพ่อค้า สามารถแต่งธิดาเจ้าเมืองได้ก็ไม่รู้เป็นบุญวาสนาที่สั่งสมมากี่ชาติภพแล้ว อีกทั้งตอนที่หมั้นหมายเขาก็เคยรับปากคุณหนูเป็นมั่นเหมาะแล้วว่าจะไม่รับอนุไปชั่วชีวิต นี่เพิ่งจะผ่านมากี่ปีเอง” เฝิงหมัวมัวได้ยินเช่นนี้ก็อดจะเดือดดาลขึ้นมาไม่ได้ ชี้ประตูด่าจนน้ำลายกระเซ็น ท่าทางโมโหยิ่งกว่าสะใภ้ใหญ่จั่นเองเสียอีก
สะใภ้ใหญ่จั่นเบ้าตาเรื่อแดง พูดเสียงกระซิบ “ยังคงเป็นหมัวมัวที่รักข้า แต่หมัวมัวก็รู้อาการของชิงฮุยกับเยี่ยเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าหมอคนใดบอกเขาว่านี่อาจจะเป็นโรคที่มาจากทางสกุลอวี๋ของพวกเรา”
ครั้นนางพูดเช่นนี้ เฝิงหมัวมัวก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรแล้ว เจ้าเมืองอวี๋ปิดให้ตายก็ปิดญาติสนิทไม่อยู่
สะใภ้ใหญ่จั่นยังมีพี่ชายอีกสองคน ล้วนแต่อายุสิบกว่าแล้วก็ยังยืนไม่ได้ หน้าตาท่าทางก็เหมือนปัญญาอ่อน อุตส่าห์เลี้ยงมาถึงอายุสิบสองสิบสามได้กลับจากไปก่อนวัยอันควร เจ้าเมืองอวี๋กับภรรยาเอกของเขาจึงเหลือเพียงสะใภ้ใหญ่จั่นเป็นบุตรสาวสายตรงคนเดียว จนฮูหยินเจ้าเมืองอายุเลยสี่สิบ เจ้าเมืองอวี๋ถึงได้รับอนุมาคนหนึ่ง
อนุคนนี้เข้าจวนมาก็ให้กำเนิดบุตรชายฝาแฝด บัดนี้อายุหกขวบ เฉลียวฉลาดหัวไว ทำให้ยิ่งเห็นชัดว่าสายเลือดทางฮูหยินเจ้าเมืองมีปัญหา ถ้ามิใช่ฮูหยินเจ้าเมืองเป็นญาติผู้น้องแท้ๆ ของเจ้าเมืองอวี๋ ไม่แน่อาจจะถูกหย่าไปนานแล้ว เรื่องนี้ผู้ที่สนิทกับเจ้าเมืองอวี๋ล้วนรู้กันทั้งสิ้น
แม้ว่าเรื่องที่สะใภ้ใหญ่จั่นให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวร่างกายบกพร่องให้แก่จั่นอวิ๋นเผิงจะถูกปิดไว้อย่างมิดชิด แต่ก็ยังมีข่าวลือที่ข้างนอกไม่น้อย
หลังเงียบไปครู่ใหญ่ สะใภ้ใหญ่จั่นก็ถอนใจพลางพูดเสียงเบาอีกว่า “หมัวมัว ท่านว่าถ้าตอนนั้นข้าเลือกคุณชายสุยเฟิง ตอนนี้จะมีชีวิตสบายเป็นสุขกว่านี้หรือไม่”
คำถามนี้ทำเอาเฝิงหมัวมัวตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูก นางมองซ้ายขวาปราดหนึ่งก่อนว่า “ท่านจะพูดเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ เรื่องนี้ล้วนต้องโทษท่านรอง บุตรชายสายตรงของคหบดีจั่นมีอะไรไม่ดีกัน แต่เขากลับปิดบังฐานะ อาศัยความรู้ความสามารถหากิน ให้ใต้เท้าเลือก อย่างไรก็ไม่มีทางเลือกบัณฑิตที่ไร้วาสนากับวงการขุนนาง ทั้งยังยากจนข้นแค้นหรอกเจ้าค่ะ ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็น…เฮ้อ”
มุมปากสะใภ้ใหญ่จั่นอดจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นไม่ได้ “ปิดบังๆ ถึงตอนนี้เขาก็ยังอยากปิดบัง แล้วยังมีหลินฟางเฟยที่หน้าไม่อายนั่นอีก นางนึกว่าทำ…กับอวิ๋นหยางที่คฤหาสน์นอกเมืองแล้วก็จะนั่งตำแหน่งสะใภ้รองสกุลจั่นได้มั่นคงหรือไร ฝันไปเถอะ! หมัวมัว ท่านว่าถ้าคนในเมืองเซิ่งโจวรู้ว่าคุณชายสุยเฟิงคือจั่นอวิ๋นหยาง ท่านรองของคฤหาสน์สกุลจั่นเรา ธรณีประตูจะถูกแม่สื่อเหยียบพังหรือไม่ ถึงเวลานั้นก็คอยดูว่าท่านพ่อจะคิดหาทางเปลี่ยนการหมั้นหมายให้เขาใหม่หรือเปล่า”
แม้นางจะนับว่าถอดใจจากจั่นอวิ๋นหยางแล้ว แต่สะใภ้ใหญ่จั่นก็ไม่อยากได้หลินฟางเฟยมาเป็นน้องสะใภ้แม้แต่นิดเดียว ถึงขนาดรู้สึกว่าไม่มีใครคู่ควรกับจั่นอวิ๋นหยางทั้งนั้น
เฝิงหมัวมัวกลอกลูกตา วางใจลงได้เล็กน้อยในที่สุด “มิน่า ท่านถึงจะส่งคุณชายน้อยกับคุณหนูเล็กไปรักษาที่เรือนเล็ก ถือโอกาสนี้ทำให้คนสนใจเรื่องทางนั้น พอหันมาอีกทีคุณชายน้อยกับคุณหนูเล็กของพวกเราก็ไม่เหลืออาการป่วยแล้ว นายท่านกับท่านใหญ่จะต้องตกใจแน่นอน”
“เรื่องตกใจอะไรข้ากลับไม่เคยคิด เพียงแต่อยากให้ชิงฮุยกับเยี่ยเอ๋อร์หายดีเท่านั้นเอง” สะใภ้ใหญ่จั่นพูดมามากขนาดนี้ ประโยคปิดท้ายกลับดูท่าทางเสแสร้งอย่างเห็นได้ชัด ทว่าในห้องก็มีแค่นางกับเฝิงหมัวมัว ไม่เพียงไม่ถูกเหลือกตาใส่ แต่ยังทำให้เฝิงหมัวมัวซึ้งใจน้ำตาแทบไหล
เฝิงหมัวมัวหลังจากเช็ดน้ำตาตรงหางตาแล้ว ก็แสดงความจงรักภักดีด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแผ่วเบา “วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะปรนนิบัติคุณชายน้อยกับคุณหนูเล็กอย่างดีแน่นอน”