“นี่มิใช่ของขวัญขอบคุณจากสะใภ้ใหญ่จั่นหรอกหรือ” หลงจู๊ยื่นมือไปรับมาก่อนพูดพึมพำ
“นางให้ข้าแล้วก็เป็นของข้า อีกทั้งสิ่งของไม่มีชีวิต คนสิถึงมีชีวิต ข้าไม่มีข้าวจะกินอยู่แล้ว จะให้แทะไข่มุกนี้แทนหรือไร” เยี่ยเหมยยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่าตนเองกลับสู่ภาวะปกติแล้ว เมื่อครู่นางหวิดจะถูกเสียงของผู้เป็นคุณชายทำให้หลงใหลจนลืมจุดประสงค์เดิม จึงแลบลิ้นก่อนเอ่ยเร่ง “หลงจู๊ รบกวนท่านเร็วหน่อย”
“ลุงหู ปิ่นของสะใภ้ใหญ่จั่นที่คุณภาพแย่ที่สุดยังมีราคาเกินสิบตำลึง ในเมื่อเป็นของเก่า ท่านก็ให้ราคาสิบตำลึงแก่…แม่นางท่านนี้แล้วกัน” เวลานี้สีหน้าของเขากลับมาเย็นชาเหมือนเก่าแล้ว กวาดตามองการแต่งกายที่มีสีสันเรียบง่ายสบายตาของเยี่ยเหมยปราดหนึ่ง ในดวงตาวาบแววระแวงสงสัย
“สิบตำลึง?!” เยี่ยเหมยได้ยินก็ดีดลูกคิดในใจทันที เงินหนึ่งตำลึงเทียบเป็นเงินสมัยนี้เท่ากับหนึ่งพันอีแปะ เช่นนั้นสิบตำลึงก็เท่ากับหนึ่งหมื่นอีแปะ! คิดไม่ถึงว่าตนเองจะเหยียบลงบนเส้นทางเศรษฐีเงินหมื่นเร็วขนาดนี้
“อื้ม นอกจากนี้ข้าจะจ่ายค่ามัดจำให้เจ้าอีกห้าตำลึง เจ้ามีเวลาสามวันในการทำรถเข็นเด็กและรถหัดเดินให้เสร็จแล้วส่งไปยังคฤหาสน์สกุลจั่นทางทิศใต้ของเมือง เช่นนี้เป็นอย่างไร” เขาท่องประโยคว่า ‘สิ่งของไม่มีชีวิต คนสิมีชีวิต’ นั้นอยู่ในใจ พลางมุมปากยกขึ้นน้อยๆ เสียงยิ่งนุ่มหูกว่าเดิม
การค้าชุดแรกที่เพิ่งจะบินจากไปอย่างไร้ปรานีติดปีกบินกลับมาอีกครั้ง อีกทั้งเสียงบอกราคานี้ก็ตรงกับใจนางพอดิบพอดี ทำให้นางได้ยินแล้วคันยุบยิบในใจ
เยี่ยเหมยพยักหน้าหงึกหงักด้วยความตื่นเต้นพลุ่งพล่าน “ได้เลย เพียงแต่เวลาเพียงสามวันอาจจะทำได้แค่ใช้งานได้ ไม่อาจทำให้วิจิตรบรรจง” ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์และบุคลิกท่าทางสง่างามของคุณชายหนุ่ม ฐานะทางบ้านจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ด้วยฐานะเช่นนี้ ถ้าเกิดคนในบ้านเขาไม่ถูกใจของก็ได้ไม่คุ้มเสียแล้ว ต้องพูดกันให้เข้าใจก่อนถึงจะใช้ได้
“แค่ใช้งานได้ก็พอ” เขากลับไม่มีความเห็นขัดข้อง
คำตอบนี้ทำให้เยี่ยเหมยดีใจ รอยยิ้มงามสดใสบนใบหน้าอย่างไรก็ปิดไม่อยู่ “ตกลง ข้าจะทำให้คุณชายกับฮูหยินพอใจได้แน่นอน”
ได้ยินเช่นนี้เขาก็ขมวดคิ้ว สุดท้ายยังคงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ขณะเยี่ยเหมยรับเงินและเตรียมจะจากไปพร้อมกับเยี่ยหย่วน เขากลับพลันเสริมขึ้นอีกประโยค “วิงเวียนศีรษะก็เป็นอาการป่วย แม่นางอย่าได้ละเลย”
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยเหมยที่เพิ่งจะก้าวข้ามธรณีประตูร่างไหวเอนได้สำเร็จ ทั้งยังหวิดจะหกล้ม นางจึงหันหน้ากลับไปอย่างเข่นเขี้ยว “ขอบคุณคุณชายมากที่เตือน ข้าจะดูแลตนเองให้ดี” นี่มันจงใจชัดๆ คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูหล่อเหลาเย็นชาผู้หนึ่งจะถึงกับชอบเห็นคนขายหน้า!
ถ้ารู้ว่าตอนนี้ในใจเยี่ยเหมยคิดอะไร จั่นอวิ๋นหยางจะต้องมีสีหน้าไม่อยากเชื่อแน่นอน!
มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าขณะเห็นร่างผ่ายผอมบอบบางของเยี่ยเหมยถูกเด็กอายุราวสองขวบอย่างเยี่ยเอ๋อร์ถ่วงจนล้มลงกับพื้น เขาเกือบจะยั้งเท้าตนเองไม่อยู่ หวิดจะพุ่งออกไปประคองนาง ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยนี้แม้แต่เขาเองก็ยังอธิบายสาเหตุไม่ได้ คำเตือนด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนั้นอันที่จริงเป็นถ้อยคำที่เขาทนเก็บไว้ตั้งแต่ได้เห็นนางแล้ว
“นายน้อย ของที่ท่านต้องการในคลังเก็บของไม่มีชิ้นใดที่คล้ายกันเลยขอรับ ไม่ทราบว่านายน้อยรีบหรือไม่ ผู้น้อยสามารถย้ายสินค้ามาจากเมืองอื่น และก็สามารถสั่งทำใหม่ตามแบบที่นายน้อยวาดได้เช่นกัน” ลุงหูที่ยืนอยู่ด้านหลังจั่นอวิ๋นหยางอย่างเคารพนบนอบมาโดยตลอดเห็นว่าในโรงรับจำนำไม่มีคนนอกแล้ว จึงเอ่ยถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ถูกขัดจังหวะกับอีกฝ่าย