ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 519-521
บทที่ 521 ภาพร่างขั้นต้น
เมื่อเฉินอิ๋งได้ยินเช่นนั้นนางก็โบกมืออย่างไม่ถือสา ทว่าที่นางครุ่นคิดอยู่กลับเป็นอีกเรื่อง
“เฉียนเทียนเจี้ยงถูกคนสังหาร เรื่องนี้พวกเรามั่นใจได้ ทว่า…” นางมองไปทางเผยซู่ สายตาฝากแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกกลัดกลุ้มกังวล “…คนร้ายผู้นี้น่าจะเป็นคนใน หากข้าคาดเดาไม่ผิด คนที่ลงมือสังหารเฉียนเทียนเจี้ยงน่าจะอยู่ในจวนนี้”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปากของเฉินอิ๋ง กลิ่นอายบนตัวของเผยซู่ก็เย็นเยียบลงอย่างรวดเร็ว
“เทียบกับการตัดสินคดีนี้แล้ว ข้ารู้สึกว่าการจับคนร้ายตัวจริงให้ได้นั้นยากเย็นยิ่งกว่า” เฉินอิ๋งพูดต่อ สีหน้ากลัดกลุ้มจริงจัง “ทุกคนในจวนล้วนแต่น่าสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเป็นไปได้ที่ว่าเรื่องนี้คนร้ายอาจไม่ได้ลงมือคนเดียว เบื้องหลังอาจมีคนช่วยวางแผนด้วย”
พอพูดถึงจุดนี้สีหน้าของเฉินอิ๋งก็เคร่งขรึม มีหนอนบ่อนไส้อยู่ข้างกายเผยซู่ แค่คิดถึงจุดนี้แผ่นหลังของนางก็หนาวสะท้านแล้ว
ทว่าครั้นคิดดูอีกที เรื่องนี้เหมือนจะไม่ใช่เรื่องแย่แต่อย่างใด อย่างน้อยการตายของเฉียนเทียนเจี้ยงก็พิสูจน์ให้เห็นชัดถึงข้อสงสัยตลอดสิบกว่าปีมานี้ของสกุลเผย
การตายของเผยก่วงบิดาของเผยซู่เกิดขึ้นจากเงื้อมมือของคนกันเอง
นั่นเป็นการจงใจฆ่าและมีการวางแผนอยู่ก่อนล่วงหน้า ซึ่งเป้าหมายก็ชวนให้คนรู้สึกหนาวสะท้านยิ่งนัก
กองกำลังทั้งสองทำสงครามกัน แม่ทัพสิ้นชีวิต นี่มิใช่เรื่องความเป็นความตายของคนผู้เดียว แต่กลับเป็นความรุ่งเรืองล่มสลายของทั้งกองทัพทั้งแผ่นดิน หากมิใช่เพราะกองกำลังสกุลเผยยอมทุ่มเทเสียสละใหญ่หลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะแล้วล่ะก็ ยามนี้ต้าฉู่ไหนเลยจะรุ่งเรืองรุ่งโรจน์เยี่ยงนี้ได้
ไม่มีผู้ใดกล้ารับประกัน
ครั้นอนุมานดูจากเส้นเวลา ตอนซีอี๋รุกเข้าประชิดชายแดนเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับคังอ๋องก่อกบฏ ทั้งสองฝ่ายทำงานสอดประสานกันอยู่ไกลๆ ความสัมพันธ์รางเลือนเช่นนี้ทำให้คดีของเฉียนเทียนเจี้ยงนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด
คนที่ปลิดชีวิตเผยก่วง มิได้เป็นเพียงศัตรูธรรมดาๆ หากแต่เป็นพวกกบฏ
ก็เหมือนกับที่เผยซู่บอก คนผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเหล่าเชื้อพระวงศ์ขุนนางชั้นสูง ที่ลงมือลอบฆ่าเฉียนเทียนเจี้ยงนั้นก็เพื่อปิดปากอีกฝ่าย
เฉินอิ๋งรู้สึกได้อยู่เลาๆ ว่าสิบกว่าปีมานี้คนที่ลงมือสังหารเผยก่วงกับคนที่ลงมือปลิดชีวิตเฉียนเทียนเจี้ยง ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนผู้เดียวกันด้วยซ้ำ
ต่อให้ไม่ใช่ คนที่วางแผนก็น่าจะเป็นคนเดียวกันเป็นแน่
“ไม่รู้ว่าอาอิ๋งมีภาพร่าง…ของคนร้ายผู้นี้หรือไม่”
จู่ๆ เสียงของเผยซู่ก็ดังขึ้นที่ข้างหูนาง แผ่วเบานุ่มนวลคล้ายดีดเส้นไล้สายพิณ ปลุกเฉินอิ๋งให้ตื่นจากห้วงคิดคำนึง
นางขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้ดีว่าที่อีกฝ่ายพูดนั้นหมายความเช่นไร
เขากำลังพูดถึงการวิเคราะห์ลักษณะของคนร้าย
ตอนคลี่คลายคดีลอบสังหารบนเขาเสี่ยวสิง เฉินอิ๋งเคยทำการวิเคราะห์ลักษณะของคนร้ายเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้หยวนจยามาก่อน เผยซู่คงรู้เรื่องนี้จากในตอนนั้น
“มีภาพร่างขั้นต้นบางอย่างที่ข้าพอบอกกับท่านได้ในเวลานี้” เฉินอิ๋งกล่าวพลางปลดถุงมือออก เก็บเข้าใส่ในถุงเก็บเครื่องมือ “หากพิจารณาดูจากวิธีการและเวลา จุดเด่นแรกของคนร้ายคือละเอียดรอบคอบ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากสองสามจุดต่อไปนี้”
นางกดหัวคิ้วลงน้อยๆ น้ำเสียงแผ่วเบาทว่าหนักแน่น “อย่างแรก เขารู้ดีถึงช่วงเวลาการเคลื่อนไหวรวมถึงเส้นทางของการลาดตระเวนยามค่ำคืนของผู้คนในจวนโหวเป็นอย่างดี รวมถึงการตื่นนอนยามค่ำของเฉียนเทียนเจี้ยงและการเคลื่อนไหวอื่นๆ นี่แสดงให้เห็นว่าคนร้ายจับตาพินิจพิจารณาดูพวกท่านมาเป็นเวลานานแล้ว อีกทั้งยังเตรียมการมาเป็นอย่างดี”
ขณะพูดเฉินอิ๋งก็เดินไปหยุดอยู่ที่ข้างหน้าต่าง เงยหน้าทอดสายตามองไกลออกไป
ต้นท้อต้นหลี่ในสวนล้วนทิ้งใบหมดสิ้น ปลิดปลิวลอยละล่อง กลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้าอบอวลอยู่กับผืนน้ำ เมฆบางเหนือเส้นขอบฟ้าคล้อยเคลื่อนเผยให้เห็นถึงท้องฟ้าสีสดใส
น้ำเสียงของนางสงบนิ่งใสกระจ่าง “ประการที่สอง คนร้ายจงใจเลือกลงมือในคืนฝนตก หมายใช้เสียงฝนกลบเสียงการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นน้ำฝนยังชะล้างร่องรอยได้รวดเร็ว สภาพอากาศหรือก็ชวนให้คนรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง สูญเสียความระแวดระวัง เรียกได้ว่าคนผู้นี้ครุ่นคิดรอบคอบระมัดระวังยิ่งนัก ประการที่สาม เขาใช้วิธีการปลอมตัว จงใจให้พยานพบเห็น สร้างสถานการณ์ลวงทำเป็นพลัดตกลงไปในบ่อ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดรอบคอบของคนร้ายรายนี้”
นางหยุดพักไปชั่วอึดใจก่อนจะกล่าวต่อ “นอกจากนี้คนร้ายอาจมิใช่บ่าวไพร่ธรรมดาทั่วไป ฐานะของเขาแม้จะไม่สะดุดตาคนนัก แต่ก็มีอำนาจหรือทำการใดได้โดยสะดวกอยู่ประมาณหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าออกจวนได้โดยง่าย อีกทั้งยังสามารถหาซื้อหยูกยาได้ไม่ยาก แม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ไม่เป็นที่ต้องสงสัย”
“ความหมายของเจ้าคือบ่าวไพร่สองคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องนั้นบางทีอาจถูกคนวางยา?” เผยซู่การตอบสนองรวดเร็วยิ่ง เขาถามออกมาทันควัน สีหน้าเย็นเยียบ
“ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ” เฉินอิ๋งยืนหันหลังให้เผยซู่ มีก็แต่น้ำเสียงที่ลอยละล่องไหลเลื่อนไม่หยุด “ทว่าข้าคิดว่ายาที่คนร้ายใช้ไม่น่าจะเป็นยาสลบ เพราะการผสมยาสลบนั้นไม่ง่าย อีกทั้งเศษยาที่เหลือก็ยังกำจัดทิ้งได้ยาก คนผู้นี้เป็นคนละเอียดรอบคอบ ยาที่เขาใช้น่าจะเป็นของที่ค่อนข้างธรรมดา ง่ายต่อการทำให้คนเข้าใจผิดว่าจะนำมาใช้เพื่อการอื่นอย่างยาสงบใจ”
“ยาสงบใจ?” เผยซู่หลุดปากพูดเสียงแผ่ว น้ำเสียงผิดเพี้ยนอยู่เล็กๆ
เฉินอิ๋งหรี่ตาลง นางหันกลับมาอย่างรวดเร็ว “ทำไม ท่านคิดอะไรได้กระนั้นหรือ”
ในยามนี้เผยซู่สีหน้ากลับกลายเป็นเขียวคล้ำ แววตาเย็นเยียบแทบจะทำคนเป็นน้ำแข็งได้
“ท่านพ่อมีลูกน้องเก่าอยู่สองสามคน ยามนี้ล้วนพำนักอยู่ในลานเรือนใหญ่นั่นร่วมกับเฉียนเทียนเจี้ยง” เขาขมวดคิ้ว มือที่ไพล่อยู่ทางด้านหลังกุมเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน “หนึ่งในนั้นมีผู้อาวุโสแซ่เก่ออยู่คนหนึ่ง ระยะนี้เพราะต้องลมหนาว ท่านหมอจึงจ่ายยาให้เขาไม่ใช่น้อย เหมือนจะมียาสงบใจปะปนอยู่ด้วย”
“มียาสงบใจจริงๆ?” เฉินอิ๋งสองตาเบิกกว้างคล้ายไม่นึกอยากเชื่อ นางแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะพูดถูก
“นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญยิ่ง” นางพยักหน้าพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หากท่านส่งคนไปสืบค้นเดี๋ยวนี้ เชื่อว่าต้องพบแน่ว่ายาสงบใจนั้นหายไปชุดหนึ่ง”
นางจ้องเผยซู่เขม็ง สีหน้าท่าทางสงบนิ่งไม่มีอันใดผิดปกติ “เมื่อครู่ข้าบอกแล้วว่าทุกคนในจวนล้วนอาจเป็นคนร้ายได้ และคนร้ายอาจมิได้มีเพียงหนึ่ง”
“ข้ารู้แล้ว” เผยซู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายบนร่างเย็นยะเยือก “เพียงแต่เมื่อครู่จู่ๆ ได้ยินเจ้าบอกมาเช่นนั้น ข้าก็อดนึกหวั่นใจไม่ได้”
เฉินอิ๋งมองดูเขาอยู่ครู่หนึ่ง คิดอยากเอ่ยปากปลอบใจ แต่เพราะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อันใด นางจึงได้แต่ถอนหายใจเท่านั้น
ที่เผยซู่ต้องการในเวลานี้มิใช่การปลอบใจแต่หากเป็นความจริง
นางรีบจัดการเรียบเรียงความคิดอ่านในสมองเสียใหม่ ก่อนจะพูดต่อจากหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ “พวกเรามาพูดถึงจุดเด่นที่สามของคนร้ายต่อดีกว่า คนผู้นี้ไม่เพียงใจกล้า แต่ทักษะยุทธ์ยังไม่เลวอีกด้วย ลานเรือนของผู้ตายหน้าต่างประตูอันใดล้วนยังอยู่ในสภาพดี ไม่มีร่องรอยฝืนบุกเข้าไปแม้แต่น้อย ข้าเดาว่าคนร้ายบางทีอาจจะแฝงเข้าไปอยู่ภายในก่อนหน้าแล้ว รอจนบ่าวสองคนหลับสนิทถึงค่อยปรากฏตัวออกมาฆ่าคน หลังจากนั้นก็แบกศพเดินอาดๆ ออกจากประตูไป และโยนศพทิ้งลงในบ่อน้ำแห้งขอดนั่น”
“ออกจากประตู?” เผยซู่ราวกับฟังไม่เข้าใจ เขาขมวดคิ้วถาม “ทว่าประตูลานนั่นแค่ปิดงับไว้เฉยๆ เท่านั้น หากมีคนพบเห็นเข้า แผนการของเขามิเท่ากับถูกทำลายหรือ”
“ไม่ ตรงกันข้าม นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่คนร้ายต้องการ” เฉินอิ๋งหันหน้ามองออกไปที่นอกหน้าต่าง
ต้นไม้เขียวชอุ่มขยับไหวอยู่ภายใต้แสงตะวัน ดวงตาของนางคล้ายถูกอาบย้อมจนกลายเป็นสีเขียวเข้ม “ผู้ตายออกจากเรือนไปห้องสุขา บังเอิญพลัดตกลงไปในบ่อ หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ประตูลานไหนเลยจะถูกปิดได้”
เผยซู่ตะลึงไปชั่วขณะ ในใจนึกหวาดประหวั่น
คนร้ายคิดอ่านละเอียดรอบคอบเช่นนี้ โอกาสที่จะจับตัวได้ย่อมไม่ใช่ง่าย ในเมื่อเป็นเช่นนี้อันตรายก็ยิ่งเพิ่มมากเป็นทวีคูณ
เขาหลุบตาลงน้อยๆ สายตาเย็นยะเยือก
ต่อให้ต้องขุดดินลึกสามฉื่อ เขาก็จะไม่ยอมให้คนร้ายตัวจริงมีที่หลบซ่อนได้เป็นอันขาด
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 23 เม.ย. 66 เวลา 12.00 น.