ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 519-521 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ออกจากจวนมาไขคดี บทที่ 519-521

บทที่ 520 หนึ่งเรือนไม่กวาด

เฉินอิ๋งปิดสมุดบันทึกตามองไปทางเผยซู่ “คำให้การของบ่าวสองคนนั้นต่างยืนยันตรงกัน ตอนเบิกความเป็นพยาน ท่าทางของพวกเขาหรือก็เป็นธรรมชาติ ตรรกะอันใดล้วนไม่มีช่องโหว่ เท่าที่ข้าเห็นไม่น่าจะมีปัญหาอันใด พอจะบอกโดยรวมๆ ได้ว่าที่พวกเขาพูดมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริง”

พอพูดจบสีหน้าท่าทางของนางก็กลับกลายเป็นลึกล้ำ “จนถึงตอนนี้ข้าคงได้แต่ต้องกลับไปยังข้อสันนิษฐานแรกใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็คือเปียกฝน”

“เปียกฝน?” เผยซู่มองดูเฉินอิ๋งด้วยแววตาสงสัย “ทว่าเวลาไม่สอดคล้อง…”

จู่ๆ เขาก็เหมือนตระหนักอะไรได้บางอย่าง รูม่านตาหดเล็กลง ใบหน้าเคร่งขรึม

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” เขาพยักหน้า ใบหน้าคล้ำเขียว “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว จุดสำคัญยังคงอยู่ที่เรื่องของเวลา”

“ใช่แล้ว เวลา” เฉินอิ๋งพูดซ้ำอีกครั้ง เอ่ยปากยืนยันถึงการอนุมานของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะพูดเสริม “อย่างน้อยตอนต้นยามจื่อร่างของเฉียนเทียนเจี้ยงก็น่าจะตกลงไปอยู่ที่ก้นบ่อแล้ว อาบน้ำฝนอยู่อย่างน้อยก็สองเค่อ หาไม่สาบเสื้อของเขาย่อมไม่มีทางเปียกโชกเช่นนั้น ทว่าคนที่ตายไปในช่วงต้นยามจื่อกลับมาปรากฏตัวราวกับภูตผีในช่วงกลางยามจื่อหนึ่งเค่อ หนำซ้ำยังถูกคนสองคนพบเห็นเข้า หากคนผู้นั้นไม่ใช่ภูตผีปีศาจ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หรือก็คือเป็นไปตามการอนุมานของข้าก่อนหน้านี้”

“คนร้ายปลอมตัวเป็นเฉียนเทียนเจี้ยง กระทำการบ้าระห่ำ อาศัยเรื่องอุบัติเหตุตกจากที่สูงกลบเกลื่อนข้อเท็จจริงที่ว่านี่เป็นการฆ่าคนตาย” เผยซู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ถูกแล้ว” เฉินอิ๋งพยักหน้า หลุบตามองดูบันทึกในมือ รอยยิ้มยังคงไม่จางหาย “ข้าพูดถึงข้อสันนิษฐานเรื่องเวลาการตายของเฉียนเทียนเจี้ยงจบแล้ว หลังจากนี้ข้าจะอนุมานถึงเรื่องสถานที่ตายของเขา เรื่องนี้หลักฐานมีอยู่ด้วยกันสองชิ้น”

นางเงยหน้ามองเผยซู่ ชี้ไปยังกองเสื้อผ้าของผู้ตายที่วางอยู่หน้าเขา “หลักฐานชิ้นแรกคือรองเท้าของผู้ตาย”

พอได้ยินเช่นนั้นเผยซู่ก็รีบหยิบรองเท้าคู่นั้นขึ้นมา

เฉินอิ๋งบอกเขา “ไม่รู้ว่าอาซู่สังเกตเห็นหรือไม่ พื้นรองเท้าของผู้ตายเรียกได้ว่าสะอาดสะอ้าน แทบไม่มีคราบสกปรกอันใด”

“เช่นนั้นหรือ” เผยซู่เลิกคิ้ว พลิกพื้นรองเท้าขึ้นดู ก่อนจะพบว่าพื้นรองเท้านั้นสะอาดหมดจดจริงๆ มีฝุ่นจับอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เฉินอิ๋งกล่าวต่อ “ไม่รู้ว่าท่านได้สังเกตหรือไม่ เส้นทางหินในจวนส่วนใหญ่ล้วนมีวัชพืชงอกเงยอยู่เต็มไปหมด หนำซ้ำยังลื่นมากอีกด้วย ยิ่งวันฝนตกด้วยแล้ว เกรงว่าจะเดินกันไม่ง่าย เมื่อครู่ข้าสังเกตเห็นว่าแม้แต่ท่านเองก็ยังเดินบนพื้นโคลน”

หลังจากย้อนคิดดูครู่หนึ่ง เผยซู่ก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาพยักหน้า “เดิมข้าเองก็หาได้รู้สึกไม่ แต่พอคิดๆ ดู มันเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”

เมื่อพูดจบเผยซู่ก็เข้าใจได้ทันที เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ “คำพูดของเจ้านี้ข้าเข้าใจแล้ว หากเฉียนเทียนเจี้ยงตายอยู่นอกห้อง เมื่อคืนฝนตก เส้นทางต่างๆ ย่อมกลายเป็นดินเลนหมดสิ้น พื้นรองเท้าของเขาไหนเลยจะสะอาดสะอ้านเพียงนี้ได้”

“นี่เป็นเพียงเหตุผลประการหนึ่งเท่านั้น” ริมฝีปากของเฉินอิ๋งยกโค้ง นางก้มหน้ามองดูบันทึก “บ่าวทั้งสองคนให้ปากคำว่ารองเท้าถุงเท้าที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ผู้ตายนั้นล้วนเพิ่งซักทำความสะอาด จากคำให้การของพวกเขา รองเท้าถุงเท้าที่พวกเขาจัดเตรียมไว้ก็คือของสองชิ้นที่พวกเราเห็นอยู่ในเวลานี้ นี่ก็แสดงให้เห็นชัดว่าเมื่อคืนตอนผู้ตายเข้านอน เสื้อผ้าเหล่านี้อยู่ที่ปลายเตียงของเขา”

นางช้อนตามองเผยซู่ สีหน้าหนักแน่นมั่นคง “จากการสันนิษฐานขั้นต้นของข้า ห้องของผู้ตายถึงจะเป็นสถานที่เกิดเหตุแรก”

เผยซู่พยักหน้าไม่พูดไม่จาอันใด

เฉินอิ๋งกล่าวขึ้นอีก “ส่วนหลักฐานชิ้นที่สองที่ยืนยันถึงข้อสันนิษฐานนี้ก็คือรอยเท้าครึ่งหนึ่งที่อยู่ใต้หัวเตียงของผู้ตาย”

เผยซู่เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรอยเท้าด้วยกระนั้นหรือ

จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ เมื่อครู่ตอนตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เฉินอิ๋งได้มุดเข้าไปดูที่ใต้เตียงของเฉียนเทียนเจี้ยง ที่แท้นางก็พบเจอเบาะแสสำคัญเช่นนี้

เผยซู่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี เขาทำได้แต่เพียงล้างหูรอฟัง

เฉินอิ๋งชักเท้าขยับเข้าไปใกล้เผยซู่ แสดงภาพร่างบนสมุดบันทึกให้เขาดู “อาซู่ท่านดู นี่คือภาพร่างใต้เตียงของผู้ตายที่ข้าวาดไว้”

เผยซู่ก้มมอง เห็นบนภาพมีจุดดำเล็กๆ กระจายเป็นวงกว้างอยู่หลายจุด มุมบนซ้ายมีตัวอักษรคำว่า ‘ฝุ่นละออง’ เขียนไว้สองคำ ส่วนที่อยู่กลางจุดดำมีตัวอักษรเขียนไว้อยู่สองสามแห่ง แบ่งเป็น ‘รอยเท้า’ ‘ถุงเท้าสกปรก’ ‘กระดูกไก่’ และอื่นๆ

เผยซู่รู้สึกประหลาดใจ พูดถึงรายละเอียดของคดีกันอยู่ดีๆ เหตุใดจู่ๆ ถึงกลายเป็นเรื่องพวกนี้ได้

เฉินอิ๋งมองดูเขา สีหน้ายังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นทุกครั้ง “ห้องของเฉียนเทียนเจี้ยงแม้จะนับได้ว่าสะอาด ทว่าใต้เตียงกลับสกปรกยิ่ง ข้าทายว่าเขาต้องขี้เกียจมากเป็นแน่ อีกอย่างคนที่ท่านส่งมาสองคนนั่นก็น่าจะไม่ปัดกวาดทำความสะอาดสักเท่าใดนัก”

มุมปากของเฉินอิ๋งขยับเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “เมื่อครู่ตอนสำรวจที่เกิดเหตุ ข้าจงใจมุดเข้าไปใต้เตียง พบว่าใต้เตียงของผู้ตายเต็มไปด้วยข้าวของสารพัด ถุงเท้าสกปรก กระดูกไก่พวกนี้ล้วนมีฝุ่นจับหนา ดูท่าอย่างน้อยก็สิบกว่าวันแล้วที่ไม่มีคนทำความสะอาด และด้วยเพราะเหตุนี้รอยเท้าครึ่งท่อนนี้ถึงได้ประทับอยู่ที่นี่”

นางชี้ไปยังจุดที่นางทำเครื่องหมายไว้ ก่อนจะหมุนหน้ากระดาษไปทางเผยซู่เพื่อให้เขาเห็นได้โดยสะดวก “ท่านดู รอยเท้านี้ปลายเท้าหันไปทางปลายเตียงอีกทั้งยังใหม่อยู่มาก เทียบกับระดับความสกปรกยุ่งเหยิงใต้เตียงรวมถึงระดับความสกปรกของที่นอนหมอนมุ้งแล้ว ข้าสามารถบอกท่านอย่างมั่นอกมั่นใจได้ว่ามันไม่ใช่ของที่ผู้ตาย บ่าวไพร่ ทหารองครักษ์ทั้งหลายทิ้งเอาไว้แน่ คนพวกนั้นปกติล้วนเกียจคร้านเกินกว่าจะแตะต้องสิ่งต่างๆ เหล่านี้”

เส้นเสียงสะอาดสะอ้านราวเสียงธารน้ำไหลดังอยู่ข้างหูของเผยซู่ ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ เขาก็กลับกลายเป็นเคลิบเคลิ้มราวกับคนเลอะเลือน

ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ สมัยยังเป็นเด็กท่านแม่ของเขาคล้ายจะเคยพูดอะไรเช่นนี้มาก่อน

‘สกปรกอะไรเช่นนี้’ สตรีในความทรงจำผู้นั้นทิ้งเกียรติยศแห่งฮูหยินโหวลง หยิบเอาไม้กวาดขึ้นมาถือไว้ ลงมือปัดกวาดใต้เตียงด้วยตนเองพลางมองดูบุรุษหนุ่มผู้องอาจห้าวหาญด้วยสายตาชิงชัง

ทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้น บุรุษหนุ่มผู้นั้นก็มักจะยิ้มขัดเขิน ท่าทางราวกับไม่รู้จะวางมือเท้าไว้ที่ใด เอ่ยปากอธิบายหน้าตายว่า ‘ข้าก็เรียกคนมาทำความสะอาดอยู่ทุกวันนะขอรับ’

สตรีนางนั้นฟาดไม้กวาดลงกับพื้นอิฐเต็มแรง สีหน้าชิงชัง ตวาดด่าชายหนุ่ม ‘รู้จักก็แต่ทำความสะอาดเพียงผิวเผิน ใต้เตียงอันใดไม่เคยเก็บกวาด รู้อยู่ว่าตนเองข้อเสียมากมี แทนที่จะเรียกคนมาปรนนิบัติรับใช้ กลับให้ข้าเหนื่อยอยู่ผู้เดียว’

ถึงปากจะพูดเช่นนั้น ทว่าเผยซู่กลับรู้สึกว่าสตรีนางนั้น มารดาของเขา แท้แล้วกลับชื่นชอบยิ่งนัก

ท่านพ่อก็เช่นกัน

เสียงโอดครวญเล็กๆ ถ้อยคำแก้ตัวน้อยๆ พวกนั้นไม่ต่างอันใดกับแสงตะวันที่อาบไล้เถ้าธุลี ทั้งเล็กละเอียดทั้งอบอุ่น

เขายังจำได้ถึงท่าทางยามพูดคุยกันของพวกเขา มุมปาก ดวงตา หว่างคิ้ว ล้วนเอ่อท้นไปด้วยความรู้สึกปลาบปลื้ม เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

ความคิดอ่านไม่ต่างอันใดกับผืนน้ำที่แผ่กระจายออกไป เผยซู่ถึงกับลืมตัวไม่รู้ว่าตนเองยามนี้อยู่ที่ใด

“…ดังนั้นข้าจึงสันนิษฐานว่าตอนลงมือคนร้ายยืนอยู่ที่หัวเตียง” ในที่สุดเฉินอิ๋งก็กล่าวสรุป ครั้นเงยหน้าขึ้น นางก็พบว่าสีหน้าของเผยซู่ไม่ปกติ

“ท่านกำลังคิดอันใดอยู่ เป็นอะไรหรือไม่” นางถามเผยซู่ สองตาจับจ้องอยู่บนร่างของเขา

ทันใดนั้นเผยซู่ก็ราวกับถูกของร้อนลวกจากอกถึงแขนขา เจ็บปวดราวกับถูกไฟเผา

เขาพลันได้สติขึ้นมาทันที

ขณะที่การวิเคราะห์คดีกำลังดำเนินไปถึงจุดสำคัญ จู่ๆ เขากลับใจลอยไปเสียเฉยๆ นับว่าผิดต่อน้ำใจของเฉินอิ๋งโดยแท้

“ไม่มีอะไร” เขาไอกลบเกลื่อนออกมาคราหนึ่ง มือที่กุมอยู่บนด้ามกระบี่กลับเปลี่ยนมากุมหน้าผาก “คดีนี้มีจุดสงสัยมากมาย เพียงแต่ก่อนเจ้ามาข้ากลับไม่รู้สึกเลยสักนิด”

ยังไม่ทันพูดจบ น้ำเสียงของเขาก็กลับกลายเป็นจริงจัง เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเฉินอิ๋ง ท่าทางหนักแน่นมั่นคง

“อาอิ๋ง โชคดีที่มีเจ้าอยู่ สถานการณ์ถึงกลับกลายเป็นดีขึ้นเช่นนี้” เขาพูดด้วยเส้นเสียงชวนเคลิบเคลิ้มคล้ายฝากแฝงซึ่งกลิ่นหอมของสุราชั้นเลิศ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 3

บทที่ 3 ความผิดพลาด+ใต้แสงจันทร์ แม้สิ่งที่ไทเฮากล่าวจะเป็นประโยคคำถาม แต่ซูโม่อี้ก็รู้ว่านางไม่ได้มีความตั้งใจจะถามเขาเ...

community.jamsai.com