ทดลองอ่าน เบื่อนักโจ๊กล่าปา ข้าไม่ย้อนเวลาอีกได้ไหม บทที่ 3-บทที่ 4 – หน้า 11 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน เบื่อนักโจ๊กล่าปา ข้าไม่ย้อนเวลาอีกได้ไหม บทที่ 3-บทที่ 4

นางเกือบจะตะโกนด่าทอเขาอยู่แล้ว ในใจโกรธเคืองจนเก็บไม่อยู่ แต่พอถึงเวลาซักถามต่อหน้าเช่นนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก

ลู่อู๋เซิงเห็นนางขอบตาแดงเรื่อ จึงอธิบายอย่างช้าๆ ว่า “ตอนนั้นข้าอยากพบเจ้าเช่นกัน แล้วก็ไม่เคยส่งจดหมายตัดสัมพันธ์ นอกจากจะไม่ได้พบเจ้าแล้ว ข้ายังรับจดหมายตัดสัมพันธ์ที่เจ้าส่งมาให้ฉบับหนึ่งด้วย”

ลมหนาวโชยพัดมา หัวใจของคนทั้งสองคล้ายถูกน้ำแข็งผนึกไว้ ดวงตาสองคู่สบประสาน ชั่วขณะนี้ไม่ต้องมีคำอธิบายใด เพียงแค่ไม่กี่ประโยค ทุกอย่างก็กระจ่างชัด

พวกเขาทั้งสองถูกคนยุแยงให้แตกหักกันนี่เอง!

อวิ๋นจ้าวมีสีหน้าสับสน ทั้งยังมีท่าทีไม่เชื่อถืออยู่บ้าง “ข้าไม่ได้เขียนจดหมายตัดสัมพันธ์ให้ท่าน แต่ท่านเขียนให้ข้าชัดๆ ลายมือในจดหมายเป็นของท่าน ข้าไม่มีทางจำลายมือท่านผิดแน่”

“ตอนที่ข้าได้รับจดหมายของเจ้า ก็เคยสงสัยว่าของจริงหรือของปลอม แต่เจ้ายืนกรานไม่ยอมพบหน้า อีกทั้งลายมือนั้นก็เป็นของเจ้าจริงๆ”

อวิ๋นจ้าวตกตะลึง สมองปั่นป่วนวุ่นวาย ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นบุรุษตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมอง คิดจะขยับถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่กลับถูกเขาคว้ามือเอาไว้

เพราะยืนตากลมภูเขาอยู่นาน และไม่มีเตาอุ่นร้อนถือไว้ มือที่ยื่นมาเกาะกุมจึงเย็นเฉียบ อวิ๋นจ้าวไม่ได้สะบัดทิ้ง เพราะมือของนางอุ่นมาก จึงอยากถ่ายเทไออุ่นเผื่อไปถึงเขาบ้าง

“อวิ๋นอวิ๋น เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ตอนนั้นใครเป็นผู้เสนอตัวเป็นคนกลางคอยประสาน ใครเป็นคนพูดเรื่องพวกนั้นด้วยตัวเอง และใครที่คอยส่งจดหมายให้พวกเรา”

อวิ๋นจ้าวหลุดปากออกมาว่า “ซ่งโหย่วเฉิง”

ลู่อู๋เซิงพยักหน้ารับอย่างจริงจัง เขาก็ไม่อยากสงสัยสหายร่วมสำนักเท่าไรนัก แต่ความจริงมากองอยู่ตรงหน้า เขาไม่เชื่อไม่ได้จริงๆ

ทันใดนั้นนางก็นึกถึงสิ่งที่ซ่งโหย่วเฉิงบอกกับนางตอนอยู่ในหอสุรา นำเบาะแสแต่ละเรื่องมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย

ตอนแรกซ่งโหย่วเฉิงนัดนางไปที่ร้านหนังสือเปิดใหม่ บอกว่าร้านนี้มีหนังสือที่นางตามหามานานแล้ว แต่เมื่อไปถึงกลับเห็นลู่อู๋เซิงกับสตรีนางหนึ่งเดินเข้าร้านเครื่องประดับข้างเคียง นางหงุดหงิดอารมณ์เสียอยากจะเดินปรี่เข้าไปถามให้รู้เรื่อง ทว่าซ่งโหย่วเฉิงกลับรั้งนางเอาไว้ บอกว่านางเดินเข้าไปถามโดยตรงจะทำให้ชื่อเสียงมัวหมอง นางก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน ตั้งใจว่ารอให้ลู่อู๋เซิงกลับบ้านแล้ว ค่อยนัดเขาออกมาอีกครั้ง

ไหนเลยจะคิดว่าซ่งโหย่วเฉิงที่เป็นคนนัดให้ กลับมาบอกนางว่าลู่อู๋เซิงไม่อยากพบหน้า นางโมโหอย่างมาก ทว่าในใจก็ยังคิดถึงเขาอยู่ตลอด ถึงขั้นวิ่งไปดักรอเขาที่หน้าประตูจวน แต่เขากลับไม่ออกมาพบ ตอนนั้นนางยังคิดว่าจะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ แล้วอยู่ดีๆ ก็ได้รับจดหมายตัดสัมพันธ์จากเขา ถ้อยคำในจดหมายเย็นชาจนทำให้รู้สึกตกตะลึง

วันนี้ได้ถามต่อหน้าจนกระจ่างแล้ว อวิ๋นจ้าวจึงเข้าใจว่าเป็นซ่งโหย่วเฉิงที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง หรือก็คือลู่อู๋เซิงไม่ได้เขียนจดหมายฉบับนั้นมาให้นาง

น้ำแข็งในใจนางยังละลายไม่หมดสิ้น มีอีกเรื่องที่นางวางไม่ลง “ต่อให้เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของซ่งโหย่วเฉิง แต่ท่านจูงมือสตรีนางนั้นเข้าร้านเครื่องประดับ ข้าเห็นมากับตาตนเอง เรื่องนี้เขาคงบงการท่านไม่ได้กระมัง”

ลู่อู๋เซิงส่ายหน้า “นางคือญาติผู้น้องของข้า อีกอย่างข้าไม่ได้จูงมือนางเสียหน่อย แต่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดบาดแผลให้ต่างหาก และที่เดินเข้าร้านนั้นก็เพราะหลงจู๊ของร้านเป็นสหายสนิทของท่านพ่อข้า ละแวกใกล้เคียงไม่มีร้านยา จึงต้องเข้าไปหายารักษาบาดแผลให้นางก่อน”

สีหน้าอวิ๋นจ้าวมีความประหลาดใจฉายชัด ทั้งยังรู้สึกไม่เชื่อถืออยู่บ้าง พอลู่อู๋เซิงนึกถึงสาเหตุของความเข้าใจผิดแล้ว แววตาก็หม่นแสงลง “วันนั้นนางเดินทางมาจากต่างเมืองเพื่อมาเยี่ยมถึงที่บ้าน ข้าก็เลยต้องออกไปรับ ไม่คิดว่าจู่ๆ จะมีชายขี้เมาคนหนึ่งพุ่งเข้ามาทำร้ายนางจนบาดเจ็บ ตอนนั้นเห็นชายขี้เมาวิ่งหนีคล่องปร๋อ ข้ายังแปลกใจว่าดื่มจนเมามาย แต่ไฉนกลับวิ่งหนีรวดเร็วยิ่ง วันนี้มาคิดดูแล้วคงมีคนเตรียมการเอาไว้ก่อน และตอนที่ญาติผู้น้องส่งจดหมายมานั้น ซ่งโหย่วเฉิงก็บังเอิญเป็นแขกที่บ้านข้าพอดี”

“ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วย” อวิ๋นจ้าวจมอยู่ในความคิด ตอนนั้นนางโมโหลู่อู๋เซิงจึงหลบเลี่ยงไม่พบหน้าเขา ทุกครั้งที่เขามาหาก็จะให้บ่าวไพร่ตอบปฏิเสธไป

จนกระทั่งครึ่งปีนับจากนั้น แม่ทัพลู่ต้องยกทัพเดินทางไกล ลู่อู๋เซิงก็ติดตามกองทัพใหญ่จากไปด้วย คอยรักษาการณ์อยู่ชายแดนกว่าสิบปีเต็ม ภายหลังสิบปีต่อมากลับถึงเมืองหลวง คนทั้งสองเพิ่งจะพบหน้าก็มีอันต้องแยกจากกันคนละภพเสียแล้ว

พอคิดถึง ‘อดีต’ ตลอดสิบปีนั้น ขอบตาอวิ๋นจ้าวก็มีหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอ

หากนางให้โอกาสลู่อู๋เซิงสักครั้ง ยอมฟังคำอธิบายจากปากของเขา เรื่องราวก็คงไม่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com