อวิ๋นจ้าวหลุดจากภวังค์โดยพลัน นางเช็ดหยาดน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลรินทิ้งไป นางจะต้องช่วยลู่อู๋เซิง! ไม่ว่าจะต้องย้อนกลับมาอีกกี่ครั้ง กินโจ๊กล่าปาน่าคลื่นไส้นั่นอีกกี่หน นางจะต้องกลับมาใช้ชีวิตในช่วงเวลาสิบปีนี้ให้ผ่านไปอย่างสบายใจที่สุด ถ้าหากโชคชะตาบิดเบี้ยว นางก็จะทำลายมันดูสักตั้ง ฝืนจนกว่าทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่น!
จู่ๆ อวิ๋นจ้าวก็ลุกยืนพรวด หมัวมัวกับสี่เชวี่ยสะดุ้งขึ้นมาพร้อมกัน ยังไม่ทันหอบหายใจก็เห็นคุณหนูวิ่งออกไปข้างนอก พวกนางต่างตกตะลึง “คุณหนูเจ้าคะ! ท่านบาดเจ็บขนาดนี้ยังจะไปที่ใดอีก”
อวิ๋นจ้าวไม่สนใจฟัง นางรู้ดีว่าไข่มุกราตรีสามารถพานางกลับไปได้ในชั่วพริบตา แต่เป็นเพราะไม่อยากให้บ่าวทั้งสองต้องเสียขวัญ ต่อให้ภายหลังพวกนางจะจดจำเรื่องราวในเวลานี้ไม่ได้ แต่ถ้าตกใจตายขึ้นมาจะทำเช่นไร
เห็นแก่ความผูกพันระหว่างนายบ่าว นางจะกลับไปพร้อมลมหนาวข้างนอกนั่นก็แล้วกัน
อวิ๋นจ้าวเห็นแก่ความผูกพันนี้ แล้วหมัวมัวที่เฝ้ามองนางเติบโตมาตั้งแต่เล็ก รวมถึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาตลอดจะไม่มีความคิดเช่นเดียวกันหรือ พอเห็นว่าเรียกแล้วคุณหนูของตนยังไม่ยอมฟัง จึงเข้าไปกอดนางเอาไว้ไม่ยอมให้ไปไหน อวิ๋นจ้าวจึงก้าวเดินไปอย่างยากลำบาก
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดจะสลัดตัวให้หลุดพ้น แต่สองคนนี้กอดเอาไว้แน่นหนาเหลือเกิน อีกทั้งยังร้องไห้อ้อนวอน เมื่อเห็นว่าคนข้างนอกจะเดินเข้ามา นางจนปัญญาแล้วจริงๆ จึงคลายฝ่ามือออก เผยให้เห็นไข่มุกราตรีอาบย้อมเลือดสีแดงสด
“ส่งข้ากลับไป ส่งข้ากลับไป ขอร้องล่ะ ข้าต้องช่วยชีวิตลู่อู๋เซิง”
“คุณหนูท่านท่องอะไรอยู่เจ้าคะ” น้ำเสียงสี่เชวี่ยเจือแววสะอื้น ไม่ใช่เสียงกังวานใสเฉกเช่นยามปกติ
อวิ๋นจ้าวได้ยินแล้วจิตใจพลันหนักอึ้ง ลืมตาเหลียวมองกลับมาก็พบว่านางยังอยู่ที่เดิม นางชะงักงัน เริ่มรู้สึกว้าวุ่นร้อนรน ดวงตาจับจ้องเขม็งไปที่ไข่มุกราตรี หัวคิ้วขมวดแน่นเป็นปม “ขอร้องช่วยส่งข้ากลับไปวันที่แปดเดือนสิบสอง ให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง”
“คุณหนู…” สี่เชวี่ยร้องไห้พลางเอ่ยว่า “คุณหนูท่านอย่าทำให้พวกเราตกใจสิเจ้าคะ”
ทว่าไข่มุกราตรีกลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่มีแสงเจิดจ้าเช่นวันที่นางเคยย้อนกลับไปเลย คราบเลือดที่อาบย้อมเมื่อพบกับอากาศอันหนาวเหน็บก็เริ่มแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ไข่มุกราตรีหม่นหมองไร้ประกาย
อวิ๋นจ้าวเบิกตากว้าง “ส่งข้ากลับไปสิ! ให้โอกาสข้าอีกครั้งก็ยังดี ขอโอกาสให้ข้าอีกครั้ง!”
เดิมทีน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว ก็กลับมาเอ่อล้นขอบตา น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยวิงวอน “ขอร้องท่านแล้ว ข้าต้องกลับไปช่วยเขา ข้าต้องกลับไปช่วยเขา”
ไม่ว่านางจะขอร้อง หรือจะตะโกนอย่างไร ไข่มุกราตรีเม็ดนั้นก็ยังนิ่งเงียบไร้ความเคลื่อนไหว หมัวมัวกับสี่เชวี่ยที่มองอยู่ยิ่งใจหาย แทบจะคุกเข่าลงขอร้อง “คุณหนู”
อวิ๋นจ้าวกำมือแน่นแล้วสะบัดอย่างแรง น้ำตาไหลพรั่งพรูดั่งเม็ดไข่มุก “เจ้ารีบพาข้าไป พาข้าไปสิ! ลู่อู๋เซิงจะทำเช่นไรเล่า เขาตายแล้ว เขาตายแล้วนะ! เจ้าช่วยสำแดงอิทธิฤทธิ์ช่วยข้าด้วยเถอะ!”
แม้นางร้องตะโกนออกมาจนสุดเสียง แต่ไข่มุกราตรีก็ยังนิ่งสนิทอยู่ในกำมือ ในที่สุดนางก็อดกลั้นไม่อยู่ น้ำตาไหลทะลักออกมาราวทำนบพัง เหมือนว่ามีน้ำหนักนับพันชั่งมากดทับ ทำให้ขาสองข้างของนางไร้เรี่ยวแรง จนทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น มือกำไข่มุกร้องไห้อย่างเจ็บปวด “เพราะอะไรถึงไม่พาข้ากลับไป…ลู่อู๋เซิง ลู่อู๋เซิง…”
หมัวมัวหน้าเปลี่ยนสี กลัวว่าคุณหนูของตนจะเสียสติไป นางหันไปส่งสายตาบอกสี่เชวี่ย ให้รีบไปเชิญท่านหมอมาดูอาการ
สี่เชวี่ยจิตใจร้อนรนกระวนกระวาย รีบเดินโซเซออกไปข้างนอก จนเกือบจะล้มลงอยู่หลายครั้ง คุณหนูของนางเคยร้องไห้หนักขนาดนี้เมื่อใดกัน เห็นทีการตายของคุณชายลู่จะส่งผลกระทบกับจิตใจของนางมากจริงๆ
แต่คุณชายลู่ไม่มีวันกลับมาแล้ว คุณหนูของนางไม่มีทางได้พบเขาอีก
นางสูดจมูกฟึดฟัด เดินไปพลางร้องไห้ไปพลาง ไปตามท่านหมอด้วยความปวดใจที่ยากบรรยาย