หลายวันมานี้ เพราะอูอีเสวี่ยขโมยอาหารมาให้ เด็กๆ กลุ่มนี้ได้กินมากขึ้น จึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา ดีที่ใบหน้าของพวกเขายังคงมอมแมม ขอเพียงปกติแสร้งแสดงท่าทีไม่มีเรี่ยวมีแรง ก็จะไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ
วันนี้ถูเหล่าอู่เดินมาที่ข้างกายถูเหล่าลิ่วด้วยสีหน้าครุ่นคิด พลางกระซิบข้างหู “แถวนี้มีลิง”
ถูเหล่าลิ่วฟังแล้วงงงวยจับต้นชนปลายไม่ถูก “หมายความว่าอย่างไร”
“เสบียงกรังของเราน้อยลง” ถูเหล่าอู่รับหน้าที่ดูแลเสบียงกรัง วันนี้ตอนเช้าเขาไปดูยังมีแผ่นแป้งย่างยี่สิบชิ้น เหตุใดพอตอนเที่ยงก็หายไปสองชิ้น
ทว่าเขาไม่มีทางคิดว่าจะมีคนปะปนเข้ามาในขบวน เพียงเห็นว่าที่อาหารขาดหายไปมีเพียงสาเหตุเดียว นั่นคือมีลิงมาขโมยเอาไป เพราะคนย่อมขโมยสิ่งของที่มีค่า จะขโมยของกินได้อย่างไร ที่ขโมยของกินต้องเป็นลิงแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายวันมานี้ถูเหล่าอู่เห็นลิงไม่น้อยอยู่บนต้นไม้ในละแวกใกล้เคียง
“เฝ้าให้ดีหน่อย ระวังพี่ใหญ่รู้เข้าจะถลกหนังเจ้า!”
“ฮึ ถ้าเจ้าลิงตัวนั้นถูกข้าจับได้ล่ะก็ จะต้องถลกหนังมันแล้วเอามาย่างกินเสีย!” ถูเหล่าอู่แค้นใจขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาไม่กล้าบอกพี่ใหญ่ว่าเสบียงน้อยลงแล้ว จำต้องเก็บเรื่องนี้ไว้
รอจนสองคนนั้นเดินไปแล้ว หีบไม้ที่วางอยู่บนพื้นก็ค่อยๆ ยกสูงขึ้น มือที่ยื่นออกมาคว้าแผ่นแป้งย่างไปอีกชิ้น จากนั้นก็หลบกลับเข้าไปในหีบไม้แล้วดอดหนีไปเงียบๆ
อูอีเสวี่ยครุ่นคิด ดูท่าคงไม่อาจขโมยของกินได้อีกแล้ว ต้องคิดหาวิธีอื่น แต่ก็ไม่อาจเอาแต่กินผลไม้กับผักป่า ของพวกนั้นได้แต่แก้หิวไม่ทำให้อิ่ม
ดีที่แอบเอาอาหารให้มาหลายวัน เด็กๆ มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมากแล้ว ไม่สู้หาโอกาสพาพวกเขาหนีไปในวันสองวันนี้เลย อูอีเสวี่ยเอาความคิดนี้บอกพวกเด็กๆ ทุกคนรู้แล้วพากันตื่นเต้นดีใจ แต่ละคนถูมือถูไม้ เพียงรอคำสั่งจากอูอีเสวี่ยคำเดียว พวกเขาก็พร้อมจะฟันฝ่าไปกับนางอย่างห้าวหาญ
ค้างคืนกลางแจ้งอยู่ข้างนอกมานานเพียงนั้น พอตกพลบค่ำของวันนี้ขบวนรถของพี่น้องสกุลถูก็เข้ามาในหุบเขาแห่งหนึ่ง มีคนออกมาต้อนรับในทันที ที่แท้ในหุบเขาแห่งนี้มีหมู่บ้านซุกซ่อนอยู่ ดูจากสภาพการณ์ หมู่บ้านแห่งนี้คงจะเป็นค่ายใหญ่ของพวกเดนตายกลุ่มนี้
อูอีเสวี่ยหลบอยู่ใต้รถ ลอบสังเกตสถานการณ์ของศัตรู ในใจแอบร้องแย่แล้ว เดิมมีเพียงพี่น้องสกุลถูหกคน ตอนนี้มาถึงหมู่บ้านแล้ว จำนวนคนมีเป็นร้อยคน ถ้ารู้แต่แรกก็หนีไปก่อนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไหนเลยจะล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ มาบัดนี้มีหูตาเพิ่มขึ้นมามากเพียงนี้ จะพาเด็กๆ หนีไปเกรงว่าคงจะเอาตัวรอดไปได้ไม่ง่าย
ในเมื่อขบวนรถมาถึงหมู่บ้านแล้ว ก็แสดงว่าคืนนี้คงไม่ต้องนอนกลางแจ้งในป่า ก่อนที่อาหงและเด็กคนอื่นๆ จะถูกพาไปขังไว้ในกระท่อมหลังหนึ่งอูอีเสวี่ยก็แอบลงจากรถม้ามาก่อนแล้ว นางหาที่หลบซ่อนตัว รอถึงกลางดึกยามสาม จึงค่อยเริ่มเคลื่อนไหว
ค่ำคืนนี้พี่น้องสกุลถูกับคนในหมู่บ้านดื่มสุราเล่นสนุกกัน เป็นช่วงที่การเฝ้าระวังหย่อนยานที่สุด อูอีเสวี่ยย่องมาที่หน้ากระท่อม ไม่ผิดจากที่คาด ประตูไม้เพียงขัดดาลไว้ กระทั่งคนเฝ้าก็ไม่มี คงเพราะกลับมาถึงถิ่นของตนแล้ว ดังนั้นจึงลดความระแวดระวังลง ทำให้นางมีโอกาสได้ฉกฉวยพอดี
นางแอบถอดดาลประตู หลบเข้าไปในกระท่อม หยิบกุญแจที่แอบขโมยไว้ก่อนหน้าออกมาไขโซ่ที่คออาหงออก และถอดโซ่ที่ล่ามข้อเท้าเด็กคนอื่นๆ ขณะกำลังจะพาทุกคนหนีไปเงียบๆ ข้างนอกก็พลันมีเสียงร้องสังหารดังขึ้น สั่นสะเทือนสยบไปทั้งหมู่บ้าน และสร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกนางยิ่ง
แสงไฟที่นอกหน้าต่างและเสียงที่ดังอยู่ข้างนอกทำให้พวกเด็กๆ ต่างตกใจทำอะไรไม่ถูก ทุกคนกอดกันกลมด้วยความหวาดหวั่นขวัญผวา อูอีเสวี่ยขมวดหัวคิ้วฟังเสียงร้องสังหาร คงจะมีคนบุกเข้ามาโจมตีหมู่บ้านแห่งนี้ แต่เป็นผู้ใดกัน