นางปรากฏตัวขึ้นมา แต่นางหนูเสวี่ยกลับหายไปแล้ว มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…
“เจ้าคือนางหนูเสวี่ย นางหนูเสวี่ยก็คือเจ้า!” นี่ไม่ใช่คำถาม หากแต่เป็นการยืนยัน เขาทั้งประหลาดใจทั้งโมโห หญิงสาวที่เขาส่งคนจำนวนมากไปตามหาแต่ก็ไม่พบ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนางหนูเสวี่ย!
หลังจากอูอีเสวี่ยตบหน้าเขาไปฉาดหนึ่ง ก็พบว่าตนเองได้กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว นางกำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นดีใจ พลันถูกคำพูดของเขาดึงสติกลับมา ช้อนตาขึ้นก็สบเข้ากับสายตาที่ดุดันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หัวใจพลันเต้นรัวแรง
แย่แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาดีใจ หลังจากถูกเขาล่วงรู้ฐานะที่แท้จริง เขายังจะละเว้นนางหรือ เกรงว่าคงจะโกรธจนอยากจะสังหารนางกระมัง
ภายใต้สายตาโกรธแค้นดุดันของเขา นางอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เห็นสีหน้าเหี้ยมโหดดุดันน่าครั่นคร้ามนั่นแล้วก็พอจะรู้ว่าเวลานี้เขากำลังเดือดดาลมากเพียงใด นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พอเห็นเขาเคลื่อนไหว นางรีบเอาผ้าห่มพันร่างแน่น กระโดดลงจากเตียงและหนีไปทันที
ทว่าสิงฟู่อวี่มีหรือจะปล่อยให้นางหลุดรอดจากมือ เขาดึงแส้ยาวที่เอวออกมาสะบัดไปที่นาง แส้ยาวพันรัดร่างนางไว้ราวกับงู กระตุกอีกทีนางก็ถูกพลังขุมหนึ่งลากกลับมา ล้มลงไปในอ้อมอกของเขา ท่อนแขนที่แข็งดุจเหล็กกักตัวนางไว้อย่างแน่นหนา
อูอีเสวี่ยมีเพียงผ้าห่มบางผืนหนึ่งปิดบังร่าง มือทั้งสองของนางอยู่ในผ้าห่ม ถูกแส้ยาวของเขาพันธนาการไว้ด้วยกัน นางได้แต่ขยุกขยิกตัวพยายามดิ้นรน
“ขืนดิ้นอีกก็จะให้เจ้าเปลือยร่างแล้ว” เขาขู่ขวัญเสียงต่ำ
คำพูดประโยคนี้ทำให้นางหยุดการเคลื่อนไหวได้สำเร็จ ไม่กล้าขยุกขยิกอีก กลัวเขาโมโหขึ้นมาจะฉีกผ้าห่มซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่นางใช้ห่อหุ้มร่างอยู่เวลานี้ออก
ในที่สุดเห็นนางสงบนิ่งลงเขาจึงอุ้มนางขึ้นไปบนเตียง จากนั้นเขาก็ตามขึ้นมาบนเตียงด้วย แล้วปล่อยม่านมุ้งลงมา
การกระทำของเขาทำให้อูอีเสวี่ยตกใจรีบกระถดหนีไปที่มุมเตียง มองเขาด้วยแววตาหวั่นหวาด คล้ายจะถามว่า ‘ท่านคิดจะทำอะไร’
สิงฟู่อวี่ไม่สนใจสายตาที่จ้องมองเขม็งของนาง ยื่นมือมาจี้สกัดจุดนาง ไม่ให้นางเล่นลวดลายได้อีก จากนั้นจึงลงนั่งขัดสมาธิหลับตาโคจรพลังลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ
อูอีเสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางยังเข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไรนางเสียอีก โชคดีที่ไม่ใช่ ทว่าเพิ่งจะวางใจลงก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาอีก
หลังจากเขารักษาอาการบาดเจ็บแล้วเล่า เขาจะเริ่มหันมาจัดการนางหรือไม่ นางคิดจะโคจรพลังคลายจุดด้วยตนเอง กลับพบว่าแม้ตนจะกลับคืนสู่รูปร่างเดิม แต่พลังวัตรกลับมีไม่ถึงหนึ่งส่วน ไม่อาจคลายจุดด้วยตนเองได้
หลังจากสิงฟู่อวี่จดจ่ออยู่กับการโคจรพลังลมปราณอยู่ราวครึ่งชั่วยามก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ นัยน์ตาคมกริบกวาดมาที่นาง มองจนนางอกสั่นขวัญหาย เตรียมพร้อมป้องกันตัวเต็มที่
เขาเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของนางจึงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลงจากเตียงและออกจากห้องไป
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็กลับเข้ามา คลายจุดให้นางและโยนเสื้อผ้าสตรีชุดหนึ่งมาให้
“ใส่ซะ” เขาสั่ง จากนั้นก็เดินห่างออกไปหลายก้าว ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้นาง
อูอีเสวี่ยลุกขึ้นมานั่ง มองเสื้อผ้าในมือ แล้วมองเขาที่กำลังหันหลังให้ตน คิดในใจว่าถ้าตนฉวยโอกาสลอบจู่โจมเขาจากข้างหลัง ไม่รู้มีโอกาสสำเร็จสักเท่าไร
“ถ้าเจ้าคิดจะทำอะไรไม่ชอบมาพากล เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาที่จะเอาตัวเจ้าไปทั้งร่างเปลือยเปล่า” เขาเอ่ยเตือนช้าๆ ได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันอยู่ด้านหลังก็รู้ว่านางรู้จักดูทิศทางลม เขาจึงรอต่อไป