“อวัยวะเพศของเสือทำไมหรือขอรับ”
“เฮ้อ อวัยวะเพศของเสือในอำเภอแห่งนี้กลับไม่ใช่ของหายากเลย ใครๆ ก็หามากินบำรุงได้”
“ใต้เท้า ในตัวของเสือมีหลายสิ่งที่มีประโยชน์มากมายเพียงนั้น เช่นนั้นท่านต้องหาคนที่มีฝีมือดีๆ มาชำแหละเสือจึงจะถูก”
“จริงอย่างที่เจ้าพูด ข้าจะส่งคนไปเชิญนายพรานมาประเดี๋ยวนี้”
“ช้าก่อนขอรับ ใต้เท้ายังไม่ต้องรีบ”
พานเหรินเฟิ่งกวาดตามองหลินฟางโจวแวบหนึ่งพลางยิ้มอย่างรู้ทัน “เจ้ามีแผนการอะไรอีกหรือ”
“ใต้เท้า ข้าน้อยเคยได้ยินว่าครั้งก่อนท่านประกาศหานายพรานขึ้นเขาไปปราบเสือ นายพรานมากมายเหล่านั้นต่างก็ปฏิเสธท่านมาแล้ว มีเพียงนายพรานคนเดียวที่ยอมขึ้นไป”
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง พานเหรินเฟิ่งส่งคนไปเชิญพวกเขามา ผลปรากฏว่าต่างก็อ้างว่าป่วยบ้าง มาไม่ได้บ้าง ความรู้สึกกลัวตายย่อมเป็นธรรมดาของมนุษย์ซึ่งสามารถเข้าใจได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าในใจของพวกเขาจะรู้สึกดีด้วย
ยามนี้เมื่อได้ยินหลินฟางโจวพูดถึงขึ้นมา ใจของพานเหรินเฟิ่งย่อมเป็นกังวลอยู่บ้างแน่นอน เพียงแต่สีหน้ายังคงสงบเยือกเย็น
หลินฟางโจวยังคงพูดต่อไป “พวกเขาไม่ไว้หน้าใต้เท้าเลย แล้วเหตุใดใต้เท้าต้องไว้หน้าพวกเขาด้วยเล่า เรื่องดีอย่างชำแหละเสือนี้ไม่ควรตกไปอยู่บนบ่าพวกเขาโดยเด็ดขาด”
“หืม? ทำไมเรื่องชำแหละเสือถึงกลายเป็นเรื่องดีไปแล้ว”
“ใต้เท้า ท่านลองคิดดูนะ นอกจากเสือจะก่อเรื่องจนเป็นที่พูดถึงไปทั่วแล้ว มันยังทำร้ายคนมากมายจนถึงตายอีก พวกเราเสียแรงไปมากกว่าจะจับเสือมาได้ เสือตัวนี้ต้องชำแหละต่อหน้าธารกำนัลเพื่อให้คนทั่วทั้งเมืองรู้ว่าใต้เท้าได้กำจัดภัยร้ายในชีวิตของพวกเขาไปแล้ว”
คำพูดเหล่านี้กระทบก้นบึ้งหัวใจของพานเหรินเฟิ่งอย่างยิ่ง ใครบ้างจะไม่อยากพยายามมีชื่อเสียงที่ดีกัน ได้เป็นขุนนางที่ใกล้ชิดราษฎรและได้รับเสียงชื่นชมว่าดีจากพวกเขาย่อมสามารถช่วยให้เขาได้เลื่อนขั้นในวันหน้า
ทว่าพานเหรินเฟิ่งก็เป็นคนที่เคยเล่าเรียนมามาก เขาล้วนมีข้อโต้แย้งอยู่จึงส่ายหน้าเอ่ย “ไม่เหมาะสม ข้าไม่ใช่พวกชอบเป็นที่สนใจ”
“แต่ทุกคนต่างก็อยากเห็นกันทั้งนั้นนะขอรับ ใต้เท้า ท่านก็ช่วยลดตัวลงมาสักนิดเถอะ!”
พานเหรินเฟิ่งพบว่าหลินฟางโจวผู้นี้มีความคิดเฉียบคมจริงๆ อีกฝ่ายไม่ใช่คนโง่เขลาอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรกเลยสักนิด
ในที่สุดพานเหรินเฟิ่งก็พยักหน้า ‘อย่างจำยอม’ หัวข้อสนทนาจึงวนกลับไปที่เรื่องเมื่อครู่นี้อีกครั้ง เขาถามหลินฟางโจว “หากนายพรานทำไม่ได้ แล้วยังจะไปหาใครได้อีก คนขายเนื้อหรือ”
“ข้าน้อยคิดว่าคนขายเนื้อแซ่เฉินเหมาะสมมาก เขาชำแหละเนื้อขายมาหลายปีแล้ว ทั้งหมู แกะ วัวก็ล้วนแต่เคยชำแหละมาแล้วทั้งสิ้น”
“ข้าเคยได้ยินว่าเจ้ากับคนขายเนื้อแซ่เฉินเป็นเพื่อนบ้านกัน”
หลินฟางโจวตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนหัวเราะเสียงแห้ง “แหะๆๆ”
พานเหรินเฟิ่งตวาดขึ้นอย่างเย็นชา “อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ามีความคิดอะไร เจ้ากับเขาเป็นเพื่อนบ้านกัน มีเรื่องดีเช่นนี้เขาย่อมมีชื่อเสียงไม่น้อย เขาจะให้ผลประโยชน์อะไรแก่เจ้าหรือ!”
“ใต้เท้า คนขายเนื้อแซ่เฉินมีชื่อเสียงที่ดี การใช้มีดก็ดี และเรื่องเสือในครั้งนี้ก็เป็นเขาที่จับมาได้ เรื่องนี้ก็ควรมอบให้เขาทำสิ”
“ถึงแม้คำพูดจะฟังดูดี แต่เขาก็เป็นแค่คนขายเนื้อสัตว์ทั่วไปคนหนึ่ง จะเคยชำแหละเสือมาก่อนได้อย่างไร”