จินหยวนเป่าถอยหลังกรูดไปหลายก้าว แล้วใช้พัดปัดมือมอมๆ คู่นั้นออกไปอย่างรังเกียจ “นี่ๆๆ เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!” จากนั้นก็ถามอย่างกังขา “เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ”
ทว่าเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าฝ่ายตรงข้าม เขาก็ต้องมีอันนิ่งอึ้ง น่าทึ่งยิ่งนักที่ใบหน้าของคนคนหนึ่งจะแสดงอารมณ์หลากหลายขนาดนี้ออกมาได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งตื่นเต้น ดีใจ ประหลาดใจ กระวนกระวาย เต็มตื้น และร้อนรน
ตายล่ะ เผลอเก็บอาการไม่อยู่เสียได้! อวี้ฉีหลินผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะแห้งๆ นางยกมือลูบหน้า สีหน้าตื่นเต้นยินดีเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสีหน้าชื่นชมบูชาในพริบตา หญิงสาวก้าวเข้าไปยกมือลูบเสื้อผ้าเขา แล้วช่วยปัดเศษฝุ่นบนนั้นให้พลางเยินยอ “ท่านคือมือปราบเทวดาจินหยวนเป่า! ชื่อเสียงของท่านเลื่องระบือไปทั้งสองฝั่งแม่น้ำฉางเจียง ผู้คนทั้งแผ่นดินรู้กันทั้งนั้น แล้วข้าจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของท่านได้อย่างไรล่ะ” นางกระแอมเบาๆ เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วยืดอกยืนตัวตรง พูดด้วยท่าทางจริงจังแน่วแน่แบบผู้รักคุณธรรม “ขอบอกอย่างไม่ปิดบัง ข้าฝันอยากเป็นมือปราบคอยจับโจรและคนเลวเพื่อผดุงความเป็นธรรมให้ปวงประชาเหมือนอย่างท่าน!”
มือสกปรกของขอทานน้อยทิ้งคราบดำๆ บนอาภรณ์สีขาวยวงของคุณชายชุดแพรเป็นปื้น… จินหยวนเป่าหางตากระตุกแล้วใช้พัดปัดมืออีกฝ่ายออกไปอย่างรังเกียจ ทว่าถ้อยคำสรรเสริญเยินยอที่ได้ฟังก็ยังรื่นหูอยู่ดี “หือ? เจ้าเคยได้ยินชื่อข้าจริงหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ!” อวี้ฉีหลินพยักหน้าหงึกหงัก ทว่า…มือยังคอยป้วนเปี้ยนตามเนื้อตัวคู่สนทนาอย่างไม่ยอมอยู่สุข คล้ายกำลังหาอะไรบางอย่าง
จินหยวนเป่าดึงแขนเสื้อที่ถูกจับจนสกปรกออกมาพร้อมถามอย่างคลางแคลงใจ “จริงหรือ”
“จริงจนไม่รู้จะจริงอย่างไรเลยล่ะ!” หญิงสาวพยายามหยอดลูกยออย่างสุดความสามารถ “แค่มีจินหยวนเป่าอยู่ด้วย สบายไปสิบอย่าง โฉมงามกว่าซ่งอัน…”
ช่างใช้คำเปรียบเปรยได้มั่วซั่วสิ้นดี! จินหยวนเป่าแก้ให้อย่างอ่อนใจ “สบายไปแปดอย่าง โฉมงามกว่าพานอันต่างหาก บุรุษรูปงามยุคโบราณมีแต่ซ่งอวี้กับพานอัน* ไม่มีซ่งอัน…”
“โธ่เอ๊ย ท่านจะไปรู้อะไร! สิบอย่างเยอะกว่าแปดอย่าง มือปราบจินเก่งกาจสามารถออกอย่างนี้ ต้องเปรียบว่าสิบอย่างสิ! ไม่ๆ สิบสองอย่างไปเลย! แล้วท่านหน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าซ่งอวี้กับพานอันรวมกัน ดังนั้นจึงกลายเป็นซ่งอันน่ะสิ…” อวี้ฉีหลินตอบพลางกระแซะตัวเข้าไปใกล้ คอยดึงเสื้อผ้าเขาต่อไปไม่ยอมหยุด
จินหยวนเป่าที่หลบไม่พ้นตวาดใส่อย่างเหลืออด “ไอ้สกปรก อย่าเข้ามาใกล้นะ ถอยออกไปไกลๆ หน่อย!”
อวี้ฉีหลินกลอกตาหนึ่งตลบ นอกจากจะไม่ปล่อยมือแล้ว ยังทิ้งตัวคุกเข่าดังตุ้บโดยที่สองมือยังขยุ้มเอวเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น พอนางคุกเข่าลงกับพื้น เสื้อคลุมของเขาก็ถูกดึงเบี้ยวจนเห็นเสื้อตัวในได้รำไร
คราบฝ่ามือดำปี๋สองรอยตรงเอวเสื้อคลุมทำให้จินหยวนเป่าเหลือบมองขอทานน้อยพลางกัดฟันกรอด นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามกลับคุกเข่าแทบเท้า มองเขาพลางยิ้มละไม
ชายหนุ่มเพิ่งรู้ตัวเอาตอนนี้ว่าเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจนล่อแหลมเต็มที เขารีบดึงเสื้อคลุมให้เข้าที่แล้วถอยกรูดไปสามก้าวอย่างหัวเสีย
ปรากฏว่าขอทานน้อยยังคลานเข่าตามมาดึงเสื้อเขาไว้อีกครั้ง พร้อมกะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าใสซื่อจริงใจ “ยอดมือปราบจิน! ท่านเทพจิน! ท่าน…อาจารย์! อาจารย์! รับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ!”
* ซ่งอวี้กับพานอัน เป็นสองในสี่บุรุษรูปงามในประวัติศาสตร์จีน ได้แก่ พานอัน ซ่งอวี้ หลันหลิงหวัง และเว่ยเจี้ย ซึ่งซ่งอวี้ (298-222 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นชาวแคว้นฉู่ กวีและนักปราชญ์ในสมัยจั้นกั๋ว ส่วนพานอัน (ค.ศ. 247-300) เป็นกวีในสมัยจิ้นตะวันตก เกิดในตระกูลขุนนาง